
          ตอนนี้เขารับรู้ถึงการกอดของคนตัวสูง มือเล็กลูบแผ่นหลังกว้างเพื่อปลอบโยน มันไม่ต่างจากการกอดอีกคนกลับ ความรู้สึกตอนนี้มันยากอธิบาย อยู่ดีๆเขาก็รู้สึกผิดกับโทรุทั้งๆที่เขายังไม่ได้ทำอะไร
 
          “ฉันแค่อยากมั่นใจว่านายยังเป็นของฉัน” เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยออกมาทำให้เขาใจหวิว เขาเงยหน้ามองเพื่อนสนิทสีหน้าเจ็บปวดนั่น มันทำให้เขาใจไม่ดี หากโทรุเจ็บ เขาก็รู้สึกเจ็บไปด้วย
 
          “ฉันยังเป็นของนายโทรุ” เขายิ้มบางปลอบใจอีกคน  แสงสะท้อนจากไฟถนนทำให้เห็นน้ำตาที่ค่อยๆไหลลงมา มือบางนาบแก้มอีกคนก่อนที่จะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหยดน้ำตาออกอย่างเบามือ ยิ่งเขาทำแบบนั้นยิ่งทำให้แรงกอดเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เขาจะบอกได้มั้ยว่าการอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน เขาไม่ชินเอาเสียเลย
 
          เขาค่อยๆผละกอดคนตรงหน้า หากแต่ว่าอีกคนใช้มือจับใบหน้าเขาขึ้นจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ไม่มีถ้อยคำอะไรออกจากปากทากะ อีกคนก็ไม่ได้พูดอะไร นานเท่านานแต่ทั้งสองคนยังคงไม่มีใครละสายตาออกจากกัน
 
เป็นครั้งแรก  ที่เขาไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเองกับคนตรงหน้า
“ฉันชอบนาย” ถ้อยคำที่ที่ออกมาจากปากเพื่อนสนิททำเขาใจหวิว
 
“ท..โทรุ” คนตัวสูงค่อยๆโน้มหน้าลงมา ก่อนที่ช่องว่างระหว่างเราจะไม่มี เมื่อริมฝีปากของอีกคนประทับลงมาไม่มีการรุกล้ำ จูบอย่างอ่อนโยน สมกับที่เป็นโทรุ ... เขาไม่ได้ปฏิเสธ ค่อยๆใช้มือคล้องคออีกคนโน้มลงมาจูบมากกว่าเดิม ราวกับว่าเขาต่างก็โหยหาคนข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว
 
โทรุอ่อนโยนกับทากะเสมอ แม้กระทั่งในวันที่ตัวเองอ่อนแอ
         
          ดวงตากลมตื่นขึ้นมาในกลางดึก หยาดเหงื่อผุดเกาะตามใบหน้าทั้งๆที่อากาศไม่ได้ร้อนขนาดนั้นมือเล็กคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ใต้หมอนเปิดหน้าจอขึ้นมาดูเวลา ที่บอกว่ากำลังเพิ่งสี่โมงเช้าดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำ
          ขาเรียวลงจากเตียงแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ จะให้เขาหลับต่อเขาก็คงนอนไม่หลับ ทากะยืนมองตัวเองในกระจก มีคำถามมากมายผุดขึ้นในหัวที่เขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ตลอดทั้งสัปดาห์หลังจากวันนั้นเขาฝันแบบนี้เป็นรอบที่สาม ทั้งๆที่เขากับโทรุไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย มือบางยกขึ้นเขกหัวตัวเองเบาๆ ที่ดันฝันอะไรไม่เข้าเรื่อง
 
          ทากะพยายามสลัดความคิดทิ้งเพื่อนกันจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง ...
 
 
 
          หลังจากที่จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเลยลงมาชั้นล่างของบ้านเพราะไม่มีอะไรทำในตอนเช้า เกือบชั่วโมงที่เขานั่งเปลี่ยนช่องรายการทีวีไปมาด้วยความเบื่อหน่าย พอตื่นเช้าก็ไม่รู้จะทำอะไรฆ่าเวลาระหว่างที่รอโทรุมารับ คนตัวเล็กถอนหายใจเบาๆแล้วตัวนอนกลิ้งตัวยู่บนโซฟา
 
