ด้วยความที่พี่ชายพี่สาวผมต้องออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่เช้าทุกวัน หน้าที่ให้อาหารโทนี่จึงตกเป็นของผู้เป็นแม่—อี๊ของผม โดยทุกวันหลังเลิกงาน พี่ชายพี่สาวจะกลับบ้านราวทุ่มกว่าๆ แล้วพาโทนี่ออกไปเดินเล่นและขับถ่ายที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน นั่นเป็นช่วงเวลาเดียวของวันที่โทนี่จะได้ออกจากห้องไปใช้เวลาร่วมกับเจ้าของ
เป็นเช่นนี้ทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง
พี่ชายพี่สาวผมกลับมาถึงบ้านในช่วงเวลาเดียวกับทุกวัน แต่ที่ต่างจากทุกทีคือเมื่อเปิดประตูบ้านแล้วไม่มีสิ่งมีชีวิตวิ่งเข้ามาหา ไร้เสียงเห่าและไร้เงาของโทนี่
แม่ซึ่งเป็นคนเดียวที่อยู่กับโทนี่ทั้งวันก็ได้แต่เอ่ยอ้างว่าไม่รู้ ว่าโทนี่หายไปได้อย่างไร แต่ใครจะไปเชื่อ สุนัขทั้งตัวไม่ใช่ดินสอยางลบที่ทำตกพื้นแล้วกลิ้งหายไปได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่
จนเมื่อถูกคาดคั้นหนักเข้า แม่จึงยอมรับว่าเป็นคนจูงมันไปปล่อย
ปล่อย—เพราะอาคารที่พักซึ่งเป็นห้องเช่าของรัฐบาลออกกฎห้ามเลี้ยงสุนัข เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
ปล่อย—เพราะที่บ้านไม่ได้ทำเรื่องขออนุญาตอย่างถูกต้อง ถ้าถูกจับได้ มีสิทธิ์ถูกลงโทษร้ายแรง
ปล่อย—เพราะเพิ่งได้ยินว่าไม่นานนี้มีคนแอบเลี้ยงสุนัข แล้วโดนจับได้ แม่ไม่อยากให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนเพราะสุนัขตัวเดียว
ปล่อย—ทั้งที่รู้ว่าลูกๆ จะเจ็บปวด บางที นี่อาจเป็นคุณสมบัติสำคัญของมนุษย์อย่างเรา สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำงานได้ดีเสมอ แม้ว่ามันจะสร้างความเจ็บปวดให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ก็ตามที
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in