INFP ทำไมต้องเข้าใจตัวเอง
เพราะเวลาที่ไม่เข้าใจตัวเองมันว่างเปล่าและทุกข์ยิ่งนัก
การเป็นอินโทรเวิร์ตว่าใช้ชีวิตยากแล้วแต่การเป็น INFP ยากยิ่งกว่า
เมื่อสัก 10 กว่าปีก่อนคำว่า Extrovert Introvert ไม่ได้แพร่หลาย คนจะแปะป้ายคนที่ไม่ชอบเข้าสังคม ภายนอกดูนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ว่าเป็นพวก Anti social หรือรักสันโดษ ไม่ก็คนหยิ่งยโส ก็แล้วแต่จะเรียก
ก็ใช้ชีวิตแบบที่ไม่เข้าใจตัวเองมาเรื่อย ๆ มีแต่คำถามในหัวว่า ทำไมเราไม่เหมือนคนอื่น อยากเป็นเหมือนคนอื่น อยากเป็นคนปกติ กระทั่งปี 4 ต้องเรียนวิชาเลือกเสรี เห็นวิชานึงน่าสนใจมาก ๆ อยากเรียนมาตลอด ก็จิ้มทันที
พอเจอคำว่า Introvert ในหน้าหนังสือเรียน General Psychology ก็ปลดล็อกความไม่เข้าใจตัวเองที่มีมายี่สิบกว่าปีได้เป็นปลิดทิ้ง แล้วก็วิชานี้อีกนั่นแหละที่ทำให้รู้ว่า การเขียนของเรามันพอใช้การได้ เมื่อรายงาน 2 หน้ากระดาษที่เขียนตอนไปนิทรรศการ Dialogue in the Dark ได้สามดาวและได้คอมเมนต์ที่ดีจากอาจารย์ ปลุกความฝันเก่า ๆ ให้กลับมา
เพลงแบบผิว ๆ วรรณกรรมแบบผิว ๆ ภาพยนตร์แบบผิว ๆ อาจไม่สามารถแตะอะไรในจิตใจคน INFP ได้ นักจิตท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ ความทุกข์อาจไม่ใช่ความทุกข์สำหรับ INFP แต่ภาวะด้านชา ว่างเปล่าต่างหากที่ทุกข์ การไม่รู้สึกถึงอะไรต่างหากที่ทำให้รู้สึกทุกข์ ดังนั้นจึงต้องเสพอะไรที่มันเข้าไปแตะส่วนลึก ให้รู้สึกว่ายังมีความรู้สึกอยู่นะ
ช่วงที่ไม่เข้าใจตัวเองเราก็เอาแต่หาคำตอบ ดู YT ช่องนักจิตวิทยาหลายคนแต่ชอบที่สุดคงเป็น ilovetoday แต่ถ้าเฉพาะทางกว่านั้น นักเขียน INFP ก็ต้องเป็นเพจคุณลวิตร์ พัณณิดา ภูมิวัฒน์ เป็นนักเขียนสายแฟนตาซีที่ติดตามมาพักใหญ่ แต่ช่วงหลัง ๆ เธอมาแชร์วิธีการทำงาน การเข้าใจวิธีการทำงานในแบบ INFP ยิ่งชอบไปใหญ่
INFP ถ้าไม่ยอมรับตัวเองก็จะ Unhealthy การยอมรับตัวเองว่าเราไม่ได้เป็นไปตาม Norm ของสังคม แต่มีค่านิยมส่วนตัว การศึกษา cognitive function Fi Ne Si Te ช่วยให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น แต่ก็นั่นแหละ
"แก่ขึ้นไม่ได้แปลว่าเราจะรับมือกับปัญหาได้เก่งขึ้น ทุกอย่างก็ยังใหม่อยู่ดี เราแค่ไม่ตกใจเวลาโดนโลกโบยตี เราไม่ได้เก๋าขึ้นอะไรหรอก" คำพูดพี่คงเดช ผกก.ที่ชอบก็ยังคงวนเวียนในหัว