“โทรุ ตื่นรึยังนะ”ทากะพึมพำกับตัวเองก่อนจะคว้ามือถือ ที่เปิดหน้าโทรออกค้างไว้  
 
ถ้าโทรไปแล้วทำอีกคนตื่นคงไม่ดี เขาไม่อยากกวนคนตัวสูงอีกแล้ว กลัวว่าจะเผลอทำให้เพื่อนสนิทลำบากใจเหมือนวันนั้นถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็เถอะ ทากะไม่รู้ว่าตัวเองติดโทรุมากเกินไปหรือเปล่าเพราะเขาก็โตมากเกินที่จะให้โทรุดูแลไปหมดทุกอย่าง แค่ทุกวันนี้โทรุไปส่งเขาที่ทำงานอยู่เป็นประจำเพราะรู้ว่าเขาไม่ชอบขับรถ ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระจะแย่แต่อีกใจนึงก็ยังอยากให้เพื่อนคนนี้ดูแลเขาแบบนี้ไปนานๆ ถึงจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยก็เถอะ
 
เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องกลายเป็นเหมือนเด็กน้อยไปทันทีเมื่อเทียบกับโทรุทั้งๆที่อายุเท่ากัน
 
          ทากะสะบัดความคิดอีกทีเป็นรอบที่สอง มือเรียววางมือถือเครื่องเดิมลงเมื่อตัดสินใจว่าจะไม่โทรไปหาอีกคน
 
 
          “ฉันไปละนะนายก็ตั้งใจทำงานด้วย” ทากะบอกลา เมื่อโทรุจอดรถให้ลงเมื่อมาถึงที่ทำงานของเขา
 
“อือ แต่ถ้าจะให้มารับ โทรมานะ” เจ้าของเสียงทุ้มมองคนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง
          
          “รู้แล้วน่า” เขาพูดแล้วโบกมือให้กับคนที่นั่งอยู่หน้าพวงมาลัยอย่างทุกที ก่อนที่อีกคนจะยิ้มบางๆให้เขาแล้วขับรถออกไป
 
 
 
          “ดีจังนะที่เรามาพร้อมกัน” ทากะหันไปตามเสียงก่อนจะพบว่ามาซาโตะยืนอยู่ตรงนั้นคนตัวเล็กยิ้มทักทายกับเจ้าของใบหน้าสมบูรณ์ที่เพิ่งมาเฉกเช่นเดียวกับเขา
 
          “บังเอิญจังเลยนะครับ” ทากะเดินเข้าไปหามาซาโตะที่ยืนอยู่ไม่ไกล
 
          “นั่นสินะ แต่บางเรื่องก็ไม่ได้บังเอิญไปเสียหมดหรอกน่า”  เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยิ้ม แล้วมองแผ่นหลังกว้างภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เดินนำเข้าไปในตึก ตอนนี้เขาเหมือนกับลูกหมาเชื่องๆที่เดินตามเจ้าของ  “แล้วใครมาส่ง…”
 
          “โทรุมาส่งครับ”
 
          “อ่างั้นสินะ” ทากะก้าวตามอีกคนเข้ามา ก่อนที่คนตรงหน้าจะหยุดอยู่ห้องเปียโน ซึ่งทากะมักจะใช้ห้องนี้สอนนักเรียนของเขาอยู่เป็นประจำ
 
“พี่หวังว่านาย จะไปทานมื้อกลางวันกับพี่นะ”  คำถามที่ไม่ทันตั้งตัวถามคนตัวเล็กอย่างไม่รีรอยังไงเขาก็ยังเขินมาซาโตะอยู่นิดๆ  ถึงจะทำงานในที่เดียวกันมาเป็นสัปดาห์ก็เถอะ แต่มันก็หน้าเขินคนตรงหน้าอยู่ดีนี่นา ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร...
 
          “ค..ครับ?”
         
“ทำเป็นลูกหมาหิวนมไปได้ พี่กำลังชวนนายไปกินอาหารกลางวันอยู่น่ะ”
 
“...”
 
“ว่าไง จะไปกับพี่รึเปล่า?”
 
“ป..ไปสิครับ” คนตัวเล็กคลี่ยิ้มให้กับคนตัวสูง เขายังหาเหตุผลในการปฏิเสธคนตรงหน้าไม่ได้เลย ทำไมเขาต้องปฏิเสธด้วยล่ะ
 
“อย่าหลอกให้ดีใจเล่นล่ะ” คนตัวเล็กก้มหน้าลงต่ำ พยายามปิดบังแก้มเนียนที่กำลังขึ้นสีไม่ให้อีกคนได้เห็น
 
“ผมไปแน่นอนน่า” เสียงฝีเท้าของอีกคนเริ่มห่างไกลออกไปยังคงเหลือเสียงหัวใจดวงน้อยกำลังเต้นโครมครามอยู่ มาซาโตะเป็นมิตรกับเขาในระหว่างที่ทำงานด้วยกันทำให้เขาและมาซาโตะสนิทกันไวในระดับหนึ่ง
 
