เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#แอบจดจากแอ๊บแจ๊บpleech x appjpling
8. POP:ป้ายป๊อปสุดปัง ดูดตังค์แบบไม่รู้ตัว
  • เคยได้ยินคำว่า POP กันหรือเปล่าคะ?


    ถ้าพูดถึง POP หลายคนอาจจะขมวดคิ้ว แต่ถ้าบอกว่าเป็นป้ายบน shelf คงจะนึกภาพกันออกใช่ไหมคะ ป้ายพวกนี้เรียกว่า POP หรือ Point of Purchase  เป็นสื่อส่งเสริมการขาย ณ จุดขายนั่นเอง ตัวอย่างก็คือป้ายสี ๆ ที่เรามักจะเห็นเวลาไปเดินซุเปอร์มาเก็ตค่ะ แต่หากไปญี่ปุ่นเราจะเจอป้าย POP แทบจะทุกร้านค้าเลย ไม่ว่าจะเป็นซุเปอร์มาเก็ต ร้านขายยา ร้านเครื่องสำอาง ร้านหนังสือ โดยเฉพาะร้านดองกี้ โฮเต้ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรของป้าย POP เลยทีเดียว555555


    นอกจากนี้ POP ของประเทศญี่ปุ่นยังมีความโดดเด่นก็คือ ส่วนใหญ่จะเป็นป้ายทำมือค่ะ ตัวอักษรเป็นลายมือ กระดาษสี ปากกาสี รูปภาพตัดแปะ ละลานตาสุด ๆ ไปเลย


    พอเห็นวัฒนธรรมการเขียนป้ายเยอะ ๆ เข้าเราก็ชักจะสนใจขึ้นมา พอดีกับที่ได้ไปเจอหนังสือวิธีทำ Handmade POP ที่ญี่ปุ่นเลยลองซื้อมาอ่านเล่น แล้วก็พบว่ามันลึกซึ้งกว่าที่คิดมาก ๆ !! การจะทำ POP สักป้ายนึงไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ นอกจากสีสันและรูปวาดประกอบสวย ๆ แล้ว เทคนิคการเขียนจูงใจลูกค้าก็สำคัญไม่แพ้กัน


    วิธีทำ POP ทำมือ ; แค่หน้าปกก็น่าสนใจแล้ว!


    วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าเทคนิคการเขียน POP ที่มีประสิทธิภาพควรจะเป็นยังไง


    ตอบคำถามคาใจของลูกค้า

    ทุกคนเป็นใช่ไหมคะ เวลาเห็นสินค้าที่ไม่คุ้นเคยหรือสินค้าออกใหม่แล้วจะเกิดคำถามในใจว่า ‘มันคืออะไรกันนะ?’ ? ป้าย POP จึงเป็นเครื่องมือที่ดีในการตอบคำถามเหล่านั้นของลูกค้าค่ะ พอลูกค้ารู้ก็อาจจะเกิดความสนใจ พอสนใจก็จะหยิบใส่ตะกร้าในที่สุด รวมถึงคำถามประเภท 

    • なぜこれがおすすめ商品なの?(ทำไมอันนี้ถึงเป็นสินค้าแนะนำ) 
    • 若者に人気があるのはどっち/どれ?(อันไหนเป็นของที่ฮิตในหมู่วัยรุ่น) 
    • 初心者でも大丈夫?(มือใหม่ก็ใช้ได้ใช่ไหม) 

    นอกจากจะเป็นการตอบคำถามที่คาใจของลูกค้าแล้ว ยังเป็นการไกด์ให้ซื้ออีกด้วย


    NCTนี่วงอะไร? แล้วทำไมต้อง 127 กันนะ? ; ป้ายตรงกลางตอบคำถาม พร้อมแนะนำสมาชิกเสร็จสรรพ!
    ส่วนวงนี้ ไม่ขายก็จะซื้อค่ะ ?????? #StanTalentStanTHEBOYZ

