เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Third Upon A Timechasingcathy_
V
  • มาเลฟิเซนส์มองเห็นร่างเล็กเขย่งเย่งยื้อไปทางด้านหลัง พยายามที่จะเอื้อมจับปมเชือกที่ผูกคอร์เซ็ตอยู่ ทำให้เฟย์สาวถึงกับนึกขำ หากนางเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา มิได้เข่นฆ่าผู้ใดมาก่อน นางจักเป็นคนที่น่ารักน่าเอ็นดูมากเลยทีเดียว

    "มานี่..." ไม่ว่าเปล่า มาเลฟิเซนส์ก้าวเข้าไปประชิดตัวคนตรงหน้า อิงกริธถึงกับลมหายใจขาดช่วงเมื่อมือเรียวเกาะกุมเอวบางของตนแล้วดึงร่างเข้ามาประชิดตัวของนาง ลมหายใจร้อนรินรดต้นคอของร่างเล็กทำให้อิงกริธขนลุกชัน

    "หากมันใส่และถอดยากนัก ทำไมเจ้ายังสวมใส่อะไรแบบนี้อยู่อีก?" มาเลฟิเซนส์ถามออกไป ในขณะที่มือเรียวพยายามแกะปมเชือกที่ดูเหมือนจะรัดแน่นไปมากกว่าเดิม

    "มันเป็นสมัยนิยม เจ้ามิอาจเข้าใจได้หรอกเพราะเจ้ามิได้ต้องพบปะกับบรรดาราชนิกูลต่างเมืองเช่นข้า ป...ปกติแล้วข้าไม่เคยทำอะไรแบบนี้เอง ตั้งแต่ครั้นยังเป็นเด็ก นางกำนัลเป็นฝ่ายจัดการให้เสม-" ร่างเล็กถูกกระตุกไปด้านหลังตามแรงดึงของปีศาจสาว นางเซถลาไปซบกับร่างสูงของศัตรู มือเล็กเกาะกุมแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายไว้เพื่อประคองตัว นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองใกล้ชิดกันที่สุดนับตั้งแต่พบหน้ากันมา

    "นางกำนัลของเจ้าไปเรียนวิชามัดปมมาจากที่ใดกัน..." มันหาใช่คำถามไม่ แต่เป็นเพียงคำบ่นด้วยความขุ่นเคืองใจ เพราะนางพยายามแก้ปมแล้วหากแต่ไม่สำเร็จดั่งที่ใจหวัง

    หลังจากที่พยายามอยู่หลายนาที ปมวิเศษ(?)ก็ถูกแก้ออก มาเลฟิเซนส์ส่งเสียงในลำคอด้วยความดีใจแต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนก็มีเวทมนต์แต่มิได้ใช้มันกับปมเมื่อครู่

    เหตุใดข้าถึงไม่ใช้เวทมนต์ตั้งแต่แรกกันนะ?!

    "ข...ขอบใจ" ราชินีสาวยกมือขึ้นหอบชุดของตนไว้เมื่อมันมีท่าทีจะเลื่อนหลุดออกจากร่างกาย มาเลฟิเซนส์ค่อยๆคลายเชือกออกทีละช่อง อาภรณ์คล้อยหย่อนเปิดเผยแผ่นหลังขาวเนียนให้ปรากฏแก่สายตาของเฟย์สาว แม้จะปฏิเสธเพียงใด แต่ผิวขาวเนียนของร่างเล็กตรงหน้านั้นน่าสัมผัสเสียเหลือเกิน

    ช่างเย้ายวนเสียนี่กระไร

    พลันสายตาของมาเลฟิเซนส์เหลือบไปมองแผ่นหลังตรงหัวไหล่ด้านขวาที่ซึ่งไร้ปราการปกปิดใดๆ ผิวขาวเนียนนั้นมีร่องรอยของบาดแผลเป็นทางยาวตั้งแต่หัวไหล่ไปจนถึงกลางซี่โครง ความรู้สึกใคร่รู้ทำให้นางเอื้อมมือไปสัมผัสแผลปูดนูนนั้นอย่างลืมตัว

    ทันทีที่ปลายนิ้วเรียวของร่างสูงสัมผัสลงบนแผ่นหลัง ราชินีสาวสะดุ้งเฮือกก่อนจะผละออกจากสัมผัสนั้น นางลุกลี้ลุกลนไล่กวดอีกฝ่ายให้ออกจากห้องไปในทันที

    'ข้าขอโทษ' เป็นคำที่มาเลฟิเซนส์มิได้เอ่ยออกไป เพราะนางถูกเจ้าของห้องผลักไสออกมาเสียก่อน

    ร่างสูงก้าวเดินด้วยใจที่เหม่อลอยไปยังลานกลาง ทิ้งตัวนั่งลงบนบัลลังก์ไม้ที่ซึ่งออโรร่าเคยนั่งอยู่บ่อยๆ จิิตใจล่องลอยไปยังบาดแผลบนแผ่นหลังของราชินีสาว

    นางได้แผลพวกนั้นมาจากที่ใดกัน?
    แล้วผู้ใดกล้าทำอันตรายแก่สตรีร่างเล็กเช่นนางได้ถึงเพียงนั้น?

    คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวราวกับดอกเห็ดและแต่ละข้อก็คงไม่ได้รับคำตอบจากอาคันตุกะของนางเป็นแน่ มาเลฟิเซนส์รู้ดีว่าอิงกริธย่อมไม่ปริปากถึงเรื่องส่วนตัวเช่นนั้น

    ในขณะที่กำลังถกเถียงกับตนเองว่าควรรอให้ราชินีอิงกริธอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก่อนหรือจะบินกลับรังนอนของตนเองก่อนดี ร่างบางในชุดใหม่ก็ย่างกรายออกมาจากห้องนอน ผมบลอนด์ยาวถูกรวบขึ้นอย่างลวกๆ ปักไว้ด้วยปิ่นทองเพียงอันเดียว ใบหน้าไร้การแต่งแต้มใดๆ แต่ก็มิได้ทำให้ความโสภานั้นลดน้อยลง

    มาเลฟิเซนส์พบว่าตนเองมิอาจละสายตาไปจากร่างอรชรที่กำลังเดินตรงมาหาตนได้เลย

    ไม่ได้! ห้ามใจอ่อนกับราชินีอิงกริธเพียงเพราะเห็นว่านางน่าหลงไหลเช่นนี้!

    "นั่นเจ้าจะไปไหน?" ราชินีสาวเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายผุดลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าจะเดินจากไป

    "กลับรังนอน" นางตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผิดกับหัวใจที่สั่นไหวอยู่ในทรวงอก ณ ขณะนี้

    "เจ้ามิได้นอนที่นี่หรอกหรือ?"

    "เจ้าเห็นเตียงนอนสองหลังหรืออย่างไร?" มาเลฟิเซนส์ยอกย้อน

    อิงกริธไม่ตอบโต้อันใดเพียงแต่กระชับผ้าคลุมไหล่สีเดียวกับชุดพลางหย่อนตัวนั่งลงข้างๆบังลังก์ใหญ่ของมาเลฟิเซนส์ อากาศรอบๆกายนั้นเย็นลงอย่างผิดปกติ คงเพราะที่นี่เป็นป่า มีแต่ต้นไม้ อากาศจึงเย็นยะเยือกเช่นนี้

    "ข้า...ข้านึกว่าเจ้าจะนอนด้วยกัน"

    "ร่วมหลับนอนกับเจ้าน่ะหรือ?" เจ้าถิ่นเย้าแหย่

    "ข้ามิได้หมายความแบบนั้น!"

    มาเลฟิเซนส์หัวเราะน้อยๆอย่างชอบใจ

    "เจ้าจะให้ข้านอนที่นี่คนเดียวงั้นหรือ?"

    "ใช่"

    "แต่ข้าเพิ่งมาที่นี่ แล้วที่นี่ก็ไม่ปลอดภัย ห้องนอนไม่มีกลอน เกิดมีสัตว์ร้ายเข้าเข้ามาทำอันตรายข้าจะทำเช่นไร?"