 
 
 
ทากะเหลือบมองหนุ่มลูกครึ่งที่ยืนกอดอกพิงประตูในขณะที่รอเขาที่กำลังสอนนักเรียนของเขาอยู่เป็นครั้งแรกที่คนตัวเล็กอยากเลิกคลาสเรียนนี้ไวๆ เพื่อที่จะไปหาคนที่ยืนรออยู่
 
คนตัวสูงมองร่างเล็กที่กำลังสอนด้วยท่าทางร้อนใจเมื่อเห็นเขามารออยู่ก่อนแล้ว ริมฝีปากอิ่มหันมาบอกว่าเขาว่า ‘ขอโทษที่ให้รอนะครับ’ ทำให้คนตัวสูงหลุดคลี่ยิ้มออกมาบางๆ แล้วส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร เขาโกรธคนตรงหน้าไม่ลงหรอกถึงแม้ว่าอีกคนจะทำให้เขาเสียเวลาแค่ไหนก็เถอะ
 
“ขอโทษจริงๆนะครับ ที่ทำให้ต้องมารอผม” หลังจากที่สอนเสร็จทากะก็รีบเดินออกมาหาเขา แล้วขอโทษ ขอโพยเป็นอย่างแรก
 
“ก็พี่บอกแล้วว่าไม่เป็นไร รอได้”
 
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจ”
 
“งั้นเราไปกันเถอะ” มาซาโตะก้มมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วผลักไหล่เล็กให้เดินนำไปข้างหน้า นี่ก็ผ่านเวลาเที่ยงไปสักพักแล้วเขากลัวว่าคนตัวเล็กจะหิวซะก่อน
 
“ครับ..”  
 
 
 
 
 
 
 
นาฬิกาบนผนังบอกเวลาว่ากำลังสี่ทุ่มเกือบชั่วโมงที่ร่างเล็กนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงนอน สลับกับการมุดใบหน้าลงบนหมอนใบโปรดเป็นบางคราในหัวยังคงคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันไม่จบสิ้น 
 
‘ทากะจะว่ายังไง ถ้าพี่จะจีบทากะ’
 
เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาจากปากหนุ่มลูกครึ่งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นทำให้เขาคิดไม่ถึง แต่มันน่าแปลกใจที่เขาดันรู้สึกยังไม่มั่นใจตัวเองเหมือนตอนแรกวินาที ในตอนนั้นเขาพูดอะไรไม่ออกสักคำ เขาไม่ควรลังเลด้วยซ้ำ
 
‘ถ้ายังไม่อยากตอบไม่เป็นไร พี่ไม่รีบ’
 
ประโยคนั้นออกจากปากของคนตัวสูงเมื่อรู้ว่าเขาลังเลใจและยอมรับการตัดสินใจของเขา เขาคงไม่ได้เรื่องในทุกเรื่องแบบนี้สินะขนาดเรื่องของตัวเองก็ดันรับปากอะไรไม่ได้
ในใจทากะยังคงก่นด่าตัวเองเบาๆว่าเจ้าตัวเป็นคนไม่ได้เรื่องสักอย่าง ...
 
เสียงสั่นของโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างๆดึงความสนใจของคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงทากะจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ว่าใครเป็นคนโทรมา ก่อนที่จะกดรับแบบไม่ลังเล
(ทากะ ฉันขอไปนอนได้มั้ย)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ลืมจ่ายค่าไฟอีกแล้ว ให้ตายสิ” เสียงทุ้มพึมพำบ่นกับตัวเองเมื่อกลับบ้านมา หลังจากไปส่งทากะที่บ้านเขาลองเปิดไฟแต่ไฟกลับไม่ติด ก่อนจะนึกได้ ว่าเขาลืมไปจ่ายค่าไฟอีกแล้ว ได้แต่ด่าความไม่เอาไหนของตัวเองเบาๆ
ในหัวพยายามคิดว่าจะเอายังไง จะไปนอนที่สตูก่อน หรือไปนอนที่บ้านทากะ แต่หัวใจของเขามันเอนเอียงไปอย่างหลังมากกว่าน่ะสิ นานแล้วสินะ ที่ไม่ได้ไปนอนบ้านเจ้าตัวเล็กของเขา เขาจ้องมองมือถือที่อยู่ในมือ ในหัวตอนนี้มีแต่ความลังเลเขาควรจะโทรไปหาทากะดีหรือเปล่า
 
