เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่สถานีนี้มีทั้งน่าจดจำและไม่น่าจดจำ
แต่ยังไงก็คงจะบันทึกเอาไว้ทั้งหมดนั่นแหละ
เรามาถึงสถานี Taipei101 กันในช่วงบ่าย พอมาถึงก็รู้สึกว่าปวดฉี่อีกแล้ว เข้าไปหาห้องน้ำกันในตึก 101 ดีกว่า ห้องน้ำน่าจะดี เพราะด้านล่างมันเป็นห้าง
เดินออกมานอกสถานีก็จะเห็นตัวตึกเลย แหงนมองหน่อย ฟ้าขาวเชียว
หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในตึก เข้าห้องน้ำที่ชั้นเดียวกันนั่นแหละ ห้องน้ำชั้นล่างก็คนเยอะเหมือนทุก ๆ ห้าง เราเดินตามหลังอันเข้าห้องน้ำ เสร็จแล้วก็เดินออกมาล้างมือ หลังจากนั้นก็แวะไปดูเสื้อที่ร้าน SPAO หน่อย เท่าที่ดูราคาก็ไม่ได้แพงมาก พอเจอกระจกก็ถ่ายรูปเล่นกัน
และอยู่ ๆ อันก็พูดขึ้นมาว่า 'ซอ กล้องเราไม่อยู่'
เราก็หันไปมองหน้า หา? อะไรนะ อันบอกว่ากล้องไม่อยู่ เราถามว่าดูในกระเป๋าดีหรือยัง อันบอกว่าดูแล้วไม่มี เราเลยรีบเดินกลับไปที่ห้องน้ำ เปิดดูทุกห้องแต่ก็ไม่เจอ เราถามอันว่านึกออกไหมว่าแขวนหรือวางในห้องน้ำ อันบอกว่าจำไม่ได้ เราเลยพยายามหาแม่บ้าน เผื่อแม่บ้านจะเจอแล้วเก็บไว้ แต่แม่บ้านก็ไม่ได้อยู่แถวนั้น ตอนแรกก็เดินไปถามพนักงานบูธสินค้าแถวนั้นก่อน บอกเขาว่าลืมกล้องไว้ในห้องน้ำ แต่ดูพนักงานจะงง ๆ เลยถามไปว่า ประชาสัมพันธ์อยู่ไหน นางก็บอกทางให้ พอไปถึงประชาสัมพันธ์กว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่อง ยากพอสมควร คงเพราะกำลังตกใจด้วย พนักงานอาจจะฟังสำเนียงเราไม่ถนัดด้วย ตอนแรกบอกไปว่าลืมกล้องไว้ในห้องน้ำ ดูจะงง ๆ พอบอกว่ากล้องหายพนักงานก็ตกใจ ถามว่าทำหายที่ไหน เลยบอกว่าห้องน้ำ นางก็ให้กรอกแบบฟอร์ม ว่าชื่ออะไร กล้องยี่ห้ออะไร รุ่นอะไร สีอะไร พร้อมขอที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์ เราก็ทำเท่าที่จะทำได้ ระยะเวลาตั้งแต่เดินออกมาจากห้องน้ำไปจนถึง SPAO จนกระทั่งอันรู้ตัวว่าลืมนี่ไม่ถึง 5 นาที แต่กล้องก็หายไปแล้ว เราคิดว่าถ้าเป็นเราคงช็อคมาก นอกจากจะเสียดายกล้องก็เสียดายรูปนั่นแหละ กล้องยังพอซื้อใหม่ได้แต่รูปทำยังไงมันก็ไม่กลับมาแล้ว ตอนนั้นเราเลยทำได้แค่รอทางห้างติดต่อกลับมา แต่จนวันนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อใด ๆ
พูดได้อย่างเดียวว่าต้องทำใจ ถึงมันจะยากก็เหอะ
เราเลยบอกอันว่า มองในแง่ดีก็ยังดีกว่าพาสปอร์ตหรือกระเป๋าตังค์หายนะ แลดูเป็นคำปลอบใจโง่ ๆ แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เราเลยเดินออกมานอกตึก เหมือนจะมีโชคดีเหลืออยู่นิดหน่อยที่ฟ้าเปิด
ด้านนอกก็มีคนออกมาเดินเล่นเยอะแยะ ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น
เอาล่ะ คอแห้งแล้ว เป้าหมายหลัก(?)ที่เรามาที่นี่คือต้องการชานม Chun Shui Tang ที่เคลมว่าตัวเองเป็นต้นตำรับ จากรีวิวที่เจอ เขาบอกว่าชานมร้านนี้อยู่ที่ตึก A9 ใกล้ ๆ ตึก Taipei 101 นี่แหละ หาไม่ยาก
เออ ข้อมูลมีแค่นี้
หรือเราหาไว้ไม่ละเอียดพอก็ไม่รู้ แล้วไอ้ตึก A9 นี่มันอยู่ตรงไหนวะ เราเลยต้องใช้ Google Map ช่วย หาไปหามาจึงได้ความว่า...
