Day 5
วันนี้ฉันตื่นมาตอนตี 3 ใช่แล้ว ฉันนอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าเพราะเมื่อวานฉันนอนไปเยอะแล้ว หรือเป็นเพราะฉันกังวลเรื่องแผลที่เท้าฉันกันแน่ ฉันต้องขอเท้าความไปก่อน ครั้งล่าสุดที่ฉันเล่าให้ฟังว่าฉันเหยียบโดนเศษแก้วไป ตอนแรกฉันก็ไม่อะไร มีแค่สงสัยเล็กน้อยว่าทำไมแผลไม่หายสักทีทั้งๆ ที่แผลก็ปิดตั้งนานแล้ว แต่ทุกวันนี้เวลาเดินก็ยังเจ็บอยู่ พอฉันเล่าให้พี่สาวฉันฟัง พี่สาวฉันก็บอกว่าเป็นไปได้ที่เศษแก้วจะยังปักอยู่ ฉันฟังแล้วก็รู้สึกว่าเป็นไปได้เพราะตอนที่ฉันได้แผล ฉันไม่ได้นะ่งดูแผลก่อนด้วยซ้ำเพราะตอนนั้นฉันตกใจกันเลือดมาก พอเจอพลาสเตอร์ก็เลยติดเลยโดยที่ไม่ได้ตรวจสอบแผลก่อนด้วยซ้ำ
‘ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ ระรังแผลอักเสบนะ’ พี่ฉันบอก
ซวยแหละ ฉันปล่อยแผลแบบนี้มา 3 วันแล้ว ก็ว่าอยู่ว่าทำไมไม่หายสักที ต้องเป็นเพราะเศษแก้วยังตำเท้าอยู่แน่ๆ แต่ประเด็นคือฉันเอาออกเองไม่ได้ แบบฉันมองไม่เห็นเศษแก้วเลย ดังนั้นเรื่องนี้ฉันต้องขอความช่วยเหลือจากหมอและพยาบาล ฉันคิดเช่นนี้แล้วจึงหลับไป
ฉันตื่นมาอีกทีตอน 6 โมง ตื่นเช้าจนพี่น้อยยังทัก (แน่นอนว่าที่ตื่นเช้าส่วนหนึ่งก็เพราะอยากตื่นมาเรียกพยาบาลมาดูแผลเนี่ยแหละ) รอบแรกมีโทรศัพท์เข้ามาพร้อมแจ้งว่าพี่โต๋ต้องไป X-Ray ปอดอีกครั้ง ฉันจึงใช้โอกาสบอกพยาบาลว่าฉันต้องการให้คนมาช่วยดูแผลให้ฉันหน่อย
ผ่านมาอีก 2 ชั่วโมงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันจึงตัดสินใจโทรอีกครั้งตอน 8 โมง ผลคือไม่มีใครรับสาย ฉันเริ่มหัวร้อน
‘บางทีพยาบาลอาจจะยุ่งกับการไป X-Ray คนอยู่หรือเปล่า’ พี่น้อยบอก
‘อ่า เป็นไปได้ค่ะ’ ฉันเอ่ย เอาหละจ๊ะเธอต้องใจเย็น หมอกับพยาบาลกำลังยุ่งอยู่ เดี๋ยวประมาณ 9-10 โมงเขาน่าจะมามั้ง ฉันคิด
แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีใครมา ฉันตัดสินใจโทรหาพยาบาลอีกครั้งเป็นรอบที่ 3 ตอน 10 โมง รอบนี้มีพยาบาลอีกคนรับ ฉันจึงบอกเขาไปเช่นเดิมว่าฉันต้องการให้พยาบาลมาดูแผลให้ พยาบาลตอบรับเรื่องแล้วก็วางสายไป รอบนี้ฉันรออีก 1 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่มีใครตอบกลับมา คุณอาจจะคิดว่าฉันเรื่องมาก ทำไมต้องโทรจิกขนาดนั้น แต่ฉันอยากจะบอกให้คุณรู้ว่าฉันเกรงว่าถ้าฉันยังรอต่อไปแผลฉันจะได้อักเสบจริงๆ แน่ ก่อนหน้านี้ฉันดูแลตัวเองมาตลอด ตอนเหยียบแก้ว