เจอ-พบ-จาก
—
บทนี้เป็นบทเรียนเรื่องราว
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
นี่เป็นครั้งแรกของการเดินทาง
คนเดียวของเราที่เรามีเพื่อนจอยทริป
จากครั้งก่อน เราตั้งปณิธานกับตัวเองแล้วว่า..
เราจะไม่เที่ยวคนเดียวอีกแล้ว
…
บทเรียนครั้งก่อน
บอกกับเราว่า การเดินทางของเรา
อยากเป็นการสร้างความทรงจำร่วมกับใครสักคน
เราอยากหัวเราะ แก้ปัญหากับใครสักคน
แม้ความจริงลึกๆเรายังกลัว
การเดินทางกับคนอื่นอยู่ก็ตาม
.
ปกติของการเดินทางคนเดียว
เราจะเลือกกิจกรรมที่สามารถทำคนเดียวได้
แม้ตอนอยากหาเพื่อนจอยยังไม่มี
ต้องยอมเหมารถจ่ายเดี่ยว
ข้อเสียสาหัสของการมาคนเดียว
วิชาเอาตัวรอดขั้นแรก คือ การเชื่อใจตัวเอง
เช่นเดียวกับหลักการใช้ชีวิตและการตัดสินใจ
ในการกระทำต่างๆ ล้วนต้องสร้างความเชื่อมั่น
จากการเชื่อใจตัวเองเป็นอันดับแรก
—
เย็นวันศุกร์หลังเลิกงานด้วยความเหนื่อยล้า
ใจไม่อยากเดินทางแล้ว
เหนื่อยมากกกกกก
อยากแค่นอนโง่ๆชาร์จพลัง
มีอย่างเดียวที่ผูกมัดให้การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้น
เพราะดันกดโอนเงินค่าที่พักบนเมืองคองไปแล้ว
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า
งั้นขอเอนหลังทำใจสักแป๊บ…
เรากำลังจะกลับเมืองคองอีกครั้งในรอบเจ็ดปี
จริงๆไม่มีที่ไหนที่เราเลือกกลับไปซ้ำที่เดิม
นี่เป็นครั้งแรกเลย
ตั๋วรถไฟไม่มี ตั๋วรถทัวร์ไม่จอง
ไม่มีอะไรในหัว ลุยคับ!
ได้ตั๋วไปเชียงใหม่ตอนสองทุ่มครึ่ง
จะถึงเชียงใหม่หกโมงเช้าโดยประมาณ
ขอข้ามช็อตไม่เล่าความพุพังอนาถพินาศของขนส่งหมอชิตแล้วกันนะ .
/
6AM. ~
ถึงอาเขตเชียงใหม่แล้วจ้าว วว
รีบล้างหน้าแปรงฟัน แล้วออกไปกินข้าวซอยกัน!
ร้านเจ๊เมคือหมุดหมายความตั้งใจ
หนึ่งในการมาเยือนเจียงใหม่ของเรา
ท่าด้า.. เจ๊เมเปิด8โมงเช้า
ชั่งใจสักพักจะรอร้านเปิดดีไหม
เราต้องนั่งรถไปเชียงดาวต่อ
อีกอย่างท้องเริ่มหิวแล้วด้วย
ตัดสินใจไปช้างคลานแทน
7.40AM.
ทานข้าวซอยเนื้อประโลมใจ
เตรียมเสบียงอาหารจากร้านตุนขึ้นไปทานบนเมืองคอง ทานเสร็จแล้วรีบไปขนส่งช้างเผือกต่อ
8.10AM.
ถึงขนส่งช้างเผือก มองหารถไปเชียงดาว
จำได้ว่า มีทั้งรถตู้ รถเมล์
รอบนี้ตั้งใจเดินทางด้วยรถตู้ อยากให้ถึงไว
เพราะรถชาวบ้านที่จะกลับขึ้นเมืองคองมีแค่ถึงก่อนเที่ยง ถ้ามัวชักช้า ตกรถต้องขึ้นไปวันถัดไปเลย
สรุปได้รถเมล์ตามเดิม รถออก8.30AM. เย่ อีกไม่นาน
ได้ตั๋วเรียบร้อย 43฿
“พี่คะ แล้วนั่งไหนก็ได้หรอคะ”
“ นั่งตามเลขที่นั่งเลย”
เคร เลย มีที่นั่งชัดเจน ยืนรอข้างล่างก่อนดีกว่า
อีกห้านาทีถึงเวลารถออก
ขึ้นรถไปหาเลข41 ไม่มีค๊าบบ
“เลขเก้าอี้มีถึงแค่38 ลูก นั่งๆไปเถอะ”
นั่งๆไปเถอะนั้นนน..เหลือที่ว่างเบาะหลังสุด 2ที่สุดท้าย
ดีกว่าตั๋วยืน รอบก่อนขากลับตั๋วยืนเป็นชั่วโมงตลอดสาย
😂😂
รถเมล์ขับผ่านตัวเมือง เลี้ยวเลียบเขา
ตัวเราโยกซ้ายโยกขวา กระเด้งตัวเหนือเก้าอี้
ผ้าม่านบังแดดที่ไม่ได้มัดสะบัดเข้าหน้าตลอดการเดินทาง 🤣
9.48AM.