ถ้าเราเดินออกมายืนหน้าตึก Taipei 101 หันหลังให้ตึก จงเดินไปทางซ้าย (ตามป้าย LOVE นั่นแหละ) ตรงไปจนถึงแยกให้เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปจนถึงแยกให้ข้ามถนน ตรงไปอีกไม่ไกลตัวตึก A9 นั่นจะอยู่ซ้ายมือ ให้ข้ามถนนอีกที
กดดูเกิลแมพจะได้ออกมาตามภาพนี้
ใส่ลิงค์
พิกัดให้เลย เผื่อมีคนหลงเข้ามาอ่านหน้านี้แล้วอยากได้ความสะดวกและไม่โง่เหมือนเรา 55555
และ... เรามารู้ตอนเดินมาถึงว่าบริเวณนั้นมันคือห้าง Shin Kong Mitsukoshi ซึ่งบริเวณนั้นมันจะมีหลายตึก มี A9 A11 เยอะแยะเต็มไปหมด
นี่เดินมาใกล้ถึงแล้ว เจอตึกแล้ว ได้ท้องฟ้าชินไค(?)มาด้วย
ข้ามถนนก็จะถึงแล้ว จะได้กินชานมแล้ว มองไปก็จะเจอร้าน Catier
โอเค มาถึงละ แต่มันไม่ได้จบตรงที่เดินมาถึงตึกเว้ย! คือมันอยู่ชั้นไหน? เดินเข้าไปในตัวตึกชั้นล่างก็มีแต่พวกแบรนด์เนม เครื่องสำอาง เครื่องประดับ เลยเดินไปดูป้าย อืม... ชั้นใต้ดินขายกระเป๋า ร้านอาหารดูจะอยู่บน ๆ ตามหลัก(?)แล้วมันน่าจะอยู่เป็นโซน ๆ ถ้าร้านอาหารอยู่ข้างบน มันก็คงอยู่ข้างบนเนอะ ว่าแล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนหาไปทีละชั้นเลยดีกว่า
แม่ง ขึ้นมาถึงชั้น 7 แล้ว ไม่เจอ อันก็ดูล้า ๆ แถมยังเพิ่งช็อคกับกล้อง เราเลยบอกว่างั้นนั่งรอแป๊บ ลองหาไปนะ เราก็เดินขึ้นไปดูชั้น 8 ไม่มีว่ะ ทำไงดี เลยลองเสิร์ชแต่ก็หาไม่เจอว่ามันอยู่ชั้นไหน ดูจากแผนที่มันคือตรงนี้แหละ เราเลยเดินไปหาผู้หญิงไต้หวันคนนึง ถามเขาว่าไอ้นี่มันอยู่ตรงไหน เอาชื่อร้านภาษาจีนให้ดูเลย เขาดูแล้วก็บอกว่า B1 เราก็พยักหน้า ขอบคุณ แล้วเดินกลับมาบอกอัน เราสองคนพากันลงลิฟต์มาทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจว่ามันจะอยู่ B1 จริงเหรอ เพราะลงมาก็เจอแต่ร้านขายกระเป๋า แต่พอเดินไปจนสุดด้านหลังเท่านั้นแหละ โอ๊ยยยยยยยยยยย เจอแล้ว
หน้าตาเหมือนร้านอาหารที่ขายชานมด้วย เลยเข้าไปหาโต๊ะแล้วนั่ง ตอนนั้นเหลือแต่โต๊ะใหญ่ 6 คน ไปนั่งกัน 2 คนนี่รู้สึกผิดมาก แต่มันไม่มีที่นั่งแล้วจริง ๆ และต้องการนั่งมากเพราะเมื่อยเหลือเกิน หยิบเมนูขึ้นมาติ๊ก ๆ จะเอาไรก็สั่งเลย เรากับอันสั่งชานมไข่มุกไซส์ใหญ่ ตอนนั้นคิดว่า แม่ง ไหน ๆ ก็มาแล้ว หายากหาเย็นนัก กินแก้วใหญ่ไปเลย
มีภาษาอังกฤษด้วย เขียนไปเลย เลข 2 ใหญ่ ๆ
เสร็จแล้วก็เดินไปจ่ายเงิน นั่งรอเขามาเสิร์ฟ นี่คือแก้วแบบเทคโฮม
มันคือร้านอาหารเลยแหละ
มาแล้ว สุดท้ายก็กินไม่หมด แก้วใหญ่มาก ยังกะเหยือก ไม่น่าเป็นบ้าเห็นคนอื่นสั่งแล้วสั่งตามเลย หนูผิดไปแล้วค่ะ
ใหญ่จริง นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าตะกละ ถ้าสั่งแก้วใหญ่ก็กินสองคน ถ้ากินคนเดียวแก้วเล็กพอ 55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
ดูดิ มองไปก็เจอแต่ขายกระเป๋า ทำไมทำกับเราแบบนี้
เสร็จสิ้นภารกิจกินชานมแล้ว เป้าหมายต่อไปคือไปขึ้นเขาช้าง (Elephant Mountain)
ลุย !
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in