เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
REPLAYpuroii
Sugar for the Pill






  • ความรักของเราสั่นคลอนอยู่บนเกลียวคลื่นและเราทั้งคู่พยายามทรงตัวอยู่บนแผ่นกระดาน



    อันตรายของการโต้คลื่นคือเราไม่สามารถควบคุมธรรมชาติได้ คลื่นลมอาจโหมกระหน่ำเมื่อมีพายุฝนและเงียบสงบลงตามฤดูกาล เราฝากความรักไว้กับทิศทางลม ผูกความสัมพันธ์ไว้กับกระแสน้ำ มอบชีวิตไว้ในกำมือเทพแห่งท้องทะเลและหวังว่าคลื่นใต้ฝ่าเท้าจะพาเราไปยังจุดหมาย หากแต่ธรรมชาติไม่อาจคาดเดาได้และบางครั้งเราถูกคลื่นพิโรธม้วนกลืนลงไปใต้มหาสมุทร เรากระเสือกกระสนดิ้นรนหาอากาศแต่สายน้ำเย็นเฉียบกลับแทรกซึมเข้าไปในหลอดลม ในขณะที่เรากำลังกังวลว่าจะจมดิ่งสู่ก้นบึ้งมหาสมุทรอันดำมืด เกลียวคลื่นก็สำรอกเรากลับคืนสู่ผิวน้ำ



    ความเจ็บปวดคือหยาดน้ำตาที่เปลี่ยนทะเลเป็นสีแดงและเราทั้งคู่คือผู้ที่มีบาดแผลจากโขดหิน



    เราขยาดกลัวเลือดที่หลั่งออกมาจากร่างกายเพราะมันคือหลักฐานว่าของมีคมกำลังกรีดเฉือนลงไปบนผิวหนัง เราเบือนสายตาจากบาดแผลเพราะไม่ต้องการรับรู้ความรุนแรงจากผลของการกระทำนั้น แต่ความเจ็บแสบที่แล่นแปลบเมื่อน้ำทะเลกระฉอกมา หรือยามที่สำลีชุบแอลกอฮอล์สัมผัสโดนกลับบาดลึกเสียยิ่งกว่าขอบแหลมของหินผา เราต่างเจ็บปวดไม่ทางใดก็ทางหนึ่งและเรายอมรับอันตรายของมันตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบเท้าลงบนผืนทราย เราเฝ้าถามตัวเองว่ามันคุ้มกันไหมกับค่ารักษาพยาบาลที่ต้องจ่าย คำตอบถูกเย็บปิดไปพร้อมบาดแผลที่เหลือทิ้งไว้เพียงรอยแผลเป็น 



    ความทรงจำคือสายลมที่พัดมาปะทะใบหน้าและเราทั้งคู่ถูกอาบด้วยกลิ่นของน้ำทะเล



    หมู่นกนางนวลสยายปีกต้านแรงลมอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี เราสองคนเป็นเพียงเงาเล็กวูบไหวภายใต้แสงสีเหลืองนวลของดวงจันทร์ สายลมโอนอ่อนโชยกลิ่นเค็มของน้ำทะเลมาสัมผัสปลายจมูก ฉันกางแขนทั้งสองแล้วออกวิ่งไปในค่ำคืน ปลายผมปลิวไหวเป็นอิสระไปตามแรงลม เธอส่ายศีรษะ ส่งเสียงหัวเราะกังวานราวเสียงช้อนกระทบแก้วแล้วออกวิ่งตามหลังมา 



    เกลียวคลื่นลูกสุดท้ายซัดเข้ามากระทบฝั่ง ลบเลือนภาพของเราไปพร้อมกองปราสาททราย





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
cloudburst (@cloudburst_ff)
มีคนแนะนำมาให้อ่าน ชอบมากเลยค่ะ คุณใช้คำง่ายแต่พอเอามาเรียบเรียงแล้วความหมายกินใจมาก เพลงก็เพราะ เราฟังแล้วคิดว่าการตีความของคุณน่าสนใจดี สำหรับเรามองว่าเพลงน่าจะเอ่ยถึงความรักวัยเยาว์ที่ฟุ้งฝัน เด็กที่ไม่ชอบกินยาขมจึงกลืนน้ำตาลแทนยา กลับกันก็เป็นรักที่มาแล้วไปเหมือนคลื่น เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่ด้วยอารมณ์ที่ขึ้นลงสุดจึงเป็นอะไรที่ฝังจิตฝังใจ

แต่คุณเพิ่มบาดแผลที่ทิ้งไว้เมื่อความรักหายไปด้วย ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือเปล่านะตรงปราสาททราย น่าจะคล้ายกับรักที่พังทลายง่ายดายไหมนะ

ชอบเวลาอ่านเรื่องที่ทำให้คิดแบบนี้มากเลยค่ะ ยิ่งเห็นการตีความที่แตกต่างยิ่งรู้สึกว่าโลกสามารถกว้างใหญ่ได้มากกว่าเดิมอีก ขอบคุณที่เขียนนะคะ
puroii (@puroii)
@cloudburst_ff ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ ที่จริงเราก็เสริมเข้าไปจากตัวเพลงเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ ทราบมาว่าคนแต่งอิงจากความรักของตัวเองและคนรักของเขาด้วย พอมาจากชีวิตจริงที่เขาแยกทางกันเลยฟังแล้วรู้สึกเศร้ากว่าปกติ สุดท้ายเลยได้ออกมาแบบนี้ค่ะ ;―;
cloudburst (@cloudburst_ff)
@puroii อย่างนี้เอง พอรู้อย่างนี้แล้วจากเพลงที่ยังมีโทนสดใสอยู่บ้างฟังแล้วรู้สึกร้าวใจขึ้นมาเลยค่ะ ;-;