    "ที่เมืองมัวร์แห่งนี้มิได้มีสัตว์ร้าย เว้นเสียแต่เจ้าจะนับตัวเจ้าเอง เพราะฉะนั้นมิมีผู้ใดทำอันตรายเจ้าได้หรอก"

    ยังไม่ทันที่ราชินีอิงกริธจะได้โต้ตอบอันใด เฟย์สาวก็หุนหันลุกขึ้นยืนก่อนจะกล่าวคำอำลา

    "เจอกันตอนรุ่งสาง ข้าจักให้เจ้าพบกับชาวเมือง" พูดจบนางก็สยายปีก โผบินขึ้นไปในท้องนภายามราตรี หายลับไปจากสายตาของคนเป็นแขกในชั่วพริบตา

    อิงกริธลุกขึ้นอย่างร้อนรนเมืื่อเห็นเจ้าถิ่นทิ้งนางเอาไว้กลางป่าเสียดื้อๆเช่นนี้ ด้วยความโมโหแต่ไร้ซึ่งหนทาง นางจึงพาร่างอรชรของตนเองกลับเข้าห้องนอนอย่างเลี่ยงไม่ได้

    แม้จะห่างจากบ้านมาไกล แต่ทำไมนางกลับรู้สึกสงบเช่นนี้ สงบมากกว่าตอนอยู่ที่อัลสเตดเสียอีก

    อิงกริธยกมือขึ้นกุมหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
    ความรู้สึกนี้ทำให้นางหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย
    ...ที่นี่สงบเหลือเกิน
    สงบมากเสียจนนางมิได้คิดอยากจะบ้านเมืองที่นางจากมาเลย

    .
    .
    .
  • บนกิ่งไม้ใหญ่ของต้นไม้กลางป่าในเมืองมัวร์ หลังจากที่เฟย์สาวผละออกมาจากอิงกริธแล้ว นางมิได้ตรงกลับรังนอนในทันที แต่กลับมาแอบซุ่มอยู่บนยอดไม้ เฝ้าดูอาคันตุกะของนางอยู่ไม่ห่างตา

    นีี่นางคิดดีแล้วหรือที่พาราชินีอิงกริธมาที่เมืองมัวร์แห่งนี้?

    ในตอนแรกที่นางช้อนตัวราชินีสาวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแล้วบินมาที่นี่ มิได้ฉุกคิดว่านางจักต้องมาอ่อนไหวให้กับเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นที่นางกำลังเผชิญอยู่

    แผลเป็นที่นางเห็นมิได้เป็นเพียงบาดแผลเล็กๆ แต่มันคือแผลเป็นที่ยาวกว่าคืบ และมันไม่ได้มีเพียงบาดแผลเดียว

    อิงกริธต้องเจอเรื่องราวหนักหนาถึงเพียงใดจึงได้บาดแผลพวกนั้นมา แล้วใยนางไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาเลยแม้แต่น้อย

    ยิ่งคิดยิ่งทำให้เฟย์สาวว้าวุ่นใจ

    ยามนี้ร่างบางได้เปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้ว แต่นางยังมิได้ล้มตัวนอน มาเลฟิเซนส์เฝ้ามองนางเหม่อลอย สายตาทอดยาวออกไปด้านนอกราวกับกำลังครุ่นคิดถึงสิ่งใดก็มิอาจหยั่งรู้ได้ เฟย์สาวพบว่าตนเองไม่อาจละสายตาไปจากหน้าต่างบานน้อยข้างเตียงที่อีกฝ่ายเปิดทิ้งไว้ได้เลย ใบหน้าสวยที่โผล่ออกมาด้านนอกนั้นมองได้ชัดเจน ยิ่งยามแสงจันทร์ไล้โลมผิวเนียนยิ่งทำให้นางดูเปล่งประกาย

    จนเวลาล่วงไปกว่าสองชั่วยาม มาเลฟิเซนต์เฝ้ามองจนกระทั่งอีกฝ่ายเข้าสู่ห้วงนิทรา จึงร่อนลงมาจากต้นไม้ที่นางแอบอิงอยู่ ก้าวเดินอย่างเงียบเชียบเข้าไปยังห้องนอนของอีกฝ่ายโดยไม่ให้นางรู้ตัว

