กว่าจะได้มาเขียนก็ได้จับงานนี้ 2-3 ครั้งแล้ว เอาจริง ๆ ควรใช้คำว่าฝึกจะดีกว่า เพราะงานที่เราเอามาฝึกโอกาสที่จะได้ตีพิมพ์น้อยมาก (ถ้าผ่านพิจารณาคือเก่งมากเลย)
งานนั้นคืออออออ "การ edit คำ" นั่นเองงงงง
โดยงานส่วนใหญ่ที่เราใช้ edit จะเป็นต้นฉบับจากทางบ้าน พี่ก็เลยให้เราลอง edit + รีวิว หลายคนน่าจะสงสัยว่าทำไมเราต้องทำรีวิว
คือ รีวิวเนี่ย มันก็คล้าย ๆ ที่เราเห็นทั่วไป มีเขียนเรื่องย่อ ให้คะแนนต่าง ๆ และข้อเสนอแนะ แต่รีวิวนี้จะเป็นตัวตัดสินเลยว่าจะผ่านพิจารณาหรือเปล่า ถ้าเขียนดี คะแนนดี ก็มีสิทธิ์ผ่าน สำหรับอมรินทร์เปิดรับต้นฉบับจากทางบ้าน 24/7 ส่งมาได้ตลอด แต่จะได้ตรวจเมื่อไหร่ก็อีกเรื่องนะ
- เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้ ขอไม่ลงรายละเอียดนะจ๊ะ
ถือว่าให้เกียรตินักเขียนและผลงานของเขานะ -
เรื่องแรกที่เราใช้ฝึกเป็นของฝั่งแพรวแปล (สืบสวน สอบสวน ลุกลับ ฯลฯ) ยอมรับว่าเราไม่ค่อยอ่านแนวนี้ ส่วนใหญ่อ่านทางฝั่งแพรวเยาวชนมากกว่า แต่ปรากฏว่าเรื่องสนุกใช้ได้เลย คนเขียนเป็นนักแปลเกาหลีของสำนักพิมพ์อยู่แล้ว เกิดอยากเขียนเรื่องของตัวเองบ้างก็เลยลองส่งมา ภาษาสำนวนเลยแปลก ๆ บางคำใช้ผิดความหมายแบบจุดเดิม ๆ เรื่องสนุกแต่ต้องกำหมัดเบา ๆ ยังผิดไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่ได้ขัดการอ่านมากนัก
แต่เรื่องที่สอง เป็นของแพรวเยาวชนแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยซุบซิบกับพี่เรื่องวรรณกรรมเยาวชน เพราะพี่เขาก็เพิ่งมาจับงานสายนี้ไม่นาน แถมยังทำควบแพรวเยาวชนกับแพรวแปล พี่เขาก็บ่น ๆ ประมาณงานเยาวชนมันละเอียดอ่อนกว่า ต้องกรองเยอะกว่า ตอนแรกเราก็คิดว่าคงไม่ยากเท่าไหร่ ในฐานะที่ใช้วรรณกรรมเยาวชนเรียน แน่นอนว่าคิดผิดแบบไม่ต้องสืบเลย!
