จำได้ว่า The Monster Piece: ไม่มีใครครบ (ที่ตอนนั้นยังไม่มีชื่อ) เคยเป็นคอนเซ็ปต์หนังสือเล่มแรกที่ ป่าน—ฉัตรรวี เอามาเล่าให้เราฟัง แต่ตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้จัก เลยยังไม่ค่อยรู้ใจและนึกภาพตามไม่ออกว่าป่านจะเขียนเรื่องราวที่แสนจะสวนทางกับคาแรคเตอร์แสนหวานในสายตาเรา (ตอนนั้น) ออกมายังไง
จนแล้วจนรอด หนังสือเล่มแรกของฉัตรรวี ก็กลายเป็น Lost in Conversation ที่เป็นจุดตั้งต้นทำให้เราได้เห็นด้านความเป็นคนครุ่นคิดของเธอ
คนครุ่นคิด—เมื่อรู้จักกันมากขึ้น คำนี้ช่างเหมาะจะอธิบายคาแรคเตอร์ของป่านมากกว่าอะไร
ถ้าให้เล่าด้วยวิธีการเดียวกับฉัตรรวี คงต้องบอกว่า เรามองเห็นเธอแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารักสดใส เราไม่รู้เลยว่าในเวลา ที่เธอยิ้มหวานๆ นั้น สายตาเธอกำลังจับจ้องและเก็บเกี่ยวอะไรเพื่อไปเป็นข้อมูลการเขียนหนังสือของตัวเองบ้าง ราวกับเวลานั้นปีศาจนักเขียนที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอกำลังทำงาน
เราต่างมีปีศาจซ่อนอยู่ในตัว เพราะหลายครั้งสิ่งที่เราเป็นและทำนั้น มันกลับเป็นสิ่งเดียวกับที่เราไม่เคยคิดว่าจะเป็นหรือทำมาก่อน ราวกับมีอะไรบางอย่างอยู่ในตัวเรา เป็นไปได้มั้ยว่า สิ่งนั้นต่างหากที่ทำให้เราเป็นอย่างนั้น และกว่าเราจะรู้สึกตัว ก็เมื่อได้มองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองผ่านอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นเงาในสายตาคนรอบข้าง เสียงวิจารณ์จากคนอื่นคนไกล หรืออาจจะรู้สึกได้จากเสียงข้างในจิตใจตัวเอง—นั่นถือว่าโชคดี
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนกับว่านักเขียนรุ่นใหม่ที่มีฝีมือการเขียนเรื่องสั้นเฉียบคมและเขียนเรื่องยาวได้สนุกเฉียบขาดไม่ค่อยแสดงตัวออกมาให้เห็นเท่าไหร่นัก จนเมื่อเราได้อ่านงานเขียนเล่มนี้ของฉัตรรวี เราก็มีความหวังลึกๆ ว่า มันจะทำให้นักเขียนรุ่นใหม่ที่มีปีศาจจอมครุ่นคิดอยู่ในตัวอยากที่จะปรากฏตัวออกมา
หรืออย่างน้อยก็ส่งสัญญาณอะไรบางอย่างกลับมาให้ฉัตรรวีรู้ว่า ในขณะที่เธอพยายามเข้าใจเรื่องราวของปีศาจอยู่นั้น ยังมีปีศาจอีกหลายตัวที่เข้าใจเธอ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in