How’s one to know?
I’d meet you where the spirit meets the bones
In a faith-forgotten land
In from the snow
Your touch brought forth an incandescent glow
Tarnished but so grand
ผู้ใดจะเข้าใจได้?
ฉันขอยอมพบคุณ ณ ที่ซึ่งวิญญาณและความตายนั้นได้มาบรรจบ
ในดินแดนที่ไร้ซึ่งคำสัตย์และสัญญา
ณ ที่อันแสนหนาวเหน็บ
สัมผัสของคุณจุดประกายความอบอุ่นให้โชติช่วง
แสนด่างพร้อย ทว่าล้ำค่าเสียเหลือเกิน
And the old widow goes to the stone every day
But I don’t, I just sit here and wait
Grieving for the living
หญิงหม้ายชรายังคอยมาสุสานอยู่เป็นประจำ
ผิดกับฉันที่ได้แต่นั่งหายใจทิ้งไป
และหวนอาลัยกับการมีชีวิตอยู่ในแต่ละวัน
Oh, goddamn
My pain fits in the palm of your freezing hand
Taking mine, but it’s been promised to another
Oh, I can’t Stop you putting roots in my dreamland
My house of stone, your ivy grows
And now I’m covered in you
ช่างน่าระอา
ฝ่ามือเย็นเฉียบของคุณประคองความชอกช้ำของฉันได้อย่างพอดิบพอดี
ขอให้กุมมือนี้อย่าคลาย
แม้ว่ามันจะได้ร่วมสาบานกับใครไว้แล้ว
ยากเกินที่จะห้ามใจ
ฉันถลำลงไปในดินแดนแห่งความฝันที่คุณนำทาง
บ้านหินของฉันสั่นคลอน เมื่อมีเถาไอวีมาปกคลุม
และฉันยอมให้คุณมายึดครองไว้ อย่างไร้ปราการ
I wish to know The fatal flaw that makes you long to be
Magnificently cursed
He’s in the room
Your opal eyes are all I wish to see
He wants what’s only yours
ฉันนั้นใคร่ที่จะรู้
เกี่ยวกับการยอมอยู่ในตราบาปอันแสนงดงาม
ที่ถูกสร้างจากความผิดปางตาย
แม้ว่าเขาจะอยู่ตรงหน้า
แต่ดวงตาของคุณที่เต็มไปด้วยศรัทธาเป็นสิ่งที่ฉันปรารถณาจะเห็น
ยากซึ่งจะหาใครเทียบทัน
Oh, goddamn
My pain fits in the palm of your freezing hand
Taking mine, but it’s been promised to another
Oh, I can’t Stop you putting roots in my dreamland
My house of stone, your ivy grows
And now I’m covered
ช่างน่าระอา
ฝ่ามือเย็นเฉียบของคุณประคองความชอกช้ำของฉันได้อย่างพอดิบพอดี
โปรดกุมมือนี้อย่าคลาย แม้ว่ามันจะได้ร่วมสาบานกับใครไว้แล้ว
ยากเกินที่จะห้ามใจ
ฉันถลำลงไปในดินแดนแห่งความฝันที่คุณนำทาง
บ้านหินของฉันสั่นคลอน เมื่อมีเถาไอวีมาปกคลุม
และฉันยอมให้คุณมายึดครองไว้
Clover blooms in the fields
Spring breaks loose, the time is near
What would he do if he found us out?
Crescent moon, coast is clear
Spring breaks loose, but so does fear
He’s gonna burn this house to the ground
ความหวังเริ่มก่อตัวขึ้น
ฤดูแปรผัน เวลานั้นใกล้หมด
จะทำยังไงละถ้าเขารู้ความลับของเราเสียก่อน?
ในคืนพระจันทร์เสี้ยว ทุกอย่างดูเป็นใจ
ใบไม้ผลินั้นเข้ามาใกล้ ไม่ต่างอะไรกับความกลัว
เขาคงทำลายไม่ให้เหลือซากใดๆ หากรู้เรื่องของเรา
How’s one to know?
I’d live and die for moments that we stole
On begged and borrowed time
So tell me to run
Or dare to sit and watch what we’ll become
And drink my husband’s wine
ใครเล่าจะรู้?
ฉันขอเลือกที่จะอยู่และตายจากความทรงจำที่เราได้ช่วงชิงมา
นั่นคือห้วงเวลาที่จะไม่มีวันเป็นจริง
จนถึงตอนนี้แล้วคุณจะขอให้ฉันหนีไปด้วยกันหรือไม่
หรือไม่แยแสในสิ่งที่โชคชะตาพาไป
และดื่มไวน์ของสามีฉันไปพลางๆ
Oh, goddamn
My pain fits in the palm of your freezing hand
Taking mine, but it’s been promised to another
Oh, I can’t Stop you putting roots in my dreamland
My house of stone, your ivy grows
And now I’m covered in you
And I’m covered in you
ช่างน่าระอา
ฝ่ามือเย็นเฉียบของคุณประคองความชอกช้ำของฉันได้อย่างพอดิบพอดี
โปรดกุมมือนี้อย่าคลาย แม้ว่ามันจะได้ร่วมสาบานกับใครไว้แล้ว
ยากเกินที่จะห้ามใจ
ฉันถลำลงไปในดินแดนแห่งความฝันที่คุณนำทาง
บ้านหินที่ทรุดโทรม เมื่อมีเถาไอวีปกคลุม
และฉันยอมให้คุณมายึดครองไว้ อย่างไร้ปราการ
So yeah, it’s a fire It’s a goddamn blaze in the dark
And you started it You started it
So yeah, it’s a war It’s the goddamn fight of my life
And you started it You started it
ใช่ มันคือไฟที่ทำลายล้าง คือไฟที่ลุกโชนอยู่ในความมืด
และคุณเป็นคนเริ่มมันทั้งหมด คุณนั่นแหละ
ราวกับสงคราม เป็นการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของฉัน
แล้วก็เป็นคุณที่เริ่มมัน คุณอีกนั่นแหละ
Oh, I can’t
Stop you putting roots in my dreamland
My house of stone, your ivy grows
And now I’m covered
In you
In you, you
Now I’m covered in you
In you
ที่สุดแล้ว
ฉันก็ถลำลงไปในดินแดนแห่งความฝันที่คุณนำทาง
บ้านหินของฉันเริ่มพังลง พร้อมกับเถาไอวีของคุณที่เริ่มปกคลุม
และฉันถูกพันธนาการเอาไว้
โดยคุณ
โดยคุณ
ถูกปกคลุมไว้โดยคุณ
โดยคุณ
Note :
เนื้อหาต่อไปนี้มีความคิดเห็นส่วนตัวของผู้แปล
• เถาไอวีในลักษณะตามธรรมชาติจะหาหลักที่มั่นคงแล้วพันเลื้อยไปตามสิ่งก่อสร้าง หลังจากนั้นมันจะพยายามหาช่องโหวเพื่อขยายอาณาเขตของลำต้นให้ได้มากขึ้น สวิฟต์ได้เปรียบเทียบมันกับความสัมพันธ์ของคู่สมรสที่ดูเหมือนจะลงหลักปักฐานกันอย่างมั่นคง ทว่าก็ยังมีช่องว่างให้บุคคลที่สามแทรกเข้าได้มาในความสัมพันธ์ที่เปรียบดั่งบ้านหิน
• ส่วนตัวผู้แปลแอบนึกถึง setting ช่วงศตวรรตที่ 17 ในเรื่อง The VVitch : A New-England Folktale (2015) กำกับโดย โรเบิร์ต เอกเกอส์ และเป็นผลงานสร้างชื่อของแอนย่า เทย์เลอร์-จอย ด้วยเนื้อเรื่องที่พูดถึงศาสนาและสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างท้าทาย
โธมาซินและครอบครัวของเธอถูกเนรเทศออกจากหมู่บ้านมาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เพราะเป็นครอบครัวที่เคร่งศาสนา (Puritan) จนเกิดเรื่องประหลาดและจุดจบที่ไม่คาดฝันตามมา
• ล่าสุด ผู้สร้างซีรีส์ Dickinson เอเลนา สมิธยังออกมาบอกด้วยว่าสวิฟต์นั้น 'ตกลง' ที่จะให้ใช้เพลงนี้ประกอบในซีรีส์อัตชีวประวัติของเอมิลี ดิกคินสัน (เฮลี สไตน์เฟลด์) กวีหญิงชื่อดังชาวอเมริกัน ในเอพิโสดที่พูดถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของเธอและซูซาน กิลเบิร์ต (เอลลา ฮันท์) ทาง Apple TV+
• บ้างก็ว่าเพลงนี้เกี่ยวกับความรักต้องห้ามของเพศเดียวกัน บ้างก็ว่าเป็นเรื่องเหนือจินนาการ แต่จะเป็นอย่างไรหากสองอย่างนี้เกิดขึ้นพร้อมกัน?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in