ภาพและเรื่องราวหลายอย่างที่เกิดขึ้นผสมผสานและสับสนปนเปอยู่ในหัว
ในที่สุดก็ผุดลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง ถอนใจ นั่งลืมตาอยู่ในความมืด แล้วทิ้งตัวลงไปนอนยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก
ทุกเรื่องในใจเป็นเรื่องเกี่ยวกับเมฆ
ความในใจของเมฆที่อยากจะบอกเขาคือสิ่งใดเป็นเรื่องหนึ่งที่เดือนอยากรู้ แต่ความกังวลของเมฆเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้กลายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากกว่า
เดือนเห็นพิรุธในตัวขำเช่นเดียวกับที่เมฆเห็น และที่จริงแล้ว เมฆจะปลุกคนทั้งเรือนขึ้นมาจับขำในฐานะผู้ต้องสงสัยก็ได้ ทว่าชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ทำให้ใครแตกตื่นในสิ่งที่ยังไม่รู้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ ซึ่งเดือนอ่านหัวใจของเมฆในเรื่องดังกล่าวออกทุกประการ
ถ้าหากขำถูกสงสัยว่าคิดร้ายอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมา สิ่งที่ตามมาเป็นอันดับถัดไปคือการจับตัวไปกักขังรอการชำระความ และในฐานะที่ขำเป็นหนึ่งในผู้คุม การนำตัวไปขังรวมกับคนโทษทั้งหลายในตะรางใต้ถุนเรือนก็จะเป็นเรื่องเสียมากกว่าดี ที่ยิ่งไปกว่านั้น เดือนรู้ว่าเมฆไม่ชอบและไม่เคยเห็นด้วยกับแบบแผนการลงโทษอย่างจารีตนครบาล หรือการลงทัณฑ์ให้สารภาพผิดก่อนที่จะมีพยานหลักฐานที่แน่ชัดและบ่งชี้ไปถึงตัวบุคคลผู้นั้นอย่างแท้จริง
บางคนอาจคิดว่าเมฆใจดีเกินไป แต่เดือนชอบเมฆที่เป็นคนเช่นนี้ เมฆดูไม่กร้าวแกร่งก็จริง แต่ความมั่นคงแน่นอนของเมฆทำให้เมฆเป็นคนพึ่งพาได้ อยู่ด้วยแล้วเย็นใจมากกว่ารุ่มร้อนไม่เป็นสุข แต่บางคราว ความเมตตาของชายหนุ่มก็อาจทำให้เจ้าตัวต้องเดือดเนื้อร้อนใจแทนคนอื่นเสียเอง
แล้วขำลงมาทำอะไรที่ใต้ถุนเรือนของเมฆ... ปัญหานี้ยังกวนใจเดือนไม่จบ
เท่าที่รู้จัก ขำเป็นคนเงียบ สงวนท่าที และไม่แข็งกร้าวมีอำนาจเหมือนพวกพะทำมะรงคนอื่นที่แค่ถลึงตามอง นักโทษทั้งหลายก็ต้องหลบตากันเป็นทิวแถว เป็นคนใหม่ที่ยังไม่รู้จักใช้พระเดชจึงได้รับหน้าที่จากนายมั่นหัวหน้าพะทำมะรงให้คอยสอดส่องดูแลพวกญาติพี่น้องของนักโทษที่คอยเอาข้าวปลาอาหารมาส่งเป็นหลัก
ว่ากันตามจริง พวกพะทำมะรงขึ้นตรงต่อเจ้าคุณสุจริตวินิจฉัย บิดาของเมฆและเป็นเจ้าเรือนใหญ่ไม่ใช่เมฆ เรื่องไม่พอใจหรือโกรธเคืองกับตัวลูกหลานของท่านจึงไม่น่าจะมีแต่ประการใด ส่วนข้อขัดแย้งหรือความเกี่ยวพันกับบ่าวไพร่ในเรือน เดือนก็ไม่เคยเห็นว่ามีใครไม่ถูกชะตากับพวกผู้คุม ต่างคนต่างอยู่ ต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเสียมากกว่า
คาดเดาไปโดยไม่มีหลักฐาน ไม่มีพื้นให้คิดหาทางเดินต่อไปได้ ก็เท่ากับใช้ความคิดไปอย่างเปลืองเปล่า
จะรีบร้อนลงไปใต้ถุนเรือนของเมฆเพื่อดูว่ามีอะไรผิดแปลกไปจากที่ควรเป็นหรือไม่ก็เสี่ยงเกินไป ทั้งเสี่ยงต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้น เสี่ยงต่อหลักฐานที่อาจเสียหายถ้ามีเรื่องราวใดเกิดขึ้นจริงอย่างที่สงสัย และเสี่ยงทั้งเรื่องตนเองอาจถูกสงสัยว่ากระทำการที่ไม่ควรกระทำ
เด็กหนุ่มพลิกตัวนอนตะแคง บอกตัวเองให้เลิกคิด พยายามข่มตาให้หลับ
