ในตอนที่กำลังซาบซึ้งถึงความมีชีวิตอยู่ เลยคิดว่าควรทำอะไรสักอย่างเช่นการอ่านหนังสือสักเล่ม มันเป็นไปโดยธรรมชาติเวลาก่อนใกล้จะสอบมักอยากทำอะไรสักอย่างที่ไร้สาระ ไม่ว่าจะ เที่ยว กิน อ่านนิยาย พร่ำเพ้อ ทำความสะอาดห้องทั้งๆที่ปกติก็ไม่ทำ สิ่งนี้เรียกว่า ความขี้เกียจ ล้วนๆ ไม่มีอะไรผสม ก็ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น เนื่องจากไม่อยากอ่านหนังสือเรียน ไม่อยากอ่านเนื้อหาที่มีสาระก่อนจะสอบ เลยลุกจากเตียงในเย็นวันศุกร์ รึพฤหัสกัน จำไม่ได้แล้ว ขี่รถไปร้านเช่าหนังสือแถวๆหลังมอ จากตอนแรกไม่รู้จะอ่านอะไร เลยหารีวิวหนังสือในเว็บนี้ จึงเจอเข้ากับ 'หันมาทางนี้เถอะนะโมโมเสะ' ใช่หรือป่าว จำไม่ได้ แต่น่าจะใช่ ก็เลยอยากอ่านดู แต่รู้สึกว่าที่ร้านเช่าหนังสือจะไม่มีเล่นนี้ เลยคิดว่าจะเก็บตังซื้อเล่มเลยดีกว่า ก็เลยพับโครงการอ่านเล่มนี้ไปก่อน จนคิดว่าไปตายเอาดาบหน้าละกัน จริงๆก็ไม่เชิง เพราะเคยเห็นรีวิวหนังสือเรื่องนึงผ่านๆ ก็เลยคิดว่าจะลองอ่านดู ชื่อเรื่องที่แสนน่าประหลาดใจ คือไม่น่าอ่านเลย
"ตับอ่อนเธอนั้นขอฉันเถอะนะ"
ก็แบบลองดูหน่อยละกัน เลยเช่ามา ไอ้เราก็แบบปกติอ่านแต่นิยายวาย ลองอ่านแนวนี้ดูบ้างน้า ตอนแรกที่อ่านก็อ่านบนเตียง คือจะหลับอยู่แล้ว ดำเนินเรื่องแบบเหมือนวกไปวนมา พระเอกเหมือนพูดซ้ำๆ แต่ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก อ่านไปก็สนุกดี แต่ก็อ่านยาวไม่ได้อยู่ดี จะหลับทุกครั้งเลย ยิ่งตอนกลางๆเรื่องยิ่งอยากเทเล่มนี้มาก แต่แบบเช่ามาแล้ว ก็เลยอ่านไป ตอนหลังเริ่มชักจะสนุกขึ้นมา ลุ้นมากเลย
เอาจริงๆถ้าเกิดเป็นคนอ่านหนังสือมากๆคงจะอ่านรอบเดียวจบ มันไม่ได้แย่นะ คือพออ่านไปมันรับรู้ถึงความรักแบบไม่ใช่คนรัก มันคือความเข้าใจกันของคนที่แตกต่าง รู้ถึงสัจธรรมของชีวิต นางเอกสอนการใช้ชีวิตให้พระเอก พระเอกก็ทำเช่นเดียวกัน เหมือนคนที่แตกต่างกัน แล้วเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มันน่าประทับใจตรงนี้
ถ้าพูดถึงเรื่องย่อ คือนางเอกป่วยเป็นโรคที่ตับอ่อน แล้วเก็บเป็นความลับกับเพื่อนๆ แต่พระเอกดันไปรู้ความลับเข้า จนทำให้มีอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้น ซึ่ง เราต่างได้เรียนรู้และมองดูในฐานะของบุคคลที่สาม ในการอ่านเล่มนี้ เราต่างรู้ว่าคนสองคนนี้มีอะไรๆที่มันลึกซึ้ง ชอบที่พระเอกยอมนางเอกและเปรียบเทียบตัวเองเป็นเรือหญ้าที่พัดไปตามกระแสน้ำและแรงลม ชอบที่มีความแข็งแกร่งแบบวุ้นผลไม้ และความเป็นโยเกิร์ต ชอบความหวานเกินไป ชอบที่ได้เรียนรู้ชีวิต
จริงอย่างที่ในเรื่องได้บอกว่า ความตายนั้นอยู่ใกล้เรากว่าที่คิด เราไม่รู้ว่าจะเป็นวันไหน แต่ต้องมีสักวัน มันเป็นเรื่องจริง และมันน่าเสียใจมากๆ ที่คนเราต้องจากกัน เอาจริงๆคือโคตรพีคเลยในตอนจบ คือร้องไห้ไม่ออกอ่ะ แต่เศร้า
สุดท้ายก็ไม่มีอะไร บันทึกเอาไว้กับการรีวิวแบบแปลกๆและชวนงงนี้ ก็จะบอกว่าปลื้มจริงๆ แล้วรู้สึกว่าชีวิตสวยงามกว่าทุกครั้ง จนได้ยินประโยค ชีวิตเราใช้ซะ จากโฆษณา ฮ่าๆๆ เป็นเรื่องที่อยากให้ลองอ่านดู มันไม่ใช่แค่นิยายรัก ไม่ใช่แค่วรรณกรรม แต่มันเหมือนปรัชญาเลยแหละ คือหาอะไรแบบนี้มานานแล้ว ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ รู้สึกดีมากที่ไม่เทกลางทางซะก่อน แต่ก็ใช้เวลาอ่านไปตั้ง 3 วัน รึป่าวนะ รึ 2 วันเนี่ยแหละ แต่ดีจริงๆ รักเลย ฮืออออ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in