    เสนอไอเดียใหม่ในการใช้

    บางครั้งเห็นแค่สินค้าแล้วเราก็นึกภาพไม่ออกว่าเราจะเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง เพราะงั้นจึงต้องเสนอสถานการณ์ตัวอย่างในการนำไปใช้ค่ะ โดยเฉพาะโซนวัตถุดิบต่าง ๆ อย่างเนื้อสัตว์ ผัก หรือเครื่องปรุงรส ถ้าเขียนป้าย POP บอกตัวอย่างเมนูที่สามารถเอาไปทำได้จริง ลูกค้าก็จะเกิดไอเดียจนทำให้เลือกซื้อก็เป็นได้ค่ะ หรือถ้ายังไม่น่าสนใจพอ อาจจะเสนอวิธีใช้ใหม่ ๆ ในหนังสือยกตัวอย่างเลมอน? ถ้าบอกว่าเอาไปใช้ปรุงอาหารก็จะดูธรรมดาไป แต่ถ้าบอกว่าทำให้เครื่องแก้วเงาวับได้ แบบนี้ก็น่าซื้อขึ้นเยอะเลย

    แป้งหน้าสดที่มาพร้อมกับสถานการณ์ในการใช้ ไม่ว่าจะอยู่กับผุชาย ไปช้อปแปป ๆ ก็สวยเนียนเหมือนเป็นหน้าสด
    Instax รุ่นใหม่สุดล้ำยุคสั่งการได้ด้วยเสียง เหมาะกับงานแต่งหรืองานปาร์ตี้เป็นที่สุด!


    ใช้คำเรียบง่ายเหมือนเพื่อนเล่าให้ฟัง

    ลองนึกภาพว่าคำโฆษณาที่เป็นการโฆษณามากกกกกมาก กับ คำโฆษณาที่เหมือนคำแนะนำบอกต่อ เป็นคุณจะเลือกซื้อสินค้าชนิดไหนดี? ก็คงเป็นอย่างหลังใช่ไหมคะ? เพราะงั้นแทนที่จะใช้คำเท่ ๆ ยาก ๆ หรือรูปยกย่องถ่อมตัวเป็นทางการ ลองหันมาใช้คำเรียบง่ายให้ความรู้สึกว่า いい商品だから友達に教えたい (เพราะเป็นของดีเลยอยากบอกเพื่อน) จะเวิร์คกว่าเยอะเลย

    หมาหรอ? แมวสิ ความน่ารักส่งท้ายยุคเฮย์เซย์ จะให้ตัวเอง-ให้เพื่อนก็ห่อของขวัญฟรี!
    @ Village Vanguard อีกหนึ่งดินแดนแห่ง POP ขายเก่งจังเลยนะคะคุณสตาฟร้านนี้


    กำหนด target ให้แคบเข้าไว้

    ข้อนี้น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ ผู้เขียนเสนอว่าลองเปรียบเทียบว่า เราเดินเข้าไปในเมืองแล้วมีคนตะโกน แบบไหนที่จะดึงดูดความสนใจได้มากกว่ากัน ระหว่าง ‘ทุกท่านคะ’ กับ ‘คุณผู้หญิงที่ใส่เสื้อสีเหลืองคนนั้นคะ’ ก็ต้องเป็นแบบที่เจาะจงกว่าใช่ไหมคะ? การกำหนด target ก็เช่นกัน แทนที่จะกำหนดกว้าง ๆ แค่เพศหรืออายุ ถ้าเพิ่มไปอีกถึงลักษณะนิสัยหรือพฤติกรรมก็จะเรียกลูกค้าได้อีกหลายเท่า! 

    เช่น 男性 (ผู้ชาย) → 結婚している男性 (ผู้ชายที่แต่งงานแล้ว) → 最近奥様に贈り物をしていない男性 (ผู้ชายที่ช่วงนี้ไม่ได้ให้ของขวัญภรรยา) แบบนี้นั่นเอง

    คุณพัคจีฮุนวง wanna one ก็ใช้นะจ๊ะ target ชัดเจนจริง ๆ


    เปลี่ยน NO ให้เป็น YES!