ฉันโทรหาพยาบาลให้เขาเอาพลาสเตอร์มาให้ ตอนนั้นพยาบาลบอกว่าให้ฉันแจ้งเรื่องนี้กับหมอ เพื่อให้หมอทำเรื่องขอยาให้ฉัน ฉันนี้ช็อคเลย อะไรวะ แค่จะขอพลาสเตอร์ฉันก็ต้องรอหรอ! ทุกคนเชื่อไหมว่าปัจจุบัน ฉันก็ยังไม่ได้พลาสเตอร์เลย รอบนี้ฉันจึงหัวร้อนเป็นพิเศษกับความจริงว่าระบบการดูแลของ hospital มันช่างห่วยสิ้นดี! พอฉันโทรไปรอบนี้ พยาบาลบอกฉันว่าเดี๋ยวจะมีพยาบาลมาดูฉันตอนช่วงตรวจไข้ (ซึ่งฉันต้องรออีก 1 ชั่วโมง) คือฉันไม่เข้าใจสรุปคือตั้งแต่ตอนแรกตอน 6 โมงที่ฉันโทรไป พยาบาลไม่ได้ตั้งใจจะมาหาฉันทันทีตั้งแต่แรกแล้ว แต่เขารอเวลาจะมารอฉันตอนเที่ยง ตอนวัดไข้อย่างนั้นหรอ คือขอโทษนะคะ ถ้าแผลฉันอักเสบจริงๆ ฉันรอมา 6 ชั่วโมง ป่านี้แผลฉันคงเน่าไปแล้ว ฉันก็รู้นะว่าอาการของฉันอาจจะไม่ได้ร้ายแรงมาก แต่ฉันก็อยากจะให้พยาบาลคิดถึง worst case ที่ว่าแผลฉันจะอักเสบไว้ด้วย ไม่ใช่ไม่สนใจกันเลยแบบนี้! แต่เอาเถอะ ฉันจะรอ รอครั้งสุดท้าย เพราะเดี๋ยวพยาบาลมาเขาก็คงมาดูอาการให้ฉันแล้ว
พยาบาลมาหาฉันแล้วจริงๆ เขามาหาฉันให้ฉันวัดความดันและวัดไข้ก่อนจะขอดูแผลที่เท้าของฉัน ฉันก็โชว์ให้พวกเธอดู แต่แทนที่พยาบาลจะมาดูแผลให้ฉัน เธอกลับยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแผลของฉันไว้ ส่งมันลงในไลน์กลุ่ม แล้วก็เดินจากไป
คือ
คุณ
พี่
มา
หา
หนู
เพียง
เพื่อ
ถ่าย
รูป
แผล
หรอ
คะะะะะะะะะะ
วินาทีนั้นฉันเอ๋อแดกไปเลย นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิดว่ามันจะเป็น ก่อนออกไปพี่พยาบาลบอกฉันว่าเดี๋ยวรอคุณหมอมาหานะคะ ฉันแบบว่า ห้ะอะไรนะคะ ฉันรอมา 6 ชั่วโมงเพื่อให้พยาบาลมาถ่ายรูปแผลของฉันพร้อมบอกให้ฉันรอหมอต่ออย่างนี้หรอคะ!? คือคุณพี่เป็นพยาบาล คุณพี่ดูแผลไม่เป็นหรอคะ แค่ดูว่าแก้วมันตำเท้าฉันหรือเปล่ามันต้องให้หมอมาหาเลยหรือคะ คือพี่พยาบาลทำเป็นแค่ใช้เครื่องวัดความดันหรอคะ??? คือฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันพูดมันไม่ดี มันเป็นการดูถูกพี่พยาบาล พี่พยาบาลเขาทำงานหนัก อุตส่าห์แวะมาดูฉัน แต่คือ ‘คุณ ไม่ ได้ เป็น ฉัน คุณ ไม่ เข้า ใจ!’ ฉันพยายามที่จะเข้าใจพี่พยาบาลมากๆ ว่าเขาทำงานหนัก แต่ขอโทษนะคะ ฉันรอมา 6 ชั่วโมงแล้ว ทั้งๆ ที่ความจริงถ้าพี่เขาสละเวลามาดูแผลของฉัน เขาอาจจะใช้เวลาไปถึง 5 นาทีเองด้วยซ้ำ แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันต้องมารอ 6 ชั่วโมง! พี่คิดว่ามันเป็นแค่แผลที่เท้าหรอคะ พี่ลืมไปหรือเปล่าว่าแผลแบบนี้มันอักเสบได้ แล้วถ้าอักเสบ พี่จะรับผิดชอบอย่างไง hospitel จะรับผิดชอบอย่างไง! คือแค่สละเวลามา 5 นาทีมันหาเวลามาไม่ได้เลยหรอ ฉันอยากรู้แค่นี้
