ตัดสินคนจากหน้าตาก็ต้องเจอแบบนี้แหละผู้แต่ง: เยว่เซี่ยเตี๋ยอิ่ง
ผู้แปล: ศีตกาล
ตัวเอก หนุ่มน้อยฉีเยี่ยน เป็นผู้สืบทอดวิชาเวท(ครอบคลุมหมดทั้งเรื่องโหงวเฮ้ง วิชายันต์ ฮวงจุ้ย) เจ้าสำนักรุ่นที่ยี่สิบสามของสำนักหนึ่งสวรรค์ ที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่ายี่สิบเอ็ดรุ่นแรกเป็นใคร ทั้งสำนักรู้จักแค่ตัวเองกับอาจารย์ที่เก็บเขามาเลี้ยง เพราะฉะนั้นก็เลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าตาแก่(ตามที่ฉีเยี่ยนเรียก) โม้เอาเองรึเปล่า ตัวฉีเยี่ยนเป็นเด็กน้อยหน้าละอ่อน หน้าตาหน้าเอ็นดู คนอื่นเห็นก็ชอบ ส่วนคนคิดร้ายก็ประมาท เลยโดนดัดหลังแบบคาดไม่ถึงประจำ
ทางด้านพระเอกของเราเฉินไป่เฮ่อ คุณชายห้าตระกูลเฉินผู้เลิศเลอไปทุกด้าน จุดด่างพร้อยข้อเดียวในชีวิตคือเกิดมาร่างกายอ่อนแอ จะมีชีวิตไม่เกินสามสิบห้า ที่บ้านกังวลมากเลยพยายามหาวิธีแก้ทั้งวิทยาศาสตร์และเรื่องเหนือธรรมชาติ ย้ายฮวงซุ้ยตระกูลอะไรก็ทำหมด ฉีเยี่ยนก็เป็นหนึ่งในอาจารย์ที่ถูกเชิญมาช่วยหาวิธีแก้จนได้เจอกับเฉินไป่เฮ่อ
จริงๆแล้วเป็นเพราะว่าพื้นดวงชะตาของเฉินไป่เฮ่อยิ่งใหญ่เกินไป เป็นพวกดวงชะตาของวีรบุรุษในกลียุคอะไรเทือกๆนั้น พอมาเกิดในยุคปัจจุบันที่ไม่มีโอกาสทำอะไรยิ่งใหญ่ ดวงก็เลยกดร่างกายจนสุขภาพอ่อนแอ น่าจะคล้ายๆพลังลมปราณอุดตัน ไม่มีที่ระบายออกจนเลือดลมขัดข้อง ฉีเยี่ยนค้นพบวิธีแก้ก็คือ พาเฉินไป่เฮ่อออกไปตะลอนช่วยเหลือคน
...ก็เลยเป็นโอกาสให้ปิ๊งๆ สปาร์คกัน...
แต่เอาจริงๆคนที่ปิ๊งเขาก่อนคือพระเอกนั่นแล ฉีเยี่ยนนี่เป็นคนความรู้สึกช้ามาก
ทีแรกโดนดึงดูดด้วยชื่อเรื่องเลย พล็อตเรื่องก็น่าสนใจ แต่ตัวเรื่องก็ตามสไตล์คุณนักเขียนคนนี้แหละ ตัวละครซูจนแอบเนือย ตัวร้ายเก่งมาไงก็ต้องสยบกับความซู โดนทำของใส่ยังชิวๆได้ เรื่องก็เลยจะเนิบๆ ไม่มีจุดพีคเท่าไร แถมตอนหลังๆแอบจะยืดไปมาก สำหรับเราจบที่กลางเล่มสองเล่มสองเลยก็ยังได้ จุดพีคที่อ่านแล้วยังติดอยู่ในหัวมีแค่ฉากพิธีกรรมบนเขาอะไรสักอย่างที่มีเทพอยู่ จำชื่อไม่ได้ กับฉากที่เครื่องบินถูกจี้แล้วฉีเยี่ยนขอพร ที่จำสองฉากนี้ได้เพราะเป็นฉากที่ฉี่เยี่ยนแสดงความร้อนรนออกมา ไม่ค่อยเก็กมาดนิ่งซูๆเท่าไร ค่อยอยากเอาใจช่วยหน่อย
หลังจากฉากพวกนั้นเรามองว่ามีแต่น้ำเลยแหละ คู่พระนายสวีทกันไปวันๆ (บางทีก็เยอะจนเลี่ยน) ฉีเยี่ยนตระเวนไปแก้ดวงให้คนโน้นคนนี้ ไปร่วมประลองเวทกับต่างประเทศ(อันนี้แอบคิดว่าค่อนข้างออกทะเล) กับประเด็นครอบครัวของฉีเยี่ยนที่คิดว่าไม่ต้องมีก็ได้ เล่มสุดท้ายก็จะอ่านแบบหลับๆหน่อย แต่ช่วงเล่มแรกถึงกลางๆเล่มสองโอเคเลยแหละ
เรื่องนี้ไม่เจอประโยคที่ชอบจนอยากโควท แต่ชอบมุกฉีเยี่ยนที่เป็นหมอดูไปบอกให้ตัวประกอบอย่างมงายต้องเชื่อในวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้สิ แล้วก็ชอบสำนักฉีเยี่ยนที่ไม่ยึดติดเปลือกพิธีกรรม เรียบง่าย รวบรัด แต่อานุภาพรุนแรง (หรือนี่อาจจะเป็น message ของคนเขียน ว่าอย่าเชื่ออะไรที่เปลือกนอก ทั้งหน้าตาของฉีเยี่ยนที่ละอ่อนจนไม่น่าเชื่อว่าจะเก่ง หรือ พิธีของสำนักที่เรียบๆง่ายๆแต่ดันร้ายกาจกว่าพวกที่ตั้งโต๊ะหมู่บูชาเต็มยศอีก)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in