เมื่อหลายสิบปีก่อน 

ของชำร่วยยอดฮิตในงานแต่งงาน คือ ่บุหงารำไป ่ที่ทำจากดอกไม้แห้ง ถุงบุหงาจะเป็นผ้าโปร่งเย็บประกบกับผ้าสำลีทรงหัวใจสีแดงแจ๊ด อัดแน่นไปด้วย ดอกไม้แห้งอาทิเช่น ดอกบานไม่รู้โรย ดอกรัก ดอกมะลิ ดอกกุหลาบ ใบเตยหั่นหรือใบเนียมหอม 

*ดอกรักและดอกบานไม่รู้โรยเป็นตัวแทนเชิงสัญลักษณ์แทนความรักที่ไม่มีวันจืดจาง

และถือเคล็ดที่จะทำให้หนุ่มสาวมีความรักที่มั่นคงยืนยงต่อกัน ตัวถุงจะทำหูเป็นดิ้นทอง หรือเย็บพวงกุญแจติดไว้สำหรับคล้องส่วนหางหัวใจจะติด กระดิ่งทองส่งเสียง กรุ๊งกริ๊งยามสั่นไหว

กรรมวิธีในการทำบุหงารำไป

นำดอกไม้ ใบไม้ที่จะทำบุหงา ไปพึ่งลมให้แห้งแทนวิธีการตากแดด เพราะเนื่องจากหากตากกลางแจ้ง แดดจะเลีย! ทำให้สีซีดและไม่หอมเท่าที่ควร เมื่อแห้งดีแล้วให้หาผอบหรือโหลที่มีฝาปิดมิดชิด อบรมด้วยควันเทียนหลายยก (รอบ) ตามที่ต้องการ การอบควันเทียนนอกจะทำให้หอมแล้วยังเป็นการทำให้ดอกไม้แห้งไม่ขึ้นราและอยู่ได้นานขึ้น จากนั้นหยดพรมด้วยหัวน้ำปรุง เมื่อบุหงาซึมซับน้ำมันหอมดีแล้วจึงนำมาใช้งาน อาจใส่เกร็ดพิมเสนเพิ่มเติมเป็นอันเสร็จกระบวนการ

กลิ่น

ที่เรียกว่าบุงารำไป จะเป็นกลิ่นที่รวมกัน 5 กลิ่นหลักจาก

• มะลิแห้ง

• กุหลาบแห้ง

• เนียมหอมหรือเตยหอมแห้ง

• กลิ่นกำยานจากควันเทียน

• กลิ่นชะมดเช็ดจากหัวน้ำปรุง

*หากเพิ่มพิมเสน ก็จะได้มิติของความ สดชื่น ซ่าเย็น เป็นที่ชื่นใจมากยิ่งขึ้น

หากบ้านงานมีฐานะและมีฝีมือทางดอกไม้ ในอดีต จะทำเป็น บุหงาสด ซึ่งเป็นการโชว์ฝีมือ เพราะกระบวนการทำค่อยข้างจะวุ่นวาย ในการเย็บบรรจุจะต้องใช้แรงคนในการทำมาก และเนื่องด้วยความจำกัดของเวลา ดอกไม้บางชนิดที่ส่งกลิ่นหอม กลับเหี่ยวเฉาดูไม่สวยงาม ดอกไม้สดที่เพิ่มเติม อาจเพิ่มดอกสายหยุด กรรณิการ์ กระดังงา จำปี จำปา พิกุล บุนนาค  ตามช่วงเวลาที่จัดหาดอกไม้ได้

ของชำร่วย อีกชนิดที่ฮิตมากเมื่อก่อนคือ ตุ๊กตาคู่เซรามิค /งานเซรามิคเขียนสีอะคริลิค บีบจากปลายกรวยเขียนเป็นลายเส้นดอกไม้พริ้วไหว

การได้กลิ่นหอมจากเครื่องหอมไทยที่รับใช้และเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทยอย่างแท้จริงในช่วงเวลาแห่งอดีต ได้นำพามาซึ่งความสุขในช่วงวันวิวาห์เพราะหากได้กลิ่นนี้ทีไร ก็จะทำให้นึกถึงกลิ่นในวันแต่งงานทันที ด้วยการยึดโยงความสมหวัง ความชื่นมื่นที่จะได้ครองคู่กัน ณ ห้วงเวลาที่บ่าวสาวเดินแจกของชำร่วย ประคองก่ายเดินขอบคุณแขกเหรื่อที่มาในงาน และเป็นกลิ่นรัญจวนใจก่อนที่จะถูกส่งเข้าห้องหอ

ยิ่งนานวันวัฒนธรรมในการใช้เครื่องหอมไทยตัวนี้ยิ่งน้อยลง กลายเป็นเครื่องหอมไทยแบบฟิวชั่นเพราะความหาง่าย สะดวก กลิ่นหอมที่ได้เป็นกลิ่นหัวน้ำหอมก๊อปปี้ยอดนิยมมาแทนที่ หากขาดอัตลักษณ์กับกรรมวิธีที่ได้ชื่อว่า เป็นเครื่องหอมไทยอย่างแท้จริง  

เด็กสมัยใหม่คงสงสัยและมีคำถามกวนๆว่าทำไม? ต้องชื่อบุหงารำไป แล้วถ้าคลาน หรือวิ่งไปไม่ได้เหรออออออออ?