หลังจากที่พยาบาลกลับไป แม้หัวฉันจะร้อนมากเพียงไหน แต่ฉันก็ตัดสินใจที่จะรอต่อไป เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ (แม่ง ถ้ายังไม่มานะ ฉันจะเอาเท้าที่เป็นแผลเนี่ยกระโดดถีบพยาบาลเลย คอยดู) ฉันตัดสินใจทำใจให้สบาย และหยิบหนังสือ ‘แตกสลาย’ มาอ่านให้จบ ฉันอ่าน อ่าน และ อ่าน จากบทที่หนึ่ง ไปบทที่สอง และไปบทสุดท้าย จนฉันอ่านจบเล่ม พยาบาลก็ยังไม่มา!! อีเวงงงงง ฉันโมโหแล้วนะ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสาม ผ่านมา 3 ชั่วโมงแล้วจากการเจอพยาบาลรอบล่าสุด และผ่านมา 9 ชั่วโมงแล้วหลังจากฉันติดต่อไปรอบแรกสุด แต่พยาบาลก็ยังไม่มา หมอก็ยังไม่มา!
ฉันมีคุยงานต่อตอนบ่ายสาม และคุยเสร็จตอนสี่โมงกว่า แต่พยาบาลก็ยังไม่มา ฉันตัดสินใจโทรตามพยาบาลอีกทีเป็นรอบที่ห้า ย้ำอีกครั้งว่ารอบที่ห้า! พี่พยาบาลก็มารับสายฉัน ฉันก็ย้ำไปว่าฉันต้องการให้คนมาดูแผลให้ และฉันก็ย้ำด้วยว่า ฉันรอมาโคตรนานแล้วแต่ยังไม่มีใครมาเลย! พยาบาลก็รับเรื่องแล้วก็วางสายไป และแน่นอนว่าปัจจุบันที่ฉันเขียนอยู่ (เวลาหกโมงก็ยังไม่มีใครมา อห อีเวง ถ้าตอนนี้ฉันกลางร่างได้ฉันจะกลายร่างเป็นกอซิลล่าและมากระทืบเท้าหน้าโรงพยาบาล ฉันจะประท้วง ฉันจะทำอารยะขัดขืน ให้พยาบาลกับหมอรู้ว่า ฉัน ไม่ พอ ใจ มาก มาก!) เอาหละ ฉันจะโทรไปตามอีกครั้งเป็นรอบที่หก อย่างไงวันนี้ฉันจะต้องมีคนมาตรวจให้ได้
ตอนประมาณสี่โมง ฉันก็โทรไปหาพยาบาลอีกครั้ง พยาบาลบอกว่าเดี๋ยวจะมีหมอมาดูให้ดึกๆ นะคะ เพราะว่าวันนี้เคสด่วนเลยอาจจะดึก ฉันเลยถามเขาไปว่าหมอจะมาดูให้ได้ประมาณกี่โมง พยาบาลบอกฉันว่าไม่เกินสามทุ่มแน่นอน พร้อมบอกฉันว่าถ้าปวดแผลก็ให้กินยาแก้แักเสบไปนะคะ ฉัน้ลยตอบกลับไปว่าตอนนี้ฉันมั่นใจมากว่าแก้วมันตำเท้าฉันแน่นอน ดังนั้นถ้าคุณให้ฉันกินยาแก้ปวด แต่ไม่เอาแก้วออก มันก็คงไม่ช่วยนะคะ พูดจบพยาบาลก็ตอบรับแบบ ค่ะๆ แล้วก็วางสายไป
