เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
once rememberedployapha.j
San Diego | แบกเป้ นั่งรถไฟ ไปแซนดีเอโก







  • ตอนนั้น...จำได้ว่า...


    ฤดูร้อนมาพร้อมๆกับเวลาที่เราหมดสัญญาการทำงานที่สวนสนุก



    ได้เวลาท่องเที่ยวจริงๆของพวกเราซะทีนะ


    เราจัดการส่งกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปซานฟรานซิสโก
    ฝากไว้กับบ้านญาติของเราที่นั่น ก่อนที่จะแพ็คของใช้ที่เหลือใส่เป้แบคแพ็ค
    พร้อมที่จะไปตะลุย West Coast




    คนอื่นๆเลือกที่จะไปเที่ยวนิวยอร์ก
    แหม่... เมืองหลวงของโลก ใครจะไม่อยากไปล่ะ จริงมะ



    แต่เราสองคนกลับคิดว่า ไหนๆเราก็มาฝั่งตะวันตกแล้ว ก็เที่ยวให้มันทั่วซะเลยก็แล้วกัน
    และจุดหมายปลายทางแรกของเราคือ...





    San Diego





    เดิมทีที่นี่ไม่ได้อยู่ในแผน
    แต่เพราะเราไปโดนเพื่อนร่วมงานไซโคมาว่า


    เฮ้ย ไหนๆยูก็มาแล้ว ไปดิ ไอโคตรชอบ



    เออ... ไปก็ไปวะ...











  • ความจริงแล้วเราสามารถนั่งรถบัสจากเมืองเราไปที่นั่นได้เลย
    แต่เช้าวันนั้นเราออกจากบ้านกันเลทนิดหน่อย
    เลยต้องวิ่งหน้าตั้งไปที่สถานีรถไฟ

    ผลคือเราช้าไปหลายวินาที
    รถไฟกระชากตัวออกจากชานชาลา


    เป็นการเริ่มต้นที่ผิดแผน ซึ่งเราแอบโมโห
    (ไม่แอบหรอก ก็โวยวายใส่เธอไปหนึ่งยก)


    ก่อนที่เราจะนั่งรถไปลงที่สถานี Union ในแอลเอ และนั่งรถไฟจากตรงนั้น




    จำได้ว่าเราหิว เลยไปซื้อเพรสเซลที่ใหญ่เท่าหน้ามาแบ่งกับเธอ
    อร่อยดี ตอนนี้ก็ยังอยากกินอีก











    เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองนี้เลย
    เรียกได้ว่าไปตายเอาดาบหน้าโดยแท้

    อาศัยถามคนในโฮสเทลเอา
    จิ๊กแผนที่ แล้วค่อยมาคิดอีกทีว่าอยากไปที่ไหน



    เอาจริงๆตอนแรกเราคิดว่าเมืองนี้จะแอบหน้ากลัวนิดนึง
    ก็มันอยู่ใกล้เม็กซิโกนี่นา ต้องมีแก๊งใส่บลิ๊งๆเดินไปมาแน่ๆ


    แต่ผิดคาดแหะ
    เมืองสวย สะอาด สงบ เหมาะแก่การพักผ่อนมากๆ


    นี่มันเมืองตากอากาศของคนรวยนี่หว่า!

















    นึกถึงร้านสเต็กยังไงก็ไม่รู้สิ...









    เราพักในโฮสเทลที่โคตรคูล อยู่ตรงใจกลางถนนเส้นหลัก
    ชอบการตกแต่งภายในมากถึงมากที่สุด


    แต่ที่ชอบที่สุดคือความใจดีของเจ้าของ
    เพราะถ้าไม่มีเงินมาพักก็ไม่เป็นไร
    มาทำงานเป็นลูกจ้างแลกเตียงนอนก็ได้


    เก๋เชี่ยๆ










    พอไปถึงแล้วเราก็ออกไปเดินเล่นใกล้ๆนิดหน่อย
    แวะดูบอลที่ร้าน The Whisky Girls ที่มีสาวนมตู้มคอยเสิร์ฟเบียร์
    บรรยกาศคึกคักสนุกสนานดีแหละ

    แม้ว่าฟุตบอล(หรือซอกเกอร์) จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก
    แต่ก็มีนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรานี่แหละที่โคตรอิน
    บรรยากาศในบาร์เลยคึกคักมาก




    พอกลับมาก็เจอรูมเมทหนุ่มชาวