แพร เป็นนักจิตบำบัดที่เรารู้จักผ่านคลาสการเขียน แพรมักเขียนหนังสือจากก้นบึ้งของหัวใจเสมอ และหูของแพรมักได้ยินเสียงในใจเราดังกว่าเรา แพรวิเคราะห์จากคำพูดของเรา มิใช่ว่าแพรเป็นกรรณา แม่นางหูทิพย์แห่งซิกซ์เซ้นส์แต่อย่างใด
แพรเป็นสาย mindfulness เราจะได้อยู่กับตัวเอง เหมือนตอนที่เราทำโยคะท่าศพ จะมีการผ่อนคลายผัสสะและอวัยวะร่างกายทั้งหมด หายใจเข้าออกเพื่อบาลานซ์พลังงาน แล้วก็เริ่มเข้าสู่จินตนาการ
ทำกิจกรรมครั้งนี้เรารู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่ตอนทำสมาธิ จริง ๆ มันควรจะเป็นแบบนั้น เราเคยมีโมเมนต์ที่นั่งไม่ได้ เพราะห่างหายจากการปฏิบัติมานาน
เราจับจุดได้ว่าแพรกำลังใช้หลักพุทธศาสนาอยู่ เราต้องรับรู้ประสาทสัมผัส เช่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจก่อน เพื่อรับรู้ผลลัพธ์จริง ๆ ยอมรับความจริงก่อน และจึงละลายพฤติกรรมทีละอัน เพื่อไม่ให้เกิดความทุกข์ (ทุกข์หรือสุขเกิน) เพราะความทุกข์ทำให้เกิดตัณหา เช่น ความอยากมีแต่ไม่มี ความอยากเป็นแต่ไม่ได้เป็น
สิ่งที่เราต้องยอมรับคือตัวเราที่แท้คือตัวเราจริง ๆ ไม่ใช่งานเขียนของเรา หรือภาพลักษณ์ที่เราอยากเป็น เราไม่ควรยึดอัตตาเยอะ จะเป็นทุกข์ และสรรพสิ่งต่าง ๆ เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ แม้แต่ความสามารถของเรา มันอาจเพิ่มเติมได้ แต่ตอนที่ยังน้อยและกำลังเรียนรู้อยู่ อย่าเป็นทุกข์กับมัน
ต้องปล่อยวางมากขึ้นเป็นสิ่งที่ได้จากคลาสนี้
เราบำบัดด้วยการเขียนคนแรก และอ่านออกมาดัง ๆ ได้ผลกว่าการพูด เพราะเราจะนึกคำไม่ออก ปากไม่ทันกับใจและความคิด
จริง ๆ แพรขอให้ช่วยรีวิวในหนังสือที่เราจะรวมเล่ม แต่เรารอไม่ไหวจริง ๆ กว่าจะถึงวันนั้น เราก็ลืมซะแล้ว เพราะสมองเราปรุงแต่ง ไม่ได้ทำงานแบบกล้องถ่ายรูป เป็นคอมพิวเตอร์เก่า ๆ ที่ต้องรีบสำรองไฟล์ รีบดึงออกมาใช้โดยเร็ว เพื่อความครบและถูกต้อง ถูกต้องของใคร ให้มันแล้วใจเราก็แล้วกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in