รีบหลับ รีบตื่น เมื่อตะวันขึ้น ค่อยลงไปดูในจุดที่พบขำเมื่อคืนนี้เสียให้ประจักษ์แก่ตาว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือไม่กันแน่
ถึงจะนอนได้ครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ค่อนคืนหลังจากนอนพลิกไปมาอยู่หลายตลบ เดือนก็ผล็อยหลับไปจนกระทั่งรุ่งเช้า และตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของแช่ม หนึ่งในทนายของเจ้าคุณสุจริตวินิจฉัยที่พักอยู่ในเขตบ้านมาตบประตูเรียก
“คุณเดือน ตื่นเถอะ รีบไปที่เรือนคุณเมฆเร็วเข้า”
ชื่อของเมฆทำให้เดือนแทบจะดีดตัวขึ้นจากที่นอนแล้วแล่นไปที่ประตูห้องเดี๋ยวนั้น แต่ก็ได้สติร้องตอบรับออกไปว่าขอเวลาสักครู่ ระหว่างนั้นก็รีบจัดผ้านุ่งให้เรียบร้อย บ้วนปาก เทน้ำจากเหยือกที่วางไว้ในห้องลูบหน้าลวก ๆ หยิบผ้าขึ้นพาดบ่าเพื่อให้ดูสุภาพมากขึ้นเมื่อไปพบบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่กว่า และเปิดประตูออกไปตามเสียงเรียก
“เกิดอะไรขึ้นหรือ พี่แช่ม มีใครเป็นอะไร”
“ยังไม่มีใครเป็นอะไร” แช่มสาวเท้านำเดือนจากเรือนใหญ่ไปยังเรือนของเมฆ “แต่ก็เกิดเรื่องแล้ว”
“ท่านเจ้าคุณทราบเรื่องหรือยัง” เดินไป เดือนก็ถามไปด้วยเพื่อให้เข้าใจเรื่องก่อนไปถึงที่
แม้จะพยายามวางท่านิ่งสงบ รักษากิริยาไม่ให้ตื่นตระหนกตามคนขึ้นมาเรียก แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้และสิ่งที่ได้รับรู้ในตอนนี้ก็ทำให้เดือนใจเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความกังวลถึงตัวคนในเรือนที่แช่มบอกว่าเกิดเหตุอะไรสักอย่างและฟังดูไม่น่าจะเป็นเรื่องดี
“บอกให้พี่เอิบไปแจ้งท่านทราบแล้ว” ทนายของเจ้าบ้านบอก “แต่คุณเมฆไม่อยากให้ท่านกับคุณหญิงตกใจ จึงบอกว่า สืบความได้เรื่องแล้วจะมาบอกแก่ท่านด้วยตัวเอง”
“แล้วความที่ว่ามันเรื่องอะไรกันเล่า พี่แช่ม”
“คุณเดือนไปดูด้วยตาเอาเองดีกว่า” เจ้าของชื่อว่าพลางส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจและไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มีคำถามอีกมากที่อยากรู้ แต่ดูเหมือนว่าการซักแช่มต่อไปนั้นคงไม่ได้ความอะไรไปมากกว่านี้ เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจสงบปากและอดทนรอ แต่นั่นก็ทำให้ระยะทางระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนของเมฆที่เคยสั้นก็เหมือนยาวไกลไปตามความร้อนใจ
“พ่อเดือน มาแล้วหรือ ขอบใจนะ พ่อ”
แม่ผิวเป็นคนแรกที่เดือนได้พบเมื่อไปถึงเรือนของเมฆ สีหน้าของหล่อนที่ซีดเซียวและเต็มไปด้วยความไม่สบายใจสว่างขึ้นทันทีที่ได้เห็นหน้าของเขา น้ำเสียงของหล่อนที่เอ่ยเรียกชื่อของเขาแสดงความยินดีที่ได้พบหน้าเขาอย่างแท้จริง และในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็มองเห็นความห่วงใยอย่างเปี่ยมล้นต่อสามีของตนที่เดือนยังไม่เห็นตัวว่าไปอยู่ที่ไหน
เด็กหนุ่มยกมือไหว้หญิงสาว “เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”
