วันที่ 7 : Exboyfriend
ร่างสูงโปร่งของ ผศ.ดร.ปฏิพัทธ์เอนตัวพิงเก้าอี้หนังสีดำในห้องทำงานของตัวเองเต็มหลัง อาจารย์หัวหน้าภาควิชาควบตำแหน่งรองคณบดีฝ่ายวิชาการนวดขมับของตัวเองเบาๆ หลังจากเซ็นเอกสารกองใหญ่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว นัยน์ตาสีดำสนิทเหนื่อยอ่อนเมื่อไม่มีเรื่องงานให้ต้องวุ่นวายใจ เรื่องส่วนตัวจึงคืบคลานเข้ามาในหัวแทนที่ ใบหน้ามีริ้วตามวัยหากแต่ยังดูดีอย่างคนดูแลสุขภาพหม่นเศร้าลงเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เป็นเหตุทะเลาะกันกับคนรัก
นิลนพ…
อ.ดร.นิลนพเป็นลูกศิษย์สมัยเรียนปริญญาตรี เด็กหนุ่มผู้นี้เข้ามาทำความสนิทสนมกับเขามากกว่าใครๆ เพราะสมัยเริ่มสอนใหม่ๆ เขายังคงมีสีหน้าบึ้งตึง ไม่มีนักศึกษาคนไหนกล้าเข้าใกล้ จะมีก็แต่นายนิลนพผู้นี้ เวลาล่วงเลยผ่านไป เด็กในปกครองของเขาใกล้เรียนจบ วันหนึ่งนิลนพเดินมาบอกว่าชอบเขา ชอบมาก และเมื่อเรียนจบจะเริ่มต้นเข้าหาเขาอย่างจริงจัง ในฐานะอาจารย์ปฏิพัทธ์ปฏิเสธไปทันที นิลนพทิ้งไว้เพียงคำพูดที่ว่า…
‘หลังเรียนจบเจอกันนะครับอาจารย์…’
ไม่นานหลังจากเรียนจบนิลนพกลับมาอีกครั้ง นักศึกษาปริญญาโทของสถาบันอันดับต้นๆ ของประเทศกลับมาหาเขาพร้อมรอยยิ้มร้ายๆ และคำว่า ‘กลับมาแล้ว’ ปฏิพัทธ์นิ่งอึ้งเพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะจริงจังกับเรื่องของเขาถึงเพียงนี้…
จากวันกลายเป็นเดือน…
จากเดือนกลายเป็นปี…
และในที่สุดพวกเขาก็ตกลงคบกัน ความร้ายกาจที่แสนอ่อนโยนของนิลนพทำให้ปฏิพัทธ์ยอมมองข้ามความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยคำว่าอาจารย์กับลูกศิษย์ และเขาอยากขอบคุณตัวเองในตอนนั้นที่ยอมรับนิลนพให้เข้ามาในหัวใจ
ความรักที่เพิ่มพูนขึ้นมาเรื่อยๆ แม้นิลนพจะไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ต่างประเทศ นิลนพไม่เคยทำให้ปฏิพัทธ์รู้สึกเหงาหรือรู้สึกว่าอยู่คนเดียว ความห่างไกลเป็นเพียงข้อจำกัดเดียวที่ทำให้ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ข้อจำกัดนั้นกลับทำอะไรคนทั้งคู่ไม่ได้ ไม่สามารถสะบั้นความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของทั้งสองคนได้หากทั้งคู่ไม่คิดจะลงมือตัดขาดมันด้วยตนเอง
และตอนนี้ปฏิพัทธ์กำลังจะทำมัน…
ใบหน้าเรียวซบลงกับฝ่ามือทั้งสอง ความปวดร้าวมากมายพุ่งเข้าใส่ราวกับอยากจะฉีกกระชากหัวใจเขาให้ขาดจากกันเป็นเสี่ยงๆ ถ้าเพื่ออนาคตของนิลนพแล้ว ต่อให้ต้องเฉือนหัวใจตัวเองออกเขาก็จะทำ…
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ปฏิพัทธ์ต้องหลับตาเรียกสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง ก่อนเอ่ยอนุญาตให้คนข้างนอกเข้ามา เด็กหนุ่มนักศึกษาผมสีน้ำตาลเดินเข้ามาพร้อมยกมือไหว้เขา หากจำไม่ผิด น่าจะเป็นนักศึกษาที่ทำโปรเจคจบกับนิลนพด้วย
“อาจารย์ครับ พี่เลขาหน้าห้องวานผมให้เอาเอกสารมาให้อาจารย์เซ็นต์ครับ” เสียงใสของพารักษ์รายงานอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้ม คนเป็นอาจารย์พยักหน้าน้อยๆ รับแฟ้มสีเข้มมาจากมือนักศึกษา
ห้องประจำของคณะบดีและรองคณบดีฝ่ายต่างๆ แยกออกจากห้องพักอาจารย์ทั่วไป เพื่อให้สะดวกในการติดต่อเซ็นต์เอกสาร มีเลขาอยู่ 3 คนประจำอยู่บริเวณนั้นทำหน้าที่จัดการเอกสารที่มีทั้งหมด
“ขอบคุณมาก พี่เขาไปไหนรึเปล่า” ปฏิพัทธ์หมายถึงหญิงสาวหน้าห้องที่ปกติต้องเป็นคนเดินเอกสารเหล่านี้
“พี่เขาต้องรีบเอาเอกสารอีกชุดไปแก้ไขครับ เลยให้ผมเอามาให้แทน” เด็กหนุ่มผิวแทนตอบ ปฏิพัทธ์ส่งเสียงอืมในลำคอเป็นการตอบรับพร้อมเปิดแฟ้มหนาอ่านรายงานข้างใน
“เอ่อ… อาจารย์ครับ…”
“หือ?”
“คือ… ที่ผมเข้ามาเพราะเมื่อครู่มีคนมาถามหาอาจารย์ครับ ผมไม่แน่ใจว่าอาจารย์รู้จักรึเปล่า เลยให้เขารออยู่ข้างนอกแล้วผมเข้ามาบอกอาจารย์ก่อนครับ” เด็กหนุ่มพูดเหมือนไม่แน่ใจ
“เขาได้บอกชื่อไว้รึเปล่า” ปฏิพัทธ์ถามทั้งที่ยังอ่านรายละเอียดของเอกสารตรงหน้า
“ชื่อคุณมนัสครับ”
มือเรียวที่กำลังจะเปิดอ่านกระดาษหน้าต่อไปชะงักกึก นัยน์ตาสีเข้มเบิกกว้าง หัวใจเต้นแรงจนหูอื้อตาลายไปหมด
พารักษ์นิ่งรอคำตอบจากอาจารย์ แต่พอสังเกตุเห็นมือของอาจารย์หัวหน้าภาควิชาที่สั่นเทาก็เริ่มใจไม่ดี
“อาจารย์… อาจารย์โอเคมั้ยครับ” น้ำเสียงเริ่มร้อนรนขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าอาจารย์ที่เริ่มซีดเซียวเพิ่มอีกอย่าง
“บอก… ไปบอกเขาว่าผมต้องไปประชุม… ผม…” ปฏิพัทธ์พูดไม่จบ อาการปวดแปลบที่ศีรษะก็ทำให้เขาต้องกุมขมับตัวเองแน่น พารักษ์ตกใจรีบเข้าไปประคองอาจารย์ไว้
“อาจารย์… อาจารย์ครับ” พารักษ์เริ่มเรียกอาจารย์ด้วยเสียงไม่เบานัก ฝ่ายอาจารย์ก็ส่ายหัวเบาๆ ราวกับจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่พารักษ์กลับไม่เห็นเป็นอย่างนั้นเลยสักนิด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง พารักษ์รีบหันไปมองประตูก่อนตะโกนออกไปด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติ
“ช่วยเข้ามาด้วยครับ!”
ประตูเปิดออกทันที ร่างสูงใหญ่ของอาจารย์ที่ปรึกษาปรากฏแก่สายตา พารักษ์แทบตะโกนด้วยความดีใจ
“คุณ!” เสียงต่ำของนิลนพเรียกเจ้าของห้องพักด้วยความตกใจ ก่อนรีบก้าวเข้ามาหาคนรักอย่างรวดเร็ว พารักษ์ผละตัวออกทันที
“เกิดอะไรขึ้น!” น้ำเสียงดุดันหันกลับมาถามนักศึกษาหนึ่งเดียวในห้อง
“เอ่อ… มีคนชื่อมนัสมาขอพบอาจารย์ปฏิพัทธ์ครับ แล้ว... แล้วอาจารย์ก็กลายเป็นอย่างนี้… ให้ผมโทรเรียกรถพยาบาลมั้ยครับอาจารย์” พารักษ์รีบตอบ ใบหน้าซีดจัดของปฏิพัทธ์ทำให้เขากังวลขึ้นมาจริงๆ แล้ว
“ไอ้...!”