เรื่องที่พี่เลือกมาให้เรา (ต้นฉบับจากทางบ้าน again) ไม่ควรจั่วหัวว่าวรรณกรรมเยาวชนเลยอ่ะ เราขอออกตัวก่อนเลยว่าเราไม่ใช่คนเหยียดอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะศาสนา เชื้อชาติ สีผิว หรืออะไรก็ตามที่คนบนโลกจะเหยียดได้ อย่าได้เข้าใจเราผิด แต่อันนี้เราว่ามันเกินไปจริง ๆ การใส่ความเชื่อหรืออาจจะเรียกว่าอุบายให้คนทำดีอะไรเทือกนั้นมากเกินไป คนเขียนเขาเป็นมุสลิม เท่าที่เราไปรีเสิร์ชมาคือ ทางอิสลามเขามีความเชื่อเกี่ยวกับแมว เขาก็เขียนบรรยายผ่านแมวตัวหนึ่ง ไม่แฟนตาซีใด ๆ ทั้งนั้น เป็นแมวที่ร้องเหมียว เหมียว คุยกับคนไม่ได้แต่ดันฟังรู้เรื่อง อ่านหนังสือออกแถมยังรู้จักบัตรประชาชน ไม่ make sense แล้วค่ะคุณพี่
แล้วความเชื่อที่เขาใส่ไปก็ประมาณว่าใครที่เลี้ยงแมว จะต้องดูแลแมวดี ๆ เพราะแมวจะขอพรต่อเทพเจ้าให้เจ้าของมีโชคลาภ เราว่ามันไม่ผิดที่จะใส่ความเชื่อทางศาสนาเข้าไป แต่อันนี้ใส่เยอะมาก จนถึงขั้นระบุชื่อนักการเมืองคนหนึ่งแล้วบอกว่าที่เขาได้เป็นรัฐมนตรีหลายสมัยเพราะเลี้ยงแมว เราว่ามันเกินไปมาก ๆ เหมือนพยายามล้างสมอง ถึงตอนท้ายจะบอกว่าความสำเร็จจะไม่เกิดถ้าไม่ลงมือทำ แต่การที่เราเห็นรูปแบบประโยคซ้ำ ๆ มันอาจก่อให้เกิดภาพจำได้ ถ้าเราเห็นมันมาตลอด 9 บทจาก 10 บท แล้วมาบอกให้อย่าเชื่อมากลงมือทำดีที่สุดในบทสุดท้าย เราว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย กำหมัดสุดคือแมวที่ไม่สมแมว ถ้าบอกว่าเป็นคนอายุ 60+ กลับชาติมาเกิดแบบมีความทรงจำตอนเป็นมนุษย์ 300% ยังน่าเชื่อมากกว่า อย่างกับหนังสือปรัชญา
ที่เราจะบอกคือ ตอนอ่านเรื่องที่สองเราคิดเยอะกว่าตอนอ่านเรื่องแรกมาก ๆ คงเพราะเรื่องแรกของแพรวแปลเขาไม่ได้เน้นขายเยาวชน (ถึงเยาวชนจะซื้อได้ แต่ก็ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักอยู่ดี) เราแทบไม่ได้คิดเลยว่าถ้ามีเด็กมาอ่าน จะเกิดผลกระทบอะไรต่อเขาบ้าง เมนหลักของเรื่องจะแรงแค่ไหนก็ได้ขอแค่ไม่ผิดศีลธรรมเกิน
แต่กับของเยาวชนมันไม่ใช่ กลุ่มเป้าหมายขั้นต่ำคือ 10 ต้น ๆ ตอนเราอ่านจบสิ่งแรกที่เราคิดคือถ้าเด็กมาอ่านแล้วเชื่อจริงว่าเลี้ยงแมวแล้วจะมีโชคลาภจริง ถ้าพวกเขาไปเก็บหรือซื้อหรือขอพ่อแม่เลี้ยงแมวตามความเชื่อนี้แล้ว ไม่มีโชคลาภตามที่เรื่องนี้กล่าวอ้างจะเกิดอะไรกับแมวพวกนั้น สำหรับที่รักสัตว์ยินดีเลี้ยงต่อก็แล้วไป แต่คนที่พ่อแม่ตามใจลูก แล้วทิ้งขว้างพวกมันล่ะ อาจฟังดูคิดในแง่ร้ายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีโอกาสเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซะหน่อย ไหนจะภาษาที่เข้าใจยาก บางจุดเราที่อายุ 21 ยังต้องอ่านซ้ำ ๆ เลยถึงจะเข้าใจ
แต่ด้วยการ edit คำเป็นสิ่งที่เราอยากทำมาตลอด เวลาเราอ่านนิยายออนไลน์อยากเข้าไปช่วยแก้คำผิดแต่เพราะทำไม่ได้เลยได้แต่หงุดหงิดอยู่หน้าจอโทรศัพท์ พอมีโอกาสได้ทำจริง ๆ มันยากกว่าที่คิด แต่สนุกดี ถึงจะปวดหัวและกำหมัดตลอดเวลาก็เถอะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in