    ใคร ๆ ก็ไม่ชอบการบังคับ :( ร้านค้าหลายแห่งต่างก็มีกฎที่ให้ลูกค้าทำตาม ไม่ว่าจะเป็นห้ามสูบบุหรี่ ห้ามใส่รองเท้า ปิดโทรศัพท์ แต่กฎพวกนี้พลอยจะทำให้ลูกค้ารู้สึก めんどうくさい (น่ารำคาญ) ได้ง่าย ถ้าอย่างนั้น เราก็มาเปลี่ยนกฎข้อห้ามให้กลายเป็นประโยคที่ positive กันดีกว่า อย่าง 禁煙 (ห้ามสูบบุหรี่) ก็อาจจะเปลี่ยนเป็น いい環境をつくりましょう (มาสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีกันเถอะ) ก็จะได้ความหมายเชิงบวก ฟังดูนุ่มนวลน่าทำตามกว่าเยอะเลยใช่ไหมล่ะ :D


    สรุปครบจบใน 3 ข้อ

    สมัยนี้ใคร ๆ ก็ต้องการข้อมูลที่กระชับและย่อยง่าย เพราะอย่างนั้น การสรุปจบใน 3 ข้อจึงเป็นวิธีที่น่าสนใจและได้ผลดีอีกวิธีหนึ่งค่ะ ผู้เขียนให้เหตุผลว่าทำให้เข้าใจง่าย ไม่เสียเวลา แถมยังรู้ขอบเขตเมื่อเทียบกับการเขียนไปเรื่อย ๆ แบบไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดตรงไหน การสรุป 3 ข้อสำหรับป้าย POP มีได้หลายรูปแบบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น 

    • 3つのテクニック (เทคนิค 3 ข้อ)
    • 3つの理由 (เหตุผล 3 อย่าง)
    • 3つのポイント (พ้อยท์ 3 ข้อ)
    • 3つのアイテム (ไอเทม 3 ชนิด)

    แค่ฟังก็ชักอย่างจะซื้อขึ้นมาแล้ว

    ความลับของความอร่อย 3 อย่าง! วงการเค้กก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันนะ

    มีแล้วชีวิตดี๊ดี

    ถ้าสินค้าวางอยู่บนชั้นเฉย ๆ อาจจะไม่จูงใจพอ ลองมาทำให้ลูกค้าเห็นภาพกันดีกว่าว่าถ้าซื้อไปแล้วชีวิตเขาจะเปลี่ยนไปยังไง!? อย่างจานน่ารัก ๆ พอมีรูปเวลาใช้งานจริงติดให้เห็นภาพ พร้อมกับคำบรรยายว่า ‘ทำให้เวลาอาหารว่างของคุณสนุกกว่าที่เคย’ หรือว่า ‘น่ารักแบบนี้อยากจะเรียกเพื่อนมาปาร์ตี้น้ำชาเลย’ เป็นใครก็อยากจะซื้อขึ้นมาแน่นอนเลยค่ะ

    หนังสือคำโกหกในภาพเขียนชื่อดัง อ่านแล้วจะพลิกมุมมองไปแบบ 180 องศากันเลย!


    สมัยนี้ต้องจัดอันดับ

    ถ้าในร้านของเรามีสินค้ามากมายหลายสิ่ง ถ้าเอามาจัดอันดับก็ทำให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น แล้วพอเห็นคำว่าอันดับ 1 เนี่ยยังเป็นวิธีที่ทำให้ดูดเงินในกระเป๋าออกไปอย่างไม่รู้ตัวด้วย555555 เราสามารถจัดได้หลายหัวข้อเลยค่ะ ที่เจอบ่อย ๆ ก็จะเป็น

    • おすすめランキング (อันดับสินค้าแนะนำ)
    • 人気ランキング (อันดับสินค้ายอดนิยม)

    แต่ถ้าจะให้ได้ผลยิ่งขึ้นก็ต้องบีบ target ให้แคบลง แบบนี้

    • 30代の女性に人気ランキング (อันดับสินค้ายอดนิยมในหมู่ผู้หญิงวัย30)
    • 家族で楽しめるおやつのランキング (อันดับขนมคบเคี้ยวสำหรับทุกคนในครอบครัว)
    รับรองว่าต้องมีคนหยิบใส่ตะกร้ามากขึ้นอย่างแน่นอน
    (ป้ายสีชมพู) 10 ขนมแนะนำของ uchi cafe ; เห็นแบบนี้แล้วอยากหยิบมาลองเลย?


    อย่าให้หยุดแค่นี้

    นอกจาก POP จะช่วยให้ข้อมูลสินค้าแล้ว ยังมีประโยชน์กับการให้บริการลูกค้าอีกด้วยค่ะ ข้อนี้หลายคนอาจจะคิดไม่ถึง แต่ถ้าหากเราประสบปัญหาระหว่างซื้อแล้วไม่รู้จะทำยังไงดี เพียงแค่มีป้ายมหัศจรรย์อย่าง

    • お気軽いにお声かけください (เรียกได้ตามสบายเลยค่ะ)
    • お気軽いにご相談ください (ปรึกษาได้ตามสบายเลยค่ะ)

    ก็จะทำให้ลูกค้าไม่หนีกลับบ้านแบบมือเปล่าไปซะก่อน รวมถึงป้ายประเภทชักชวนให้ทดลอง หรือ 体験 อย่าง 触ってみてください (ลองจับดูได้ค่ะ) ก็เช่นกันค่ะ


    อินไปกับฤดูกาล

    ข้อนี้คงจะเอามาใช้กับประเทศเราได้ยากหน่อยเพราะฤดูกาลไม่ชัดเจนเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นจะเห็นว่าการขายสินค้าของเขาจะเชื่อมโยงกับฤดูกาลต่าง ๆ เป็นประจำเลยค่ะ อิมเมจและสินค้าประจำแต่ละฤดูกาลก็จะต่างกันไป แต่วิธีการเขียนแบบนี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นสินค้าที่ทำขึ้นเฉพาะฤดูกาลนั้น ๆ นะคะ ถึงจะสินค้าชนิดเดิม แต่ถ้าเราจับ keyword หรือ สิ่งที่ลูกค้าต้องการในแต่ละฤดูกาลได้ถูกต้อง สินค้าก็จะขายได้เหมือนกันค่ะ ผู้เขียนยกตัวอย่างน้ำชา? เช่น ถ้าเป็นฤดูร้อนก็ใช้วิธีสร้างความสดชื่นคลายร้อน แต่ถ้าเป็นฤดูหนาวก็โฆษณาถึงความอบอุ่น จิบชาใต้โต๊ะอุ่นขา 

    keyword ของแต่ละฤดูกาลที่เจอบ่อย ๆ ก็จะประมาณนี้ค่ะ

    • 春 (ฤดูใบไม้ผลิ) → การชมดอกไม้ เปิดเทอมใหม่
    • 夏 (ฤดูร้อน) → ทะเล ความสดชื่น ป้องกันลมแดด
    • 秋 (ฤดูใบไม้ร่วง) → อาหาร ชมใบไม้เปลี่ยนสี
    • 冬 (ฤดูหนาว) → ความอบอุ่น คริสต์มาส

    ตอนเราอยู่ญี่ปุ่นเองก็โดนการตลาดแนวนี้ดูดเงินไปบ่อยมากเลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าของมันต้องมีจริง ๆ ไม่งั้นจะทำตัวไม่เข้ากับฤดูกาล55555

    อันนี้นับเป็น POP มั้ยอ่ะ...


    และนี่ก็คือเทคนิค 10 ข้อที่น่าสนใจในการเขียน POP ฉบับญี่ปุ่นค่ะ เป็นวิธีที่น่าสนใจและดึงดูดใจได้ดีแบบที่เราไม่สังเกตมาก่อนเลย ถ้าใครมีโอกาสได้ลองทำการตลาดให้ร้านค้า สามารถเอาวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ได้เลย นอกจากแนวการใช้คำในเล่มยังมีไอเดียทำ POP ที่น่าสนใจอีกหลายอย่างเลย อย่างการทำให้สะดุดตา การวาดรูปประกอบ รูปแบบตัวหนังสือ เป็นหนังสือที่มีประโยชน์จริง ๆ ค่ะ


    ถึงจะรู้ว่าเป็นการตลาด แต่สุดท้ายก็ต้านทานไม่ได้

    pleech.



