วันที่ปลาส้มโทรมาแจ้งผลสมัคร ความจริงแล้วเป็นวันที่ติดจะหดหู่วันหนึ่ง
แต่ช้าก่อนอานนท์ อย่าเพิ่งกด skip อินโทรข้ามไปวันนั้น เพราะช่วงเวลาเกือบยี่สิบวันก่อนประกาศผล ก็เป็นโมเมนท์ที่ซึมเซาไม่แพ้กัน
หลังคลิกส่งใบสมัครด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คืนนั้นปลาซิวเข้านอนด้วยความหวังปรุงสุกใหม่ๆ พร้อมแอบวาดฝันภาพตัวเองนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน แต่งตัวเท่ๆ มีป้ายห้อยคอบ่งบอกสถานะของการเป็นเด็กฝึกงานปลาส้มเรียบร้อย ยิ่งนึกถึงคำตอบที่ตอบไปก็ยิ่งอมยิ้ม ความคิดสุดท้ายก่อนเข้าสู่นิทราคือ มึงตอบได้ว้าวมากซิว ถ้าเป็นนางงามนี่ยังไงก็เข้ารอบสามคนสุดท้ายแน่นอน
ก่อนที่ความมโนทั้งหลายทั้งแหล่จะถูกทำลายลงยับเยินในเช้าวันต่อมา เมื่อปลาซิวที่มีสติครบถ้วนสมบูรณ์กลับไปอ่านอีเมลที่ส่งไปอีกรอบ (ตามนิสัย) และพบว่า
คำตอบกู เบียว มาก!
มันเป็นความประดิดประดอยที่น่าขนลุก แบบที่สามารถคลิกอ่านตอนไม่ง่วงได้แค่ครั้งเดียวก็ทนความเพ้อเจ้อของตัวเองไม่ไหว ไอ้ที่คิดว่าโหยเจ๋ง หูยว้าวมากพส นี่พับเก็บไปเลย ทุกคนรู้ แฟนคลับรู้ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าความคิดชั่ววูบน่ากลัวกว่าที่คิดไว้ และอย่าสะเออะใช้สมองเวลาดึกๆ ดื่นๆ อีก ปลาซิวปิดอีเมลและยกธงขาวทันที ส่ายหน้ากับตัวเอง รู้ตัวว่ายังไงงานนี้ก็ไม่รอดแน่นอน
อืม-- แหะๆ ก็ไม่แน่นอนขนาดนั้น เพราะถึงจะรู้ว่าตอบได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่เสี้ยวหนึ่งในใจ มันก็ยังมีความหวังอ่านะ
แต่ถึงอย่างนั้น มันเป็นหวังที่ริบหรี่ และปลาซิวเองก็มูฟออนได้ภายในเวลาไม่กี่วัน
คือช่วงวันแรกๆ ที่ส่งใบสมัครไป งานอดิเรกอย่างหนึ่งที่ชอบทำคือการเข้าไปดูโพสต์รับสมัครฝึกงานโพสต์เดิมหน้าเพจสำนักพิมพ์ และส่องโปรไฟล์ (ว่าที่) ผู้เข้าแข่งขันจากช่องการแชร์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน ส่วนใหญ่คนแชร์เป็นเด็กมหาลัยโด่งดังปังปุริเย่ ว่าวชมพูก็มา ม.เขียวขยี้ใจ ม.ใกล้ๆ ประสานมิตร และอื่นๆ อีกมากมายแบบขอใส่ ฯลฯ แทนดีกว่า มากกว่านั้นคือแต่ละคนไม่ใช่ไก่กา ประวัติบนหน้าเฟซบุ๊กยาวเหยียดจนอยากแนะนำให้เขียนใส่ word แล้วปักหมุดโพสต์ไว้เลยก็ได้เตง