บางทีเราไม่ต้องการความเข้าใจด้วยซ้ำ แค่รับรู้และเชื่อมั่นว่าเราจะผ่านไปได้ด้วยตัวเองก็พอ ถ้าเมื่อไหร่ไม่ไหวเราจะไปเคาะเรียกเอง ไม่ต้องเทคแอกชั่นอะไรก็ได้ แค่ฟังแค่รับรู้กับคำพูดที่เหมือนยืนอยู่ฝั่งเดียวกันสักสองสามคำ (อาจเป็นคำโกหกก็ได้) ก็คงทู่ซี้ทำต่อไปแบบหน้ามืดตามัวแล้ว แต่การที่ถูกเพิกเฉยและไม่ได้รับการเห็นใจน่ะ ทำลายหัวใจมาก ๆ
ตอนเริ่มงานที่แรกในชีวิต เราบอกถึงปัญหาที่ต้องเจอ แต่แก้ไขไม่ได้ไปหลายรอบ แต่ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ จนวันนึงตัดสินใจเดินไปบอกว่า ไม่ไหวแล้ว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำว่า รู้มาสักพักแล้ว ก็จบชีวิตการทำงานที่แรกทั้งอย่างนั้น ไม่มีใครเชื่อว่าคนที่ทนเก่งจะทนไม่ได้ แต่ตอนนี้โตขึ้นมากตามอายุแล้วก็เรียนรู้วิธีรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับคนรอบข้างที่เห็นอกเห็นใจมากขึ้น แต่พอคิดถึงตอนนั้นก็ไม่เสียใจเลยที่ทำไป
สำหรับ INFP ที่ผ่านมาทางนี้ อยากให้ไปอ่านเพจ
พัณณิดา ภูมิวัฒน์ - ลวิตร์ แล้วจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น และขอยกบางส่วนที่คุณลวิตร์เขียนมาแปะ ๆ เผื่อมันจะช่วยในการทำงานได้
"ท่านควรคิดไปเลยว่า ท่านจะทำช้ากว่าคนอื่น หรืออย่างน้อยแรกๆ ท่านจะช้า เพราะธรรมชาติของท่านมันเป็นแบบนี้"
ท่านเป็น INFP จึงมีงานบางอย่างที่ท่านต้อง “สนุก” ท่านถึงจะทำได้
Fi ทำให้ท่านฟีลๆ เอาแล้วแม่น (แต่จะไปอธิบายให้คนที่ไม่ได้ฟีลๆ เอาเข้าใจได้ยังไง ก็ยากอยู่)
ท่านกังวลว่าตัวเองมีโปรเจคมากเกินไป แล้วท่านจะ “ไม่โฟกัส” (เพราะคนอื่นบอกท่านว่าท่านต้องโฟกัส) ท่านเลยพยายามจิ้มทำอยู่อันเดียว จนท่านเครียด พอเครียดแล้ว Te เลยออกมา พอ Te ออกมาทุกอย่างก็เข้าสู่วงจรอุบาทว์ จนท่านเบิร์นเอาท์ไปแทน
ซึ่งส่งผลให้ท่านยิ่งเกลียดตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี ทำอะไรๆ ก็ไม่สำเร็จ (นี่ก็เป็นผลจากการที่ท่านมีอุดมคติสูงเกินไปจ้า)
เตือนตัวเองบ่อยๆ ว่าท่านเป็นมนุษย์ค่ะท่านเป็นมนุษย์จริงๆ ค่ะ ต่อให้กบาลของท่านเห็นสวรรค์ ท่านก็เป็นมนุษย์ (INFP ส่วนใหญ่ก็มีสวรรค์ในกบาลจริงๆ นะ กับแทบทุกเรื่องเลยด้วย)ดังนั้นโปรดให้อภัยตัวท่านเองด้วยค่ะ ปรกติ INFP จะเป็นคนใจดีและมีความเข้าใจชาวบ้าน (เว้นแต่อีที่โดนบี้มามากหรือโตมาผิดมากจริงๆ) ปรกติท่านจะไม่ดีมานด์อะไรจากใครเลย ท่านจะไม่บอกคนป่วยติดเตียงว่าทำไมยกเวท 100 กิโลไม่ได้ ดังนั้นทำไมท่านถึงใจร้ายแต่กับตัวเอง ดีมานด์แต่กับตัวเองเหรอคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in