ต่อให้เสียงของคนทั้งโลกบอกว่าให้ฉันเลี้ยวไปทางขวา >
แต่ถ้าเขาบอกให้ฉันเลี้ยวไปทางซ้าย <
ฉันก็จะไปทางซ้าย < <
ต่อให้คนทั้งโลกบอกให้ฉันเดิน - - -
แต่ถ้าเขาบอกให้ฉันวิ่ง _ _ _
ฉันก็จะวิ่ง _ _ _
ต่อให้คนทั้งโลกบอกให้ฉันทิ้งเขา
แต่เขาบอกฉันว่า . . . "อย่าทิ้งฉันไปนะ"
คงไม่ต้องถามว่าฉันเลือกอะไร
ฉันเลือกเขา . . . และเลือกเขาวันยังค่ำ
เพราะฉะนั้นเมื่อเขาเดินเข้ามาบอกฉัน ว่ามันไม่จริง
เรื่องที่คนอื่นพูดว่าเขากำลังไปมีใคร มันไม่ใช่ความจริง
แน่นอนว่า ฉันเชื่อเขา เชื่อเขาสุดหัวใจ
ต่อให้คนทั้งโลกหวาดระแวง และ กล่าวหาเขา
แต่เหล่านั้นไม่เคยทำอะไรฉันได้ เพราะฉันรู้ - - ฉันเชื่อว่ามันไม่จริง
ฉัน "รู้" ว่าเขาพูดจริงกับฉัน
ทำไมจะไม่ล่ะ?
แม้ในวันที่ฉันค้นโทรศัพท์เขาโดยบังเอิญ
และพบร่องรอยของหลักฐานที่ยืนยันว่า "สิ่งที่ฉันเชื่อมั่น"
อาจจะไม่ใช่ความจริง !
ฉันพบร่องรอยของการปิดบัง
ร่องรอยของรูปที่ถ่าย ที่หัวใจฉันฟ้องอะไรบางอย่างตลอดการดูภาพเหล่านั้น
ฉันร้องไห้ . . .
แม้ในหัวฉันสามารถหยิบยกคำอธิบายได้มากมายที่เขาอาจจะมีต่อรูปภาพพวกนี้
สมองฉันประมวล และหาเหตุผลดีๆให้เขาได้ทุกข้อ
แต่หัวใจของฉันกลับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างห้ามไม่ได้
ที่เขาว่า สมอง กับ หัวใจ ทำงานคนละส่วนกันนั้นจริง
ฉันไม่ลุกไปไหน เพราะอยากฟังเขาอธิบาย
อธิบายเหตุผลที่ฉันคิดไว้เองได้แล้วให้เขา
ฉันเพิกเฉยต่อการแตกร้าวของหัวใจที่พยายามส่งเสียงเตือน
เขากอดฉัน . . .
ปลอบประโลมฉันที่กำลังร้องไห้
และเขาอธิบายทุกเหตุผลที่ก็ไม่มีอันไหนที่ฉันไม่ได้คิดเอาไว้อยู่แล้วเลยให้ฉันฟัง
เขาบอกฉันว่า อย่าคิดมาก มันไม่มีอะไร
และตบท้ายด้วย สามพยางค์มหัศจรรย์
ทายสิ ?
แน่นอน . . . ฉันเชื่อเขา
ไม่เก็บอะไรมาข้องใจอีก
แต่รู้มั้ย . . . หลังจากวันนั้น
ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ในโทรศัพท์เขาอีกเลย
Touch ID ของฉันที่หายไปอย่างไม่สมเหตุสมผล
และรหัสปลดล็อคที่ฉันไม่รู้ และไม่มีทางรู้
นั่นแหละ ความเชื่อใจของฉัน . . .
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in