คำเตือน: มีเนื้อหาเกี่ยวกับความตาย อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอารมณ์อ่อนไหว
เราเผชิญหน้ากับความตายนับตั้งแต่สูดลมหายใจเฮือกแรกในห้องคลอด สถานที่ที่ความตายจ่อปลายมีดอยู่บริเวณเส้นเลือดใหญ่ หากธรรมชาติอนุญาตให้รอดมาได้ เราก็ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไปโดยมีความตายกระซิบอยู่ข้างใบหู เราสูดอากาศพิษเข้าไปในปอด ส่งผ่านไปยังถุงลม สะสมก๊าซโสมมทีละน้อย เฝ้าคอยความตายในวันสุดท้าย เรากลิ้งเกลือกไปบนเส้นทางมรณะและใช้ชีวิตโดยที่รู้ดีว่าสักวันหนึ่งจะต้องสิ้นลมหายใจ
ยามแสงอรุณสาดส่อง เราตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญกับนัยน์ตาแห่งชะตากรรมที่จับจ้องมาจากเพดาน มันมองตามทุกการเคลื่อนไหวและยิ้มเยาะให้กับทุกอันตรายที่ต้องเผชิญ มันไม่ห่วงหา ไม่ก้าวก่าย ไม่เหนื่อยล้า และไม่เคยปิดเปลือกตานั้นเลย
เรากระเดือกอาหารที่มีหนามแหลมลงไปทำลายหลอดอาหาร รอคอยวันที่มันจะกัดกร่อนกระเพาะจนผุพัง จากนั้นก้มลงมองนาฬิกา เฝ้าคะนึงหาคนที่ไม่เคยคิดถึง ในห้องที่คับแคบนี้มีเพียงร่างกายเปล่าเปลี่ยวเดียวดายกับความตายที่เป็นเพื่อนสนิท
ขาสองข้างถูกแรงดึงดูดให้เดินออกไปตามทางที่คุ้นเคย ทำสิ่งต่าง ๆ ที่เคยคุ้น ตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยถูกหลอกให้หวังว่าสักวันหนึ่งมันจะถูกต้องสักครา เราใช้เวลาส่วนมากไปกับความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงแต่มันกลับเป็นเพียงเสี้ยวเวลาอันน้อยนิดของจักรวาล เราหวังว่ามันจะมาถึงสักวันแต่มันกลับไม่เคยมาถึงเลย
ยามตะวันคล้อยต่ำ เราทิ้งตัวลงบนม้านั่งที่แบกรับน้ำหนักของความทุกข์ เราหัวเราะออกมาแม้ในใจจะกลวงเปล่า สสารที่ประกอบเป็นร่างกายค่อย ๆ สลายไปทีละนิดเหลือทิ้งไว้เป็นมลพิษในชั้นบรรยากาศ เราเริ่มตั้งคำถามว่าตัวตนของเราเป็นลำธารเน่าเหม็นในระบบนิเวศและทำให้สมดุลของมันพังทลายหรือเปล่า
เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เราหวังเพียงแค่สักวันจะมีใครบางคนเฝ้ารอความตายไปด้วยกัน เราเริ่มตระหนักได้ว่าตัวเองไม่สลักสำคัญและสงสัยว่าสุนัขตัวนั้นกำลังเห่าอะไร เราก้มลงมองนาฬิกา เฝ้าคะนึงหาคนที่ไม่เคยคิดถึง แล้วหันไปถามความตายว่าเมื่อไรจะหมดเวลาเสียที
จะว่ายังไงดี เหมือนถ่ายทอดสิ่งที่เราคิดในทุก ๆ วันออกมาเป็นตัวหนังสือเลยค่ะ ตัวตนของพวกเราเล็กมากไม่มีค่าอะไรกับการเปลี่ยนแปลงในระดับจักรวาลเลย หรือแม้แต่จะเปลี่ยนอะไรสักอย่างบนโลกใบนี้ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ บางครั้งแค่จะเปลี่ยนตัวเองก็ทำไม่ได้ด้วยค่ะ 555 เป็นความเป็นจริงที่สิ้นหวังมาก (เหมือนถูกหลอกให้มีึความหวังอย่างที่ไรท์บอก เหนื่อยฟรี แล้วก็ตายไป) แต่ความคิดแบบนี้แง่หนึ่งทำให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้นค่ะ โดยเฉพาะเวลาทำอะไรผิดพลาดลงไป ถ้าเรามองว่าเดี๋ยวเราก็ตายแล้ว / ความผิดพลาดนี้ไม่ได้ส่งผลอะไรกับจักรวาล เราก็จะมูฟออนได้ง่ายดายอย่างน่าเหลือเชื่อเลยค่ะ! ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ออกมานะคะ
เป็นอีกครั้งที่คุณใช้คำง่ายแต่บาดใจ เรื่องนี้เราคือมนุษย์ตัวกระจ้อยร้อยในโลกกว้างใหญ่ และคุณเติมความสิ้นหวังมากกว่าซึ่งรีเลทได้จริงๆค่ะ ทั้งเรื่องในประเทศเราเอง สภาพสังคม และเรื่องระบบนิเวศของโลก เป็นความสิ้นหวังที่ไร้ทางออกเพราะเกินกำลังที่คนตัวเล็กอย่างเราจะแก้เองไหว อับจนหนทางจนได้แต่หวังว่าสักวันมันจะเปลี่ยน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความปรารถนาส่วนตัวว่าอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับใครสักคนหนึ่ง (ไม่รู้คุณเคยดูเรื่อง First Reformed หรือเปล่า เพราะคุณทำให้เรานึกถึงเรื่องนั้นมาก)
แอบได้ยินคำว่า wife ในเพลง ไปเช็คแล้วมีจริง รู้สึกว้าวกับรายละเอียดเล็กๆนี้มาก ยิ่งชอบเพลงนี้เข้าไปใหญ่เลยค่ะ ขอบคุณสำหรับงานเขียนและเพลงดีๆนะคะ
ปล. เคยดู First Reformed อยู่เหมือนกันค่ะ