The Kissing Booth เป็นหนังรักเรื่องแรกๆ ของNetflix ที่เราเห็นโฆษณาในยูทูปบ่อยมากกก เกี่ยวกับกฎของเพื่อนซี้ ห้ามรักพี่ชายเพื่อน ซึ่งเค้าต้องการทำให้มันเป็นแกนของเรื่องเช่นเดียวกับบู๊ทขายจูบ แต่กฎของเพื่อนซี้มันทำให้น้ำหนักหนังดูเบา ดูไม่ค่อยเมคเซ้น ทำให้เรื่องนี้เหมาะกับผู้ชมเด็กๆ คนโตแล้วอาจจะรู้สึกขัดใจบ้าง
หนังได้น้อง Joey King มารับบทเป็นสาวไฮสคูลที่กำลังโต
เราเห็นน้องครั้งแรกจากเอ็มวี เพลง Mean ของ Taylor Swift กับหนังเรื่องอื่นๆ เลยรู้สึกดีมากที่ได้เห็นน้องรับบทนำแล้ว แต่เรื่องนี้ทำให้น้องต้องโชว์เนื้อหนังเยอะมาก เรียกได้ว่าเมานมกันเลยทีเดียว เอะอ่ะโชว์นม เอะอ่ะโชว์นม ในส่วนของเรื่องคสพ.กับพระเอก เราค่อนข้างเชื่อเลยว่าสองคนนี้เค้ารักกันจริงๆ เรียกได้ว่าแต่ละคนต่างคลั่งไคล้กันและกันมาก
แต่เราไม่ค่อยเข้าใจคสพ.ระหว่างนางเอกกับเพื่อนซี้เท่าไหร่ ทำไมดูแล้วไม่ค่อยเชื่อว่าเค้าซี้กันจริงๆ หรือเป็นเพราะเคมีของนักแสดงสองคนนี้ไม่เข้ากัน ก็เข้าใจแหละว่าเพื่อนคิดว่าพี่ชายตัวเองเจ้าชู้ กลัวว่าจะทำให้เพื่อนของตัวเองเสียใจ และคสพ.ระหว่างเพื่อนจะไม่เหมือนเดิม แต่เพื่อนที่แท้จริง ก็คือคนที่อยากให้เพื่อนเรามีความสุขไม่ใช่หรือ ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็เอาการแหกกฎมาเป็น conflict ที่ดูแล้ว ก็รู้สึกไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร โกรธกันเป็นเด็กๆ5555 พอบทจะให้อภัยก็ให้อภัยง่ายเกิน เหมือนหนังมีเวลาเล่าเรื่องไม่พอ ดูแล้วก็เลยเฉยๆ แต่ในส่วนของฉากบู๊ทขายจูบที่เป็นที่มาของชื่อเรื่อง ทำออกมาได้ดีมากเลยนะ ดูเป็นMagical Moment จริงๆ
สรุปก็คือ ดูได้เพลินๆ แต่สำหรับเราคือไม่ค่อยน่าจดจำ เราชอบดูหนังวัยรุ่นที่ตัวนางเอกของเราได้เติบโต ปมเกี่ยวกับตัวเองได้ถูกแก้ไข ดูแล้วรู้สึกหัวใจพองโต เหมือนกับเราได้เติบโตไปพร้อมกับเค้า แต่สำหรับหนังเรื่องนี้เราไม่มีความรู้สึกแบบนั้น เรื่องนี้จะเน้นไปที่การแก้คสพ.กับเพื่อนสนิท เพื่อนเข้าใจกัน และเหมือนจุดมุ่งหมายของเรื่องคือการที่นางเอกสามารถคบกับพระเอกได้ พระเอกถือเป็นGoal ของ Story ทั้งหมด เราว่าหนังยังขาดปมตรงจุดนี้อยู่ และความไม่เมคเซ้นในหลายๆเรื่อง แต่ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรมาก ก็คือหนังรักวัยรุ่นกุ๊กกิ๊กที่ดูน่ารักใช่ได้เลยทีเดียว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in