อาเขต อินน์ตอนเช้าในหน้าหนาวของเชียงใหม่สาหัสสากรรจ์กว่าที่หล่อนคิดเอาไว้ เสื้อยืดตัวบางซึ่งถูกคลุมทับด้วยผ้าพันคอผืนหนาไม่ได้ช่วยให้หล่อนตัวสั่นน้อยลง ท่อนล่างซึ่งเป็นกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะยิ่งเลวร้ายกว่านั้น หล่อนยืนตัวสั่นเทาอยู่กลางอาคารรับรองผู้โดยสารที่เปิดโล่ง ลมหนาวพัดกรูอย่างไม่ปรานีทำให้หล่อนสะท้านหนัก มีเพียงสิ่งเดียวที่หล่อนทำได้ คือการภาวนาให้พระอาทิตย์แย้มพรายขึ้นมามอบไออุ่น หรือไม่ก็ให้เธอปรากฎตัวขึ้นมา อะไรก็ได้ในวินาทีนี้
ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ได้แต่ครุ่นคิดว่าสิ่งใดในสองสิ่งนี้จะเกิดขึ้นก่อน เพราะชั่วชีวิตหล่อน ไม่เคยมีซักครั้งที่การภาวนาจะประสบผลพร้อมกัน
ส่วนมากมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
คล้อยหลังการยืนภาวนาอย่างแรงกล้าให้พระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาเยี่ยมเยือนราวสิบนาทีหรือนานกว่านั้นนิดหน่อย หล่อนก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเธอมาถึงก่อนแสงแดดเสียอีก
เธอต่างจากรูปถ่ายที่หล่อนเห็นในเฟซบุ๊คไม่น้อย หล่อนคงแสดงอาการงงงันผ่านสีหน้าจึงได้รับรอยยิ้มขบขันแทนการทักทายด้วยคำพูด
“รออยู่นานไหม?” สุ้มเสียงถามไถ่ของเธอเจือแววอาทร หล่อนส่ายหน้าทั้งที่ปากสั่น
“ไม่ค่ะ ไม่เท่าไหร่ ราวยี่สิบนาทีเท่านั้น”
“นั่นสมควรเรียกว่านาน” เธอผ่อนลมหายใจออกมาครั้งหนึ่งและถอดเสื้อกันหนาวซึ่งสวมอยู่ส่งให้ “สวมนี่เถอะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
การบีบคั้นทางสายตาทำให้หล่อนยอมจำนน เสื้อกันหนาวยังเหลือไออุ่นของคนที่สวมมันก่อนหน้านี้ และมันทำให้หล่อนอุ่นขึ้นทันตาเห็น หล่อนกระชับเสื้อให้พอดีตัว รูดซิบ รวมถึงซุกหน้ากับผ้าพันคอของตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in