    "โอ้ อิงกริธ..." มาเลฟิเซนส์เอ่ยแผ่วเบา แต่ทว่าแฝงไปด้วยความหมาย

    ข้าปรารถนาจะบอกเจ้าว่าข้าเห็นใจเจ้าในสิ่งที่เจ้าต้องเผชิญ แต่มันมิอาจลบล้างในสิ่งที่เจ้าทำลงไปได้...
    ยามหลับไหลเช่นนี้เจ้าก็มิได้มีพิษภัยอันใด เพราะเหตุใดเล่าอิงกริธ เพราะเหตุใดเจ้าถึงได้ปากร้ายเช่นนั้นยามเมื่อเจ้าตื่น เพราะเหตุใดความคิดจะล้างบางชาวมัวร์ถึงได้มาจากผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเจ้าได้กัน?


    มือเรียวเอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าสวยของราชินีสาวอย่าวแผ่วเบา แต่ถูกหยุดเอาไว้โดยมือของตัวเจ้าที่ยกขึ้นมาบีบมือของมาเลฟิเซนส์ด้วยสัญชาตญาณ

    "เจ้าทำอะไร?" ราชินีสาวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ

    "ข้า...ข้าแค่แวะมาดู เผื่อเจ้าต้องการอะไรเพิ่ม เห็นเจ้าหลับข้าจึงไม่ปลุก" มาเลฟิเซนส์นับถือตนเองที่สามารถแก้ไขเฉพาะหน้าได้ดีถึงเพียงนี้ และนางได้แต่เพียงภาวนาให้อิงกริธเชื่อในสิ่งที่นางพูดออกไป

    อิงกริธมิได้เอ่ยคำใดออกไป เพียงแต่เหลือบมองมือของปีศาจสาวในมือของตน

    "ข้าแค่ไล่แมลง...มันไปแล้ว" 

    ชั่วอึดใจ มาเลฟิเซนส์คิดว่าอิงกริธคงเอื้อมไปหยิบแจกันที่โต๊ะข้างเตียงขึ้นมาฟาดตนเข้าให้
    หากแต่นางมิได้ทำอันใด เพียงแต่พยักหน้าแล้วปล่อยมือ

    "ข้ามิได้ต้องการสิ่งใดเพิ่ม" อิงกริธเอ่ยพลางเอนหลังไปพิงกับหัวเตียง มือเล็กยกขึ้นมาเสยผมบลอนด์ที่ปรกหน้าอยู่ออกไป ใบหน้าแสดงความว้าวุ่นใจอยู่ไม่น้อย

    "ข้าเพียงแต่ไม่เคยชินกับการที่ต้องนอนคนเดียว" นางว่าต่อ

    "เจ้าคงคิดถึงจอห์น" มาเลฟิเซนส์ถือวิสาสะนั่งลงที่ปลายเตียง

    "ไม่..." อิงกริธส่ายหน้าไปมา

    "ไม่เลยสักนิด" นางว่าต่อ

    "ใยเป็นเช่นนั้นเล่า?" มาเลฟิเซนส์ถามด้วยความใคร่รู้

    "เจ้าเป็นสตรีเฉกเช่นเดียวกับข้า เช่นนั้นข้าจักพูดตรงๆ...ข้ามิได้รักเขา ไม่เคยรักและไม่มีวันจะรัก" อิงกริธช้อนสายตาขึ้นสบเข้ากับดวงตาสีเขียวที่เปล่งประกายของอีกฝ่าย ดวงใจไหวสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางไม่เคยยอมรับกับผู้ใดมาก่อนเลยว่านางไม่เคยรักจอห์น ไม่แม้แต่คิด'จะรัก'เสียด้วยซ้ำไป แต่นางกลับพบว่ามันช่างง่ายดายเหลือเกินที่จะพูดอะไรเช่นนี้กับนางปีศาจสาวตรงหน้า

    "แต่เจ้าแต่งงานกับเขา?" เฟย์สาวยังคงแสดงท่าทีไม่เข้าใจ

    "โถ่เอ๋ยแม่คนโง่เขลา คนเรามิจำเป็นต้องแต่งงานเพียงเพราะความรักเสมอไปหรอกนะ" อิงกริธกอดอก น้ำเสียงไม่พอใจอย่างถึงที่สุด

    เหตุใดจึงได้เข้าใจอะไรยากถึงเพียงนี้นะมาล?! 