เจ้าของผมสีสว่างตัดสินใจเอาโทรศัพท์แนบหูเสียงสัญญาณดังเป็นจังหวะ ต่างจากจังหวะหัวใจของเขาที่เต้นเร็วจนน่าใจหาย
 
“ทากะ ฉันขอไปนอนบ้านนายได้มั้ย”
(นายลืมจ่ายค่าไฟอีกแล้วรึไง)
 
“อือ”
 
(มาสิ เดี๋ยวฉันจะลงไปเปิดประตูให้)
 
“ฉันจะรีบไป”
 
(งั้นแค่นี้นะ...ไว้เจอกันที่บ้าน) โทรุเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวไปหยิบกุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วรีบล็อคบ้านแล้วติดเครื่องรถออกไปหาคนตัวเล็กทันที
 
 
 
 
“มาแล้วหรอ”  ทากะออกมาเปิดประตูให้คนตัวสูงตามที่บอก
 
“ฮิโรกิล่ะ” เขาถามหลังจากที่ไม่เห็นน้องชายตัวป่วนมาทักทายเหมือนเคย ก่อนที่จะนำกระป๋องเบียร์ที่ซื้อมาสองสามกระป๋องไปแช่ตู้เย็น
 
“นอนไปแล้ว” ร่างเล็กเอ่ย “อาบน้ำมารึยังเนี่ยเจ้าบ้า”
 
“ยังเลย”
 
“งั้น...ไปอาบน้ำ...ได้แล้ว”ทากะดันแผ่นหลังอีกคนขึ้นไปบนชั้นสอง ก่อนจะจัดแจงนำผ้าเช็ดตัว และชุดที่โทรุทิ้งไว้หลังจากพักเมื่อคราวก่อนออกมาให้
 
“นายก็รีบนอนได้แล้ว เจ้าขี้เซา”มือหนารับเสื้อผ้าที่คนตัวเล็กยื่นให้
 
“รู้แล้วน่า นายน่ะรีบอาบไปเลย” เจ้าหมาน้อยพูดแล้วแลบลิ้นให้เพื่อนสนิทตัวเอง ที่ชอบทำตัวให้เขาดูเป็นเด็กไปเสียได้ ทำให้โทรุหลุดขำออกมากับท่าทางของอีกคน
 
 
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เสื้อผ้าก็ถูกเปลี่ยนเสื้อยืดกับกางเกงนอนสบายๆ สายตาคมสอดส่องไปรอบๆ มีเพียงนัยน์ตาที่ทำงานตามสมอง คือการเพ่งมองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง เขาตัดสินใจเดินไปที่โซฟามุมห้องแล้วหย่อนตัวลงนั่งเงียบๆละสายตากับร่างที่อยู่บนเตียง แล้วมองออกไปดูท้องฟ้าผ่านประตูกระจกบานเลื่อนที่ยังไม่ได้ปิดม่าน
 
 
“นายจะนอนตรงนั้นหรอ” คนตัวเล็กเอ่ยถามขึ้นมากลางความเงียบโทรุอ้ำอึ้งที่จะตอบ งั้นเขาควรจะไปนอนตรงไหนกันล่ะ
 
“ฉันคิดว่าฉันควรนอนตรงนี้ดีกว่า นายนอนไปเถอะ” คนตัวเล็กลุกขึ้นมานั่งแล้วจ้องมองมาทางเขา
 
“ครั้งแล้วที่ฉันให้นายนอนโซฟา เพราะเตียงมันเล็กเกินไป”
 
“…”
 
“แต่ฉันเปลี่ยนเตียงใหม่แล้ว นายไม่จำเป็นต้องนอนตรงนั้นหรอก”
 
“…”
 
“อีกอย่างฉันเพิ่งเอาผ้าห่มไปไว้ร้านซักรีด”
 
“ฉัน..ไม่ต้องห่มก็ได้น่า”
 
         “ฉันไม่ถือหรอกน่าอีกอย่างเราเป็นเพื่อนกันนะ”
 
          “คือ...ไม่ใช่แบบนั้น” ไม่ระวังตัวเอาเสียเลย
 
          “งั้นแล้วแต่นายละกัน” เจ้าหมาตัวเล็กพูดเสียงหงอย ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนไปตามเดิม
 
          “ก็ได้ๆ งั้นนายนอนไปก่อนก็แล้วกัน ฉันจะลงไปดื่มข้างล่างก่อนละกัน”
 
 
 