รถเมล์เข้าสู่อำเภอเชียงดาว
ดอยหลวงเชียงดาวโดดเด่น ทักทายผู้มาเยือน
9.52AM.
“ น้องลงตรงนี้เลย “ กระเป๋ารถเมล์บอก
เราก้าวขาลงรถเมล์แบบงงๆ
เชียงดาวเปลี่ยนไปแหะ
เราบอกเขาว่า ลงจุดรอรถที่จะไปเมืองคองที่หน้าโลตัส
รอบก่อนเรายังเดินเข้าไปซื้อของ
แล้วไปนั่งคาเฟ่ตรงข้ามโลตัสอยู่เลย
มารอบนี้โลตัสหายไปแล้ว
งานเข้า 1 กรุบ
แล้วขึ้นรถตรงไหนเนี่ย
เดินไปเรื่อยๆ
คาเฟ่ที่เคยมาก็ปิดตัวไปแล้ว
ร้านขายของชำหน้าทางเข้าบ้านมะขามป้อมก็เปลี่ยนไปเดินถามชาวบ้านไปเรื่อยๆ
ได้ความว่า
ต้องไปขึ้นรถที่ขนส่งอีก2กิโล
ต้องโทรให้รถมารับเราโทรหาที่พักบนเมืองคอง
ได้เบอร์พี่คนขับที่ลงมาในตัวเมือง รีบกดโทรหา
พี่ปล่องจอดรถรออยู่ที่ขนส่งเชียงดาว
เราเดินเท้าไปอีกไม่ไกลก็ถึงขนส่งละ
10.13AM.
เจอรถพี่ปล่องที่จะขึ้นไปบนเชียงดาวแล้ว
เจอนักท่องเที่ยวอีก 4 คน
กำลังจะขึ้นไปเมืองคองด้วยกัน
มิตรภาพใหม่ของการเดินทางเริ่มขึ้นจากตรงนี้
☺️
รวมผู้โดยสารขึ้นเมืองคอง 5 ชีวิต
ความจริงก็คือ
น้องสองคนเรานั่งรถพร้อมกันมาตั้งแต่เมืองเชียงใหม่
พี่อีกสองคนก็ขึ้นรถเมล์มาคันเดียวกันระหว่างทาง
ที่เพิ่งลงมาจากห้วยกุ๊บกั๊บ
10.43AM.
รถกระบะปิดหลังคาของพี่ปล่องเคลื่อนออกจากเชียงดาว
เลี้ยวขวาไปถนนที่จะขึ้นไปเมืองคอง
11.04AM.
พี่ปล่องให้พวกเราลงมาถ่ายรูปกับจุดเช็คอินต้นไม้ใหญ่ เราเลยได้รูปหมู่ด้วยกัน
ระหว่างทางก็แลกเปลี่ยนเรื่องราวกัน
ผ่านจุดเข้าเขตอุทยาน
จ่ายค่าผ่านทาง30฿ ต่างชาติ400฿
คุยกันจนลืมเวลาและลืมมองทางกันเลย
11.48AM.
รถเลี้ยวเข้าที่ระเบียงดาวเพื่อส่งน้อง2คน
น้องเริ่มลังเลอยากขึ้นไปเมืองคอง
เราเองก็เชียร์ให้ไปด้วยกัน
เพราะอยากให้ได้ร่วมทริปกันต่อ .
เราจากกันตรงนี้
แม้เป็นเวลาเพียงสั้นๆ
แต่ก็เป็นมิตรภาพที่ดีมากเลย
คุยไปคุยมา นี่คงไม่ใช่ความบังเอิญที่เราพบกัน
น้องจบจากคณะเดียวกัน มหาลัยเดียวกันกับเรา
วงวานมาก
Next Read to Ep 02
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in