    "แล้วคนที่เจ้ารักเล่า? ใยเจ้าไม่แต่งงานกับเขาเสีย?"

    ราชินีสาวส่ายศีรษะไปมา นางสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะตอบด้วยท่าทีหยิ่งยโสอันเป็นเอกลักษณ์ของนาง

    "ข้าจะรักใคร มันก็มิใช่กงการอะไรของเจ้า"

    "ข้าเพียงแต่ถาม!" มาเลฟิเซนส์ผุดลุกขึ้นด้วยความโทสะ

    เหตุฉะไหนจึงพูดจากันดีๆมิได้เลยสักครั้ง!

    "เดี๋ยวมาล..."

    มาเลฟิเซนส์หยุดชะงัก

    นางเรียกข้าว่าอะไรนะ?

    เจ้าถิ่นไม่ตอบเพียงแต่หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้าคนบนเตียง

    "อยู่กับข้าก่อน...ได้ไหม?"

    มาเลฟิเซนส์ประหลาดใจที่ได้ยินเช่นนั้น
    นี่คือครั้งที่สองที่ราชินีสาวร้องขอนาง

    "เพราะเหตุใดถึงขอให้ข้าอยู่?"

    "แม้จอห์นจะมิใช่สวามีที่ดี แต่อย่างน้อยเขาก็มิเคยปล่อยให้ข้านอนคนเดียวเลยแม้สักครั้ง"

    มาเลฟิเซนส์เลิกคิ้ว

    "เพียงคืนเดียว ขอให้ข้าคุ้นชินกับที่นี่เสียก่อน แล้วข้าจะไม่รบกวนเจ้าอีกเลย"

    "หากเจ้าร้องขอเช่นนั้น..." มาเลฟิเซนส์ว่า พลางกวัดแกว่งมือเรียวไปในอากาศพลันเตียงเล็กที่อิงกริธนอนอยู่ก็ขยายใหญ่ขึ้นทันตา มันกว้างพอสำหรับ 3 คนเลยทีเดียว

    มาเลฟิเซนส์สอดตัวลงไปใต้ผ้าห่มนุ่ม หนุนแขนเรียวของตนแล้วจ้องมองไปยังสตรีอีกนางที่นอนอยู่ถัดไป ปีกหนาขดเก็บเข้าประชิดตัว

    "หากเจ้าคิดจะทำอะไรพิกล ข้าเตือนไว้ก่อนว่าข้าสัมผัสไว และข้าสามารถเสกเจ้าให้กลับเป็นแพะได้ในพริบตา" มาเลฟิเซนต์ร่ายยาว

    "เจ้าเห็นข้ามีอาวุธหรืออย่างไรกัน?" อิงกริธโต้แย้ง ก่อนจะพลิกตัวนอนหันหลังให้กับปีศาจสาว

    "ข้าเพียงแต่เตือนเจ้าไว้ก็เท่านั้น..." มาเลฟิเซนส์บ่นเสียงเบา

    วันนี้ช่างเป็นวันที่เหนื่อยเหลือเกิน

    "และโอ้...ข้ามีบางสิ่งที่ต้องทำก่อน" มาเลฟิเซนส์ว่าอีกครั้งก่อนจะโน้มตัวไปหาราชินีสาวจนสัมผัสได้ถึงรังสีความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างอรชร อิงกริธหันกลับมาประจันหน้าอีกฝ่ายด้วยความตกใจที่อยู่ๆเฟย์สาวก็เคลื่อนขยับเข้ามาชิดเสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

    "ข้า มาเลฟิเซนส์ ขอถอนคำสาปที่เคยให้ไว้แก่ราชินีอิงกริธครั้งที่นางยังอยู่ในดินแดนมนุษย์" พูดจบ แสงเขียวก็พวยพุ่งออกจากร่างบางของราชินีอิงกริธตรงไปยังฝ่ามือของมาเลฟิเซนส์แล้วซึมเข้าร่างกายของนาง มันเลือนลางก่อนจะจางหายไป ปีศาจสาวถอยกลับไปนอนที่เดิมแล้วและอิงกริธรู้สึกหายใจโล่งขึ้นมาเล็กน้อย