ก่อนที่คำผรุสวาทจะหลุดออกมาจากปากหยักของนิลนพ เจ้าของห้องกระตุกแขนเสื้อสีเข้มไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี นัยน์ตาสีดำช้อนมองด้วยความอ้อนวอน แต่ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
นิลนพกัดฟันกรอด มือใหญ่กำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน ไอเย็นแผ่ออกมาจากตัวของนิลนพจนพารักษ์รู้สึกได้ หากเป็นคนอื่นๆ คงเห็นเพียงว่าอาจารย์นิลนพกำลังโกรธจัด แต่สิ่งที่พารักษ์เห็นกลับไม่ใช่…
มันมากกว่านั้น…
ใบหน้าคมเข้มของอาจารย์ที่ปรึกษาบัดนี้บิดเบี้ยวความโกรธแค้นจนถึงขีดสุด ใบหูเสือสีเหลืองแซมดำตั้งตรงข่มขวัญ ฟันขาวที่ดูแหลมคมกว่าปกติถูกขบเข้าหากันจนสันกรามเด่นชัดขึ้น รังสีสีแดงบางเบาหากแต่ทำให้รู้สึกหนักอึ้งชวนขนลุกแผ่ออกมาจากตัวอาจารย์นิลนพเสียจนพารักษ์ตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ
น่ากลัว…
“พอ.. นพ พอแล้ว…” เสียงทุ้มปนหอบของปฏิพัทธ์เรียกสติคนในห้อง แม้อยู่ในอ้อมแขนอุ่นแต่เขาก็สัมผัสได้ว่านิลนพกำลังโมโหจัด “...คุณไปบอกเขาว่าผมไม่สะดวก แค่นั้นพอ… ”
คนอายุมากสุดในห้องเอ่ยกับพารักษ์อีกครั้ง พารักษ์หันมามองนิลนพราวกับขอคำปรึกษา
“บอกไปตามนั้น แล้วก็ไม่ต้องเรียกรถพยาบาล ก่อนออกไปล๊อกห้องก็พอ ผมดูแลอาจารย์ติเอง” นิลนพกัดฟันพูดเสียงต่ำ
“ครับอาจารย์” นักศึกษาหนุ่มรับคำแล้วรีบออกจากห้องไป ร่างสมส่วนล๊อกห้องจากด้านในแล้วปิดประตูช้าๆ พยายามหายใจลึกๆ เพื่อลดอาการตื่นตระหนกเมื่อครู่ก่อนหลับตาช้าๆ เพื่อตั้งสติ
พารักษ์ลืมตาขึ้นก่อนเดินออกมาบริเวณที่ต้องผ่านโต๊ะเลขาด้วยสีหน้าปกติแล้วออกจากห้องไป สองขาก้าวออกไปอย่างมั่นคงต่างจากความรู้สึกตอนนี้ที่มีทั้งความกังวล ตกใจ เป็นห่วง และมีมากมายอัดแน่นอยู่ ไม่นานพารักษ์ก็กลับมายังที่ที่ได้บอกให้มนัสรอ ร่างสูงของชายวัยกลางคนที่แต่งกายด้วยของแบรนด์เนมทั้งตัวยังรอเขาอยู่ตรงนั้น อันที่จริงพารักษ์แปลกใจไม่น้อยที่คนคนนี้ไม่เดินเข้าไปถามจากเจ้าหน้าที่ในห้องทำการแทนที่จะเดินมาถามนักศึกษาอย่างเขา
“คุณมนัสครับ…” พารักษ์เอ่ยเรียกอีกฝ่ายเบาๆ มนัสหันมายกยิ้มให้ แต่สิ่งที่พารักษ์สังเกตุมาตั้งแต่ถูกมนัสเรียกครั้งแรกคือ...
