ฉันเก็บภาพนั้นแล้วเลี้ยวออกจากพิพิธภัณฑ์ดอร์แซไปจนเจอแม่น้ำแซน เดินเลียบแม่น้ำไปก็เห็นว่ามีคนออกมาทำกิจกรรมต่างๆ เต็มไปหมด ผู้คนตามถนนจากที่เคยเห็นหน้านิ่งเดินดุ่มๆ พอแดดออกก็เริ่มมีรอยยิ้มให้เห็นกันทั้งถนน บ้างก็สวมหูฟังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
เดินไปอีกนิดก็เจอสวนตุยเลอรีส์ (Jardin des Tuileries) ซึ่งเป็นที่หย่อนใจของชาวปารีสมาตั้งแต่ยุคปฏิวัติฝรั่งเศส ม้านั่งริมสระน้ำมีคนจับจองเกือบหมด แต่ก็ยังเหลือหนึ่งที่นั่งให้ฉันได้ไปนั่งทอดหุ่ยตากแดดอยู่เกือบชั่วโมง แม้แต่นกเป็ดน้ำก็ดูท่าจะสนุกกับการว่ายน้ำอ้อยอิ่งโชว์ตัวให้ผู้คนชี้ชวนกันดู
ขนาดฉันที่เจอฝนมาแค่สองสามวันยังคิดถึงดวงอาทิตย์ขนาดนี้ นึกออกเลยว่าชาวปารีสที่เจอฟ้าสีหม่นมาเกือบตลอดปีจะเฉาขนาดไหน
ก้มลงมองพยากรณ์อากาศในโทรศัพท์อีกครั้ง จากที่โชว์ไอคอนรูปเมฆฝนเป็นแถวเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ก็เปลี่ยนเป็นรูปเมฆกับดวงอาทิตย์หน้าตาเฉย
หลังจากนั้นไม่ว่าพยากรณ์อากาศจะบอกแบบไหน อากาศตอนตื่นนอนจะเป็นอย่างไร ฉันก็ต้องเตรียมทุกอย่างใส่เป้ไว้ให้พร้อม ทั้งร่ม แจ๊กเก็ต หมวก ผ้าพันคอเผื่อหนาว เมื่อของทุกอย่างรวมกันแล้วกระเป๋าก็เลยหนักทุกวัน บ่าฉันจึงแข็งแกร่งขึ้นอีกหนึ่งระดับเพราะอากาศที่แปรปรวนแท้ๆ (แถมด้วยส้นเท้าที่แตกอย่างครึ่งๆ กลางๆ เพราะอากาศชื้นบ้างแห้งบ้างสลับกันไป)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in