    นางมิอาจรู้ได้ว่าเป็นเพราะถูกถอนคำสาปหรือเพราะนางปีศาจถอยห่างจากตนไปแล้วกันแน่

    "ที่มัวร์ เจ้ามิต้องแปลงร่างเป็นสัตว์แล้ว"

    "ข...ขอบใจ"

    "ทีนี้ก็นอนเสียเถอะ เจ้ามิได้อยู่ผู้เดียวแล้ว"

    "ราตรีสวัสดิ์" อิงกริธหลับตาลงพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆของหอมไม้ที่ลมโชยมา กับไออุ่นที่แผ่ไปรอบๆแผ่นหลัง ทำให้ใจชื้นขึ้นมาเสียหน่อย

    วันแรกกับการมาเยือนมัวร์ ช่างเป็นวันที่ยาวนานเหลือเกิน

    "เช่นกัน" มาเลฟิเซนส์กล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ มันเป็นรอยยิ้มที่นางมิต้องฝึกฝนและนางคิดว่าอีกฝ่ายนั้นคงจะชอบหากนางยิ้มแบบนี้บ่อยๆ

    วันแรกกับการต้อนรับแขกของมัวร์ มันช่างเป็นวันที่ยาวนานเสียจริงๆ

    .
    .
    .
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
ptrtd_ (@ptrtd_)
อรุกก เป็นเขิน เป็นบอกไม่ถูก เป็นอมยิ้มให้กับบทนิยาย•/////•
chasingcathy_ (@chasingcathy_)
@ptrtd_ เขินอีกค่ะ เอาอีกๆ 55555
peachpeach_1998 (@peachpeach_1998)
โอ๊ยยยยย เขินมาลอะ หื้ออออออ มีปมเรื่องแผลของควีนมาให้อยากรู้เลยอะ
chasingcathy_ (@chasingcathy_)
@peachpeach_1998 รอตามนะคะๆ
agfaannehathawx (@agfaannehathawx)
ภาษาดีจนเขินไปเลยค่ะเธอ ชอบบบบ
chasingcathy_ (@chasingcathy_)
@agfaannehathawx งื้อ ขอบคุณทีี่ชอบนะคะ มีกำลังใจขึ้นมาเลยค่ะ
taynerdemon (@taynerdemon)
ฮื่อออ เขานอนด้วยกันค่ะแม่ เขาสบตากัน เขาอ้อนให้อีกคนนอนด้วย ใจเหลวเป็นน้ำ
chasingcathy_ (@chasingcathy_)
@taynerdemon ใจแข็งไปเถอะ เจอลูกอ้อนเข้าหน่อย มาเลฟิเซนส์ก็ใจเหลวเหมือนกันค่ะ55555
lilithsaxon (@lilithsaxon)
ถ้ามีแผลเป็นขนาดนี้ จอห์นก็ต้องเคยเห็นบ้างสิ หรือว่าคิงจอห์นจะ...
chasingcathy_ (@chasingcathy_)
@lilithsaxon ฮ๊า! ปรากฏว่าจอห์นเป็น s ???
thisismejessiep (@thisismejessiep)
บ้าจีง หยุดยิ้มไม่ได้เลย สุดท้ายมาลก็ยอมทำตามที่อิงกริธร้องขอ บ้าจีงงงงงงง ว่าแต่อยากรู้ที่มาของแผลเป็นของอิงกริธแล้ววววว รอติดตามตอนต่อไปนะคะ เป็นกลจ.ให้ค่ะ :)
chasingcathy_ (@chasingcathy_)
@thisismejessiep แม่มาลีคือรักเค้า แต่ไม่บอกเค้าค่ะ จะบอกได้ยังไง ตัวเองยังไม่รู้เลยว่ารัก 5555555
CINNAMON (@imawiawi)
ใจคนอ่านอ่อนยวบไปหมดแล้ว ฮรึก
อยากรู้ที่มาของแผลที่หลังอิงกริธแล้ว รออ่านตอนต่อไปนะคะ
chasingcathy_ (@chasingcathy_)
@imawiawi ขอบคุณนะคะ รอติดตามน้าา?