(4) เรารู้จักเขาตอนขึ้นมอหนึ่ง
เหตุผลอะไรสักอย่างทำให้ต้องไปแข่งงานโรงเรียนด้วยกัน
เขาแก่กว่าหนึ่งชั้น เป็นรุ่นพี่ที่ค่อนข้าง..ตลก(?)
เด๋อ ๆ แหละ เล่นมุกอะไรตลก ๆ พูดอะไรแป้ก ๆ
เอ่อ...ก็ไม่ได้ชวนประทับใจขนาดนั้น
ทุก ๆ เลิกเรียนเราจะต้องอยู่ติวต่อ เรา พี่เขา และรุ่นพี่ผู้หญิงอีกคน
ก็สนุกดี เขาจะเก่งพวก ๆ คำนวณ ส่วนเราจะจำพวกทฤษฎี
เวลาคุณครูโยนข้อสอบมาให้ ส่วนใหญ่เราสามคนก็ช่วยกันทำ
การแข่งรอบแรกเป็นไปอย่างเรียบร้อย เราเข้ารอบสบาย ๆ
รอบที่สอง จะว่ามีอุปสรรคก็ใช่ ทะเลาะกันระหว่างแข่งนิดหน่อย
แต่ถึงอย่างนั้นก็เข้ารอบ เป็นเราเองแหละที่ไม่ลงรอยกับพี่เขา
อันที่จริง ด้วยความปากไวของเพื่อน(อีกแล้วเหรอ)
เรามักจะโดนแซวบ่อย ๆ ว่าเรากับพี่เขาชอบกัน(?) คบกัน(?)
คือมันจะมีบางวันที่พี่ผู้หญิงไม่มาติวอะ แล้วจะเหลือแค่เรากับพี่เขาสองคน
ก็ไม่ได้สนใจอะไรอะไรขนาดนั้น เพราะดู ๆ แล้วระหว่างเรากับพี่เขาน่ะ
ไม่มีคำว่าโรแมนซ์หรอกนะ...
จนกระทั่งการแข่งรอบสาม ที่ต้องไปแข่งที่จังหวัดอื่น
(2) วันสุดท้ายของการเข้าค่าย ตื่นเช้ากว่าปกติ
ชุดเนตรนารียับๆ ที่อุตส่าห์สงวนให้ยับให้น้อยที่สุดแต่ก็ยังยับย่นอยู่ดี
ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางแดดที่แผดเผาช่วง 8 9โมง
ท่ามกลางหลากหลายเสียงที่คุยกันอย่างสนุกสนาน
ล้อมวงโยนหมวกกันแบบที่ทำเป็นประเพณี(?) ฉันคิดว่ามันประหลาดมาก
ฉันหัวเราะเพราะหมวกที่ลอยเคว้งบนฟ้าแค่เสี้ยววิต่างแข่งกันหล่นลงพื้น
หลายชีวิตก้มลงเก็บและตะโกนถามว่าหมวกของใครเป็นของใคร
เราล้อมวงร้องเพลงกันอีกรอบ ก่อนจะวนจับมือกันอีกหน จับมืออีกแล้ว
แบบที่พอจะคาดเดากันได้ ฉันกับเขาเดินวนมา
สองมือปัดผ่านกันอีกครั้ง ฉันรู้สึกได้ถึงแรงบีบ
ไม่เคยคิดว่าตัวเองไร้เรี่ยวแรงขนาดนั้นมาก่อน แต่..
ตัวฉันปลิวไปตามแรงกระชาก เป็นเขาที่ไม่ยอมปล่อยมือ
เขาหัวเราะ นัยน์ตากลมโตนั่นยิบหยีลง มุมปากยกขึ้นอย่างน่าเอ็นดูเป็นที่สุด
ก่อนที่สุดแล้วเขาจะปล่อยมือ ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายของผู้คน
ฉันบีบสองมือเข้าหากันนิดหน่อย พลันคิดถึงสัมผัสที่ยังคงหลงเหลืออยู่
(4) เมื่อยขบ มองทิวทัศน์ที่วิ่งผ่านสายตาเร็วๆจนกลายเป็นภาพเบลอ
หลังจากการนั่งรถที่แสนยาวนานในที่สุดเราก็มาถึงที่พักแห่งหนึ่ง
อาจารย์เช่าห้องสองห้อง เป็นห้องของนักเรียนห้องหนึ่ง และเป็นห้องอาจารย์อีกหนึ่ง
เตียงคู่สองเตียงสำหรับสามคน เรารับบทตัวเศษแล้วนอนกับพี่สาวอีกคนไปตามระเบียบ
ระหว่างนั้นก็ทบทวนเนื้อหาบ้าง คุยเรื่อยเปื่อยบ้าง พี่สาวกำลังคุยภาษาประหลาดๆกับเขาอย่างออกรส
อนิเมะ ไลท์โนเวล อะไรเทือก ๆ นั้น อ่าา หรือเราต้องไปหาดูอะไรแบบนี้บ้างนะ
คราวหน้าจะได้คุยกับพี่ ๆ เขารู้เรื่องบ้าง หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
ดวงหน้าร้อนวูบในตอนที่พูดเรื่องหนังผู้ใหญ่ในโทรศัพท์ของพี่ชายที่เรากำลังถืออยู่
พี่เขาปฏิเสธทันที ลักยิ้มเล็กๆข้างแก้มบุ๋มลงไปตอนที่พี่เขาเม้มปากพยักหน้า
เออออกับตัวเองว่าว่าไม่มีของแบบนั้นแน่นอน
โบกมือพัลวันพร้อมกับกู่ร้องในใจในตอนที่พี่สาวพูดเรื่องสัดส่วนของตัวเอง
พร้อมกับแว้งกัดน้องเล็กอย่างเราว่ายังไม่โต... ให้ตายเถอะ ว่ะ
การแข่งช่วงเช้าผ่านไปอย่างทุลักทุเล กลุ่มเรามีชื่อเข้าชิงในรอบบ่าย
ทั้งอาจารย์และศิษย์เลยมานั่งล้อมวงกันทวนเนื้อหาอีกรอบ
เสียงประกาศดังขึ้น อาจารย์ถูกเรียกพบพร้อมกับข่าวที่ไม่รื่นหูสุดๆ
กรรมการตัดสินให้เราแพ้เพราะคะแนนเท่ากันกับอีกทีม และทีมนั้นทำข้อสอบข้อเขียนได้ดีกว่า
หัวใจแฟบฟีบคล้ายลูกโป่งที่โดนปล่อยลม ผิดหวัง เสียใจ โกรธ ความรู้สึกปะปนกันไปหมด
เราทั้งหมดตีตั๋วกลับภูมิลำเนาทันที ขากลับลูกศิษย์ทั้งสามคุยกันว่าจะนั่งหลังกระบะ
ต่างคนต่างปล่อยให้กระแสลมปะทะหน้าแรงๆ หวังปัดเป่าความรู้สึกอึมครึมที่มีให้เบาบาง
ฉันบ่นอุบว่าถ้าจะให้แพ้ตั้งแต่แรกก็ไม่ควรประกาศว่าให้เข้ารอบซะจะดีกว่า
ท้ายประโยคเสียงฉันแกว่งอย่างน่าขัน น้ำตาไหลออกมาก่อนจะปลิวหายไปกับสายลม
ฉันหันหน้าหนีพี่ๆทั้งสองคน ก่อนจะฟุบหน้าลงกับแขนตัวเอง
หางตาเห็นพี่ชายเม้มปากอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ไม่มีประโยคใดๆหลุดออกมาอีก
.
.
.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in