เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Little Worldขอบฟ้าสีจาง
ออกเดินทาง. . .แล้วเราจะยิ้มได้กว้างกว่าเดิม PART I
  • จุดมุ่งหมายการเดินทางครั้งนี้ของเราคือ


    เราไม่ได้วางแผนล่วงหน้า  เรียกได้ว่าเป็นทริปที่ฉุกละหุกมากๆ  เราแค่เพียงหาข้อมูลการเดินทางจากพระประแดง-กาญจนบุรี  แล้วทำ  List  ห้องพักที่น่าสนใจเท่านั้น

    การเดินทางของเราเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่  13  ตุลาคม  2560 
    กว่าจะเก็บของอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ  ก็ปาไป 6 โมงนิดๆที่เราเข้าไปต่อแถวที่ช่องขายตั๋ว


    "ตั๋วหมดแล้วค่ะ"


    ถึงจะทำใจไว้อยู่แล้ว  ว่าเราอาจจะไม่ได้ตั๋วรถทัวร์  หมอชิต-ด่านเจดีย์สามองค์  
    แต่พอได้ยินจริงๆก็ทำให้ใจเหี่ยวได้พอประมาณ
    (เราโทรเช็คที่นั่งแล้วว่าเหลือเพียง 3 ที่  และไม่รับจองทั้งทางโทรศัพท์และปิดรับจองออนไลน์ช่วงระยะเวลาที่เราจะไปพอดี) 

    จากที่ตั้งใจจะขึ้นรถทัวร์ยาวแล้วไปลงที่สังขละบุรี
    ก็ต้องเปลี่ยนแผน  นั่งรถตู้ไปลงที่ตัวเมืองกาญฯ  แล้วค่อยต่อรถไปสังขละฯ

    เราได้ตั๋วรถตู้รอบ 07.00 น.  ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง  ก็มาถึงบขส.กาญฯ
    หาข้าวทานก่อนจะต่อรถไปสังขละฯ  ระหว่างทางเป็นอะไรที่เราตื่นเต้นมาก  ทั้งทางโค้งและถนนค่อนข้างชัน  รวมถึงทิวเขาที่สูงตะหง่าน  ฝนก็ตกบ้าง  หยุดบ้างสลับกันไป  กลิ่นฝน  กลิ่นป่า 
    มันทำให้เรารู้สึกดีจริงๆนะ :)

    เวลา 15.00 น. โดยประมาณเราก็มาถึงสังขละฯ  ลงจากรถมายืนงงได้สักแปบ 
    ก็เดินไปนั่งทานข้าว  พร้อมทั้งเอา  List  รายชื่อห้องพักขึ้นมาดู  และกดโทรหาที่พักสำหรับคืนนี้ 
    แต่เพราะมันเป็นช่วงวันหยุดยาว  ห้องพักส่วนใหญ่จึงเต็มหมดแล้ว
    นี่คือผลของการไม่วางแผนล่วงหน้าสินะ  T^T

    เรานั่งโทรไปทานข้าวไป  ป้าร้านข้าวก็เข้ามาถามว่ามีที่พักรึยัง  เรารีบบอกไปทันทีว่ายัง
    ป้าเลยแนะนำที่พักที่อยู่ตรงข้ามบ้านป้ามาให้  เราเลยข้ามไปดู  เป็นบ้านที่ปกติแล้วเค้าน่าจะให้พักได้หลายๆคน  แต่วันนั้นเริ่มจะเย็นแล้ว  ป้าเจ้าของห้องพักเลยให้เราเช่าคืนละ 800 บาท  นอนกันสองคน 

    พอเอาของเก็บเรียบร้อย  เราก็ขี่รถมอไซค์ไปสะพานมอญทันที  เพราะตั้งใจจะไปวัดจมน้ำด้วย
    มาถึงสะพานมอญปุ๊บ  เดินไปยังไม่ทันถึงครึ่งสะพานเลย  พระพิรุณก็โปรยปรายลงมาซะแล้ว
    ข้อดีของฝนตก คือไม่มีคนยืนบังวิวสะพานเรา

    ถึงฝนจะตกจนทำให้เราไม่ได้ไปวัดจมน้ำตามที่ตั้งใจ  แต่มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอารมณ์เสียสักนิด
    ได้ยืนมองสายฝน  ดูคนที่ออกไปกระโดดถ่ายรูปท่ามกลางหยดน้ำที่กำลังร่วงจากฟ้า  พร้อมทั้งคอยตอบคำถามเด็กน้อยที่เวียนมาถามอยู่ทุกๆ 10 นาที ว่าสนใจปะแป้งที่หน้ารึเปล่า  มันก็เพลินดีนะ 


    เจ้าตัวน้อยนี่ขยันเดินมาถาม  จนต้องขอถ่ายรูปแลกกับค่าตัวนิดหน่อย 


    รอยยิ้มของเด็กน้อย  ทำให้เรายิ้มตามออกมาขณะที่กดถ่ายภาพนี้

    ยืนรอจนเกือบครบชั่วโมงฝนก็หยุด  เราจึงเดินสำรวจสะพานจนถึงฝั่งมอญ  เพราะตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นจะตื่นมาใส่บาตร  เลยมาดูลาดเลาซะหน่อย  มาถึงก็เห็นร้านขายของที่ระลึก  มีทั้งเสื้อผ้า  เครื่องประดับ เครื่องประทินโฉม  รวมไปถึงขนมต่างๆ

    เราเดินซื้อของมาฝากคนในครอบครัวและพี่ๆที่ออฟฟิตคนละนิดละหน่อยก็กลับ  และด้วยที่พักเราอยู่ใกล้ตลาด  เลยลองไปเดินดูเห็นร้านหมูจุ่มพม่าอยู่หลายร้าน  แต่ไม่กล้าชิมเลยไม่รู้ว่าเด็ดสมคำร่ำลือรึเปล่า 

     เนื่องจากเริ่มเพลียจากการเดินทางมาทั้งวัน  บวกกับที่ตั้งใจจะตื่นมาใส่บาตรเช้า  เราเลยตัดสินใจกลับที่พัก  เพื่อมาเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางของวันถัดไป




    ไว้เจอกัน Part II  นะคะ




    PS. เราไม่ได้ถ่ายรูปที่พักมาด้วยแถมยังจำชื่อที่พักไม่ได้อีก T^T  จำได้แต่ว่าที่พักของป้าอยู่ตรงตลาดอยู่ติดกับร้านกาแฟ ตรงข้ามกับร้านข้าวแกง  เป็นห้องแอร์นะคะ  ห้องน้ำก็สะอาดมีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย

    PS.2 เราเช่ารถมอไซค์กับป้าร้านข้าว วันละ 350 บาท  เป็นสิ่งเดียวที่รู้สึกเฟล  เพราะขับออกมาทางไปสะพานเจอร้านเช่ามอไซค์วันละ 200 บาท ฮรึกกกก  เสียใจจจจ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in