 
ราวกับโชคชะตาเล่นตลกมีเพียงทางสองทางให้เขาเลือก ทางที่หนึ่งคือห้ามใจตัวเอง และอีกทางคือเริ่มทำตามหัวใจ
ร่างหนานั่งดื่มเบียร์กระป๋องนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าบ้านตัวเดิมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ความรู้สึกจากอ้อมกอด ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเขาไม่เคยจางหาย ทุกครั้งที่เขาอ่อนแอ มีเพียงทากะเท่านั้นที่จะช่วยดึงเขาขึ้นมาจากความรู้สึกแย่ๆเหล่านั้น
 
เขาอยากจะบ้า กับการที่ทากะไม่เคยรู้อะไรเลย 
ไม่อยากให้ทากะไว้ใจเขาเกินไป
เพราะเขาไม่สามารถไว้ใจตัวเอง
ว่าจะทนแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่
อาจจะเป็นคืนนี้พรุ่งนี้ หรือสักวัน
 
“ใครสอนให้ชวนคนอื่นนอนด้วยแบบนั้นเล่า ทากะ เจ้าเด็กโง่” เสียงทุ้มเอ่ยอยู่คนเดียวท่ามกลางความเงียบ หวังว่าคนตัวเล็กจะหลับไปแล้ว 
 
 
 
 
เสียงกระป๋องเบียร์กระทบลงก้นถังขยะ เมื่อคนตัวสูงดื่มจนหมด ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่เขาก็ยิ่งผ่อนคลายอาจจะเป็นเพราะสิ่งที่ดื่มเข้าไป รู้ตัวอีกทีเข็มนาฬิกาก็บ่งชี้ว่าเป็นเวลาเที่ยงคืน ทำให้โทรุรู้สึกว่าเขาควรกลับขึ้นไปบนห้องนอน แล้วข่มตานอนเสียทีถึงจะรู้ว่ามันไม่ง่าย
 
 
          เที่ยงคืนแล้วแต่คนตัวเล็กไม่ได้ปิดไฟ ห้องนอนร่างสูงค่อยเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูให้เบามือที่สุด เมื่อเห็นเพื่อนสนิทนอนหลับอยู่บนเตียง เขาเลยเดินไปปิดสวิตช์ไฟข้างผนัง เหลือเพียงแสงสว่างจากโคมไฟข้างๆเตียงนอน โทรุค่อยๆหย่อนตัวลงบนเตียงนอนใช้นิ้วมือเกลี่ยผมไปข้างๆ เพื่อจะได้เห็นใบหน้าของอีกคนได้ชัดเจน
 
‘นายก็ได้แค่ความผูกพัน หัวใจของทากะนายคงไม่มีทางได้’
 
          อยู่ๆคำพูดของมาซาโตะก็ดังก้องอยู่ในหัวทันทีที่มองไปยังร่างเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง หลากหลายความรู้สึก ทั้งความคิดถึง ความโหยหาและความกลัว ถาโถมเข้ามาหาเขา ทุกครั้งมักจะมีคำถามเข้ามาในหัวเขาอยู่เสมอ ว่าเขาควรจะทำยังไงกับคนตรงหน้าดี...
 
          กลิ่นสบู่หอมอ่อนๆ ลอยมาเมื่อเขาเขยิบเข้าไปใกล้ๆคนตัวเล็กทากะคงง่วงมากถึงเผลอนอนทั้งที่ไม่ได้ปิดไฟ นอนหลับไปทั้งๆที่ห่มผ้าได้ถึงแค่เอวชายเสื้อที่ร่นขึ้นมาทำให้เห็นผิวเนียนใต้ร่มผ้า
          ไม่ได้มีเพียงแค่ผิวขาวที่โผล่พ้นออกมา แต่คงจะมีหัวใจของเขาที่เต้นระรัวแทบทะลุออกมาเหมือนกัน โทรุไม่รู้จะโทษอะไร ไม่รู้ว่าจะโทษคนตัวเล็กที่ไม่ห่มผ้านอนดีๆ หรือจะโทษตัวเขาเองที่ซัดเครื่องดื่มจนทำให้มองว่าคนตัวเล็กน่ารักได้ขนาดนี้  ทั้งๆที่ก็เห็นกันทุกวัน ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งดึงดูด ยิ่งจ้องมองยิ่งหลงใหลยิ่งรู้จักยิ่งอยากสัมผัส
 
          รู้ตัวอีกที เขาก็จรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเพื่อนตัวเล็กเบาๆ ก่อนจะดึงเสื้อที่ร่นขึ้นลงมาให้มิดชิด แล้วห่มคลุมร่างเล็กอย่างที่ควรจะเป็น
 
          “ได้โปรดอย่าไว้ใจฉันมากกว่านี้เลยทากะ”
 
          “…”
 
          “ฉันไม่อยากทำร้ายนาย...”
				 
			
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in