สรุปง่ายๆ นี่คงเป็นสนามของคนมีของแหละ ซึ่งเมื่อเทียบกับปลาซิวที่นอกจากงานเขียนที่เพิ่งชิมลางเพียงไม่กี่เดือน ก็ไม่มีผลงานใดๆ ให้โอ้อวดได้เลย ประมาณว่าสามารถแนะนำกิจกรรมที่ทำตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบันจบได้ภายในหน้า A4 ดิฉันเองก็ต้องบอกว่าจ๋อยจนไม่รู้จะจ๋อยยังไงแล้วจริงๆ ค่ะ (เสียงสั่นเครือ)
ด้วยความรู้สึกแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ดังนั้น หลังจากวันที่ส่งใบสมัครไปไม่นาน ปลาซิวก็เลิกหมกมุ่นวุ่นใจ ดีลีทความทรงจำว่าเคยสมัครฝึกงานกับปลาส้มออกจากสารบบความคิดโดยสมบูรณ์ และหันไปค้นฟ้าคว้าดาวดวงอื่น ร่อนส่งเรซูเม่ด้วยใจห่อเหี่ยวดังเดิม
จนกระทั่งวันนั้น วันที่ 3 เดือน 3 วันงงๆ ปนวิปโยคของการสอบมิดเทอม
สารภาพตามตรงว่าความทรงจำของวันนั้นขาดวิ่นและเลือนราง เก็บพวกรายละเอียดปลีกย่อยของเหตุการณ์ได้ไม่ครบถ้วนนัก เรื่องที่จะได้อ่านต่อไปนี้จึงอาจดูเหมือนถูกใส่สีตีไข่ปรุงซีอิ๊วบ้าง แต่ชูสามนิ้วอย่างจริงใจไม่จ้อจี้ เรื่องนี้ประกอบด้วยความจริงเกิน 98% แน่นอน
เรื่องก็คือ อรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบิน นักศึกษาปลาซิวตื่นแปดครึ่งโดยปกติในวันที่มีเรียนเช้า แต่วันนั้นพิเศษหน่อยนึงเพราะเป็นวันนรกแตกกลางสัปดาห์ ตอนเช้ามีสอบมิดเทอมแบบ listening test ช่วงท้ายคาบ ส่วนตอนบ่ายพรีเซนต์งานหนึ่งกรุบ คืนก่อนหน้านั้นก็เลยโต้รุ่งมาเลยค้าบพี่น้อง ปลาซิวพยุงสมองน้อยๆ ที่ง่วงไม่ไหวไปเรียน จนกระทั่งเวลา 11.45 ก้าวขาลงสนามรบอย่างเป็นทางการ ซึ่งวินาทีที่เริ่มสอบ ก็เป็นวินาทีเดียวกับที่สัญญาณชีพของปลาซิวดับลง
การสอบออนไลน์คือที่สุดของความวายป่วงจริงๆ ทำไม่ได้ ฟังยังไงก็ไม่รู้เรื่อง humiliate ตัวเองด้วยข้อสอบฟังที่ยากระดับพอๆ กับไอเอิ๊ว ความหดหู่เพิ่มขึ้นตามเวลาที่ล่วงเลย มองนาฬิกาสลับกับกระดาษคำตอบตัวเองแล้วเศร้ามาก กว่าเข็มจะเดินถึงเลขสิบสองก็ลุ้นแล้วลุ้นอีกจนใจจะวาย เวลาสอบใกล้หมดลง อาจารย์บอกให้นักศึกษาตรวจทานคำตอบก่อนส่งทางคลาสรูม
ทว่าทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ที่นอนสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับคะแนนสอบล่วงหน้า จู่ๆ ก็เกิดฉายวาบขึ้นมา
เบอร์ที่ไม่ได้เซฟปรากฏบนหน้าจอ ปลาซิวร้องในใจ
โอ๊ย ขนส่งอีกแล้ว กูถามจริงเลยนะ ชาตินี้จะมาส่งของที่บ้านโดยไม่โทรมาถามทางไม่ได้เลยใช่มั้ย!?
เพราะทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว คำตอบก็เซฟเป็นไฟล์ PDF ส่งเรียบร้อย ปลาซิวเลยไม่กังวลที่จะรับสาย คว้ามือถือมากรอกเสียง ฮัลโหล ลงไป แต่ก่อนจะอ้าปากพูดต่อ อีกฝ่ายแนะนำตัวกลับมา
"ฮัลโหล น้องปลาซิวใช่มั้ย อันนี้โทรมาจากสำนักพิมพ์ปลาส้มนะ"
--เดี๋ยวนะ
"ก็คือน้องส่งเรซูเม่มาใช่มั้ย ทางเราดูแล้วสนใจ เลยอยากจะสัมภาษณ์น้องปลาซิวเพิ่มเติมค่ะ"
--โอ้ว ก็อด
ไม่ใช่ขนส่งว่ะ
ปลาส้มโทรมา
ปลาส้มโทรมา!!!
วินาทีนั้นความทรงจำที่ใส่โฟลเดอร์ถังขยะไว้ชั่วคราวกลับมาฉายซ้ำ พร้อมกราฟความรู้สึกที่พุ่งจากติดลบขึ้นทะลุฝ้าเพดาน ปลาซิวสับสนกับตัวเอง เพิ่งซึมเป็นหมาโดนยึดชามข้าวกับข้อสอบที่ทำไม่ได้ แล้วจู่ๆ ก็ได้รับข่าวดีในวันนี้ที่รอคอย เฮ้ย มันอะเมซิ่ง แต่นี่กูกำลังสอบอยู่นี่หว่า แต่กูกำลังจะมีที่ฝึกงานแล้วนะ แต่มึงสอบอยู่อ่ะ อยากโดนหาว่าโกงเหรอ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ปลาซิวสมองอ๊องไปครู่ใหญ่ สติยังกลับมาไม่สมบูรณ์ ปลายสายพูดอะไรไม่รู้ อาจารย์ก็สปีคบางอย่างบนหน้าจอ ด้วยความยังงงกับสถานการณ์ สุดท้าย ปลาซิวเลิ่กลั่กบอกไปว่า
"คือตอนนี้สอบอยู่ ถ้ายังไงเดี๋ยวโทรกลับได้ไหมคะ"
ปลาส้มโทรมาได้ แต่ปลาส้มจะโทรมาตอนกำลังสอบไม่ได้! TT
หลังกดวางสาย ปลาซิวมาฟังอาจารย์อธิบายต่อนิดหน่อยเรื่องการเรียนการสอนคาบถัดไปแล้วก็โบกมือบ๊ายบายกัน พอเสร็จก็เลยรีบโทรกลับ ได้ความว่าอีกฝ่ายอ่านเรซูเม่แล้วประทับใจ (ประทับใจนี่เค้าไม่ได้บอก ดิฉันเติมเอง ครุคริ) อยากนัดคุยเพิ่มเติมเลยโทรมาถามว่าสะดวกไปสัมฯ ที่สำนักพิมพ์ไหม แน่นอนว่าดิฉันก็ตกปากรับคำอย่างระริกระรี้ แล้วก็ตกลงกันว่าจะไปวันจันทร์สัปดาห์หน้าเพราะเป็นวันเดียวที่นักศึกษาปลาซิวไม่มีคลาส เดี๋ยวคุยกันเสร็จจะคอนเฟิร์มวันเวลาและอีเมลแผนที่การเดินทางมาให้นะ บทสนทนาสั้นๆ ไม่ถึงสองนาทีจบลง ปลาซิวมองมือถือตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา
แม่เจ้า อยู่ๆ ก็มีปลาส้มมาปรากฏตัวในหัวใจ
นี่กูเข้ารอบสามคนสุดท้ายจริงๆ เหรอวะเนี่ย
กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ สรุปว่าใบสมัครที่ยื่นไป
ผ่าน
และการเดินทางสู่อาณาจักรปลาส้มกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
ป.ล. สรุปพรีเซนต์งานพูดไม่รู้เรื่อง สอบฟังคะแนนก็เหียกตามที่คาดไว้ ผ่านคาบเส้นแบบฉิวเฉียด เศร้า TT
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in