“เมื่อเช้าตรู่ คุณพี่ลงเรือนไปเรียกนายมั่นให้ลงไปดูที่ใต้ถุนเรือนว่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่ เพราะเมื่อคืนนี้ คุณพี่เห็นว่ามีใครมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวนั้น” แม่ผิวตอบคำถาม เสียงของหล่อนฟังดูสงบก็จริง แต่เห็นได้ชัดว่าพยายามข่มความกังวลเอาไว้อย่างเต็มที่และตอบคำถามของเขาอย่างตรงไปตรงมาไม่เหมือนคนอื่นที่ไม่ยอมขยายความให้กระจ่าง “คุณพี่พบสิ่งแปลกปลอมที่ไม่เป็นมงคลนักอยู่ใต้ถุนเรือน จึงบอกให้บ่าวในเรือนไปตามพ่อเดือนมาเพื่อปรึกษา”
“แล้วตอนนี้คุณพี่อยู่ไหนหรือขอรับ”
“ยังอยู่ใต้ถุนเรือนกับนายมั่น” ผิวบอก “พี่เลี่ยงมาอยู่ที่หอนั่งเสียก็เพื่อไม่ให้อยู่ค้ำศีรษะคุณพี่ที่อยู่ข้างล่าง พ่อเดือนรีบลงไปเถิด ไม่ต้องห่วงคนบนเรือน แต่หากมีอะไรที่ต้องการก็เรียกพี่หรือบ่าวในเรือนได้ทันที”
“ขอบคุณขอรับ” เดือนยกมือไหว้ภรรยาของเจ้าของเรือนอีกครั้ง ก่อนขอตัวตามแช่มลงเรือนไปหาบุคคลที่เขาอยากพบที่สุดในเวลานี้ให้เร็วที่สุด
ที่ใต้ถุนเรือน ซึ่งตามปกติแล้วไม่ใคร่มีผู้ใดอยากเข้าไปนักอยู่แล้ว เดือนเห็นเมฆยืนกอดอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่กับนายมั่น พะทำมะรงร่างใหญ่และเป็นครูดาบของเขา ซึ่งมีสีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน ส่วนบ่าวไพร่และผู้คุมคนอื่น ๆ นั่นยืนมองอยู่ห่าง ๆ เหมือนได้รับคำสั่งมาว่าอย่าเข้ามาใกล้
“คุณพี่ กระผมมาแล้วขอรับ”
“มาเร็วดีจริง ขอบใจเหลือเกิน พ่อ” เมฆเงยหน้าขึ้นแทบทันทีที่ได้ยินเสียงบอกกล่าว ใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มในคราวแรกค่อยมีรอยยิ้มผุดขึ้นด้วยความยินดีและโล่งใจ แต่ในขณะเดียวกันนั้น แววตาของชายหนุ่มก็บอกเดือนว่า เจ้าตัวรู้สึกผิดที่ต้องปลุกและรบกวนให้เดือนต้องรีบมาด้วยเรื่องร้อนแต่เช้าตรู่
“มิเป็นไรขอรับ” เดือนบอก “คุณพี่ผิวบอกว่า คุณพี่กับน้ามั่นพบบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลนัก มันคือสิ่งใดกันขอรับ”
“พ่อเดือนมายืนข้าง ๆ พี่” ชายหนุ่มกล่าวและขยับเว้นที่ให้เด็กหนุ่มซึ่งผละจากแช่ม แล้วเดินลอดใต้ถุนเข้าไปหา
ทันทีที่ได้เห็นสิ่งที่เมฆและมั่นยืนมองอยู่ก่อนแล้ว เดือนถึงกับชะงัก และหันหน้าไปมองเมฆอย่างไม่รู้ตัว ส่วนชายหนุ่มก็มองตอบกลับมาพร้อมพยักหน้ารับว่า สิ่งที่เดือนรู้สึกในเวลานี้ไม่ต่างจากสิ่งที่เขาคิดและรู้สึก
“ใครเอาของทำคุณไสยมาไว้ตรงนี้”
ส่วนนายขำ!
อย่ามาวุ่นวายกับสามีของลูกชายฉันนะ!
ชอบประโยคที่บอกว่าเดือนอ่านหัวใจของเมฆออกจังเลยค่ะ
ขอบคุณค่าา :)
ชอบที่ผิวเลี่ยงมานั้งที่หอนั้ง เพื่อไม่ให้ค่ำหัวพี่เมฆ เดี๋ยวนี้หาตัวละครที่เคารพกันและกันจริงๆยากมาก;-; ไม่ใช่แค่ผิว แต่ทุกคนเลย มันเป็นความละเอียดละอ่อนของการแสดงออก เล็กๆน้อยๆแต่อิมแพคอะ // คุณไสนี่คิดได้หลายทางมาก อาจจะทำโดยคนที่ไม่พอใจพี่เมฆ หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่มีปัญหากับผิว
เรื่องนี้เป็นเรื่องย้อนยุคด้วยค่ะ ก็จะถือเรื่องมารยาท เรื่องธรรมเนียมกัน
ทุกคนในเรือนมีโอกาสเป็นเป้าหมายจริงๆ ค่ะ ><
เอาของคุณไสยมาแอบไว้ใต้เรือนคุณพี่เยี่ยงนี้ ตัวการต้องการอะไรกันแน่นะคะ จงใจเล่นของเพราะพี่เมฆโดดเด่นในหน้าที่การงานมากเกินไปหรือไม่หนอ วิตกกังวลตามน้องเดือนแล้วค่ะ ;-;
ในส่วนของของคุณไสยเดี๋ยวมาเฉลยกันนะคะว่า ใครเป็นเป้าหมายกันบ้าง จะเป็นพี่เมฆหรือเปล่า ><