ตาไม่ยิ้มเลย…
“อาจารย์ปฏิพัทธ์ให้มาเรียนว่าตอนนี้อาจารย์ไม่สะดวกครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มเบาๆ ให้อีกฝ่าย มนัสนิ่งไปก่อนวาดยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
“คนที่บอก… เป็นตัวอาจารย์ติหรืออาจารย์อีกคน”
“ครับ?”
“ก็… ไม่รู้ว่าคุณรู้รึเปล่า แต่แฟนอาจารย์ติก็ทำงานที่นี่นะ… ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะไม่เบานักดังขึ้น ยังดีที่บริเวณนั้นมีคนเดินผ่านไปมาไม่มากเพราะอยู่ในระหว่างคาบเรียน บทสนทนาของทั้งสองคนจึงไม่เป็นจุดสนใจนัก
“หมายความว่ายังไงครับ” พารักษ์เสียงตึงขึ้นเล็กน้อย กระแสบางอย่างจากสายตาและน้ำเสียงของคนตรงหน้าทำให้เขาไม่ค่อยชอบใจนัก
“ก็… อาจารย์คุณมีแฟนอยู่ที่นี่ไง ส่วนผมเองก็เป็นแฟนเก่าของเขาซะด้วย คราวนี้คงไม่ต้องบอกนะว่าหมายความว่ายังไง”
อ้อ… แฟนเก่าที่ไม่ยอมจบ
ในหัวพารักษ์มีคำนี้ขึ้นมาทันทีที่มนัสพูดจบ มาถึงตอนนี้เขาเข้าใจเจตนาของคนตรงหน้าชัดเจนแล้ว
“ผมไม่ค่อยเข้าใจนักครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ” เพราะไม่อยากเสวนาด้วยมากนักพารักษ์จึงเลือกตัดบทสนทนาแบบกลางๆ แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่ยอมจบ
“เข้าใจยากจังครับนักศึกษา ก็หมายความว่าอาจารย์คุณชอบผู้ชายน่ะสิ คุณเองก็ต้องระวังตัวนา” มนัสลากเสียงเย้า พารักษ์กำมือแน่น
“แล้วคุณมนัสมาบอกผมทำไมเหรอครับ…”
“?”
“...มาบอกผมที่เป็นนักศึกษาของอาจารย์ทำไมครับ ยังไงอาจารย์ก็คือคนที่ทุ่มเทสอนผมด้วยความรู้สึกอยากถ่ายทอดความรู้ที่มีให้พวกผม มาบอกผมที่เคยเห็นอาจารย์แกนั่งปวดหลังเตรียมสอนให้พวกผมจนดึกดื่น มาบอกผมที่เคารพรักอาจารย์เพื่ออะไรครับ เพราะยังไงคำพูดของคนที่ผมไม่รู้จักอย่างคุณก็ไม่สามารถทำให้ผมหมดความศรัทธาในตัวอาจารย์ผมได้”
“...”
“คนที่ผมรู้จักคืออาจารย์ของผม ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ที่เดินมาบอกผมว่าคนนี้ดีคนนั้นไม่ดี ผมโตแล้วครับ เลิกปั่นเถอะ”
“นี่เธอ…”
“เลิกไร้สาระเถอะครับ โตๆ กันแล้ว ผมอาจจะเด็กกว่าคุณมาก แต่ชีวิตผมไม่ได้มีไว้เพื่อคอยเหยียบย่ำชีวิตของคนอื่นเหมือนคุณ”
“...”
“เดี๋ยวผมไปส่งที่รถนะครับ” พารักษ์เอ่ยเรียบเป็นการจบบทสนทนาพร้อมเดินไปส่งอีกฝ่ายที่เหมือนอึ้งใบ้ไปหลังจากที่พารักษ์พูดสิ่งที่คิดออกไปทั้งหมด
พารักษ์ไม่เคยเข้าใจและไม่อยากเข้าใจคนพวกนี้เท่าใดนัก เมื่อสิ่งที่คนพวกนี้แสดงออกมามีเพียงการอยากเอาชนะที่แฝงความสะใจไว้เท่านั้น การทำให้คนที่เคยรักเจ็บปวดเพียงเพื่อให้รู้ว่าตนไม่ลืมและรอวันล้างแค้นอยู่มันสนุกตรงไหนกัน…
ทำแล้วมีความสุขจริงๆ หรือ...
คำถามเดิมวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา…
แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ…
……………..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in