ตัดภาพมาอีกทีตอนสามทุ่ม ตอนนี้ฉันกำลังทำกิจกรรม first meet ของชมรมอยู่ และที่สำคัญคือตอนนี้สามทุ่มครึ่งแล้ว แต่ ยัง ไม่ มี ใคร มา เลย! อห ความโกรธฉันนี่ขึ้นสูงปรื้ดเลย สรุปคืออะไร! ฉันจึงตัดสินใจโทรหาพยาบาลเป็นรอบที่เจ็ด! พร้อมถามเขาว่าสรุปจะมาไหม แล้วจะมาเมื่อไร จากที่ฉันคิดว่าตัวเองหัวร้อนแล้ว ฉันกลับต้องมาหัวร้อนกว่าเดิมเมื่อฉันได้ยินคำตอบจากพยาบาลว่าแผลของฉันเล็กมาก ดังนั้นจะไม่มีหมอขึ้มาดู พร้อมกับหัวเราะเล็กๆ ใส่ฉัน ฉันนี่ปรี๊ดเลย แบบคืออะไร แผลเล็ก? แล้วก็เลยจะไม่ขึ้นมาทำให้งี้หรอ แล้วทำไมถ้าไม่มาทำไมไม่บอก ฉันจึงฉอดใส่พยาบาลไปรอบหนึ่งว่าฉันไม่โอเคการดูแลของ hospital เลยตรงที่ว่าอย่างน้อยถ้าหมอจะไม่ขึ้นมาดูให้หมอก็ควรจะโทรมาบอกฉัน ไม่ใช่ปล่อยเบลอแบบนี้เพราะฉันนั่งรอมาตั้งแต่ 6 โมง แต่การที่คุณไม่บอกอะไรเราเลยแบบนี้มันแย่มาก พยาบาลจากตอนแรกที่เขาดูขำๆ เขาก็ดูรู้สึกผิดขึ้นพร้อมบอกว่าขอโทษค่ะ แล้วก็วางสายไป ฉันไม่มีเวลามากนักเพราะฉันต้องทำกิจกรรมต่อ พี่น้อยก็หันมาบอกฉันว่าเดี๋ยวพี่น้อยเอาแก้วออกให้ ฉันก็เลยบอกว่าเดี๋ยวทำกิจกรรมเสร็จจะเอาแผลให้ดูนะคะ ระหว่างทำกิจกรรมฉันก็ค่อยๆ ใจเย็นลง หลังจากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู ในที่สุดก็มีคนมาหาฉันสักที หมอที่มาเป็นหมอ(ไม่ก็พยาบาล)หญิง พี่เขาใส่ชุด PPE เข้ามาพร้อมขอให้ฉันช่วยโชว์แผลให้เขาดู หลังจากนั้นพี่เขาก้ดูแผลให้พร้อมบอกว่าเดี๋ยวเขาจะใช้เข็มจิ้มให้เศษแก้วมันออกมา ระหว่างการดำเนินการเอาสั้นๆ เลยก็คือโคตรเจ็บ แล้วฉันก็พบว่าเศษแก้วมันปักในเท้าฉันหลายจุดมากๆ (แบบพี่เขาใส่เวลาเอาแก้วออกกว่า 10 นาที ในขณะที่ฉันก็เจ็บจนเหงื่อออก) พี่พยาบาลยังบอกฉันอีกว่าแผลของฉันอักเสบ ตอนได้ยินเนี่ยฉันยังคิดเลยว่าพยาบาลที่บอกว่าแผลฉันเล็กนิดเดียว ถ้าปวดก็ให้กินยาอักเสบเนี่ยน่าเกลียดมาก ถ้าฉันเชื่อพี่เขาแล้วยอมแพ้เรื่องเอาเศษแก้วออกเนี่ย ฉันจะฟ้องโรงพยาบาลแล้วก็ฟ้องพยาบาลคนนั้นด้วย! (พูดแล้วก็หัวร้อน) สรุปมหกรรมการเอาเศษแก้วออกจากเท้าฉันก็ประมาณนี้แหละ เป็นมหกาพย์ที่ยาวนานมากกก แล้วก็ทำให้ฉันรู้ซึ่งว่าระบบการจัดการของ hospital ที่นี้มันห่วยแตกแค่ไหน! โอเคแค่นี้ฉันก็นอนหลับอย่างสบายใจได้สักที สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้แหละ บรัยยยย
ปล. ความจริงฉันได้ข่าวมาด้วยว่าสามีของพี่น้อยก็ติดโควิด พี่น้อยกังวลเรื่องนี้มากๆ ฉันก็พยายามจะช่วยประสานงานเหมือนกัน ถึงจะทำอะไรมากไม่ได้ก็ตามแต่ก็หวังว่าจะสามารถหาเตียงให้สามีพี่น้อยได้ไวๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in