    ?





    ขอขอบคุณข้อมูลประกอบจาก:

    หนังสือ「手書きPOP」のつくり方 โดย 増澤 美沙緒

    https://www.smile-siam.com/popandposm/


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
kyouchan226 (@kyouchan226)
บล็อกอ่านง่ายมาก ๆ และชอบที่มีรูปประกอบเยอะค่ะ ทำให้เห็นภาพเลย เพิ่งรู้ว่าป้ายแบบนั้นเรียกว่า POP นะคะนี่ ?
woraritp (@woraritp)
เขียนออกมาได้ดีและอ่านง่ายมากๆครับ เวลาไปพวกร้านญี่ปุ่นเช่น matsumoto ก็เจอป้าย pop บ่อยเหมือนกัน ส่วนใหญ่จะบรรยายสรรพคุณไว้ละเอียดมาก คิดว่าเป็นวัฒนธรรมทางภาษาอย่างหนึ่งของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
nisitparttime (@nisitparttime)
ชอบมากเลยค่ะ รู้สึกอยากทำไบต์ที่ Tower Records เพราะอยากเขียนป้าย POP ให้วงที่ชอบนี่แหละ คนทำคงสนุกน่าดูเลยนะคะ
fern_shida (@fern_shida)
เริ่ดมากเลยค่ะ เป็นเรื่องที่ไม่เคยได้สังเกตมาก่อนเลยเวลาเห็นป้าย pop แบบนี้ น่าสนใจมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกสนุกแล้วก็เข้าใจง่ายมากๆเลยค่ะ การใช้ภาษาบนป้าย pop ในการตลาดสามารถจูงใจเราได้มากๆเลยจริงๆ
Kanokwan Katagiri (@fb3408029972557)
วิเคราะห์(เทคนิค)การใช้ภาษาสำหรับการตลาดได้ดีมากค่ะ แบบที่สรุปเป็นข้อ 3 ประการเจอบ่อยมาก และเขียนยังไงให้ลูกค้ารู้สึกว่า "ได้" ก็พบเจอเยอะด้วย blog นี้สนใจการเล่นคำ การใช้ภาษาในมุมมอง ของชีวิตประจำวัน ซึ่งมักจะเป็นมุมมองที่คนอื่นมองไม่เห็น ทำให้ blog นี้น่าสนใจค่ะ
Prapavee (@fb2355060641278)
สุดยอดมากเลยค่ะ เนื้อหาค่อนข้างยาวแต่สรุปออกมาเป็นข้อ ๆ อ่านง่ายและมีประโยชน์มากเลยค่ะ ที่ของเมืองไทยไม่มีป้ายโฆษณาเกี่ยวกับฤดูนี่เข้าใจเลยค่ะ แต่พอเป็นญี่ปุ่นปุ๊ปเวลาเสิร์จเน็ตชอบเห็น "ถ้าฤดูนี้ก็ต้องooo" บ่อยมากค่ะ ไม่แปลกใจเลยที่จะมาอยู่ในป้ายป๊อปด้วย
Boonthida (@boonthida)
สุดปังไปเลยค่า เป็นประโยชน์และอ่านสนุกมากๆ ตอนปี2ก็เคยมีกิจกรรมให้เขียนPOPแล้วก็งงมากว่ามันคืออะไร ทำไปแบบเก้ๆกังๆน่าจะมาเจอบล็อกนี้ก่อนแงง เจ้าPOPนี้เรียกได้ว่าเป็นลักษณะเด่นของวัฒนธรรมและการตลาดของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้นะคะน่าสนใจมากๆ เรื่องฤดูกาลนี้เราแอบนึกถึงฤดูผลไม้ของไทยนะคะ ที่เขาจะมีฤดูทุเรียน ฤดูเงาะต่างๆ ก็มีเอามาโปรโมทพวกขนมเหมือนกัน ใดๆก็ตามรุปเค้กน่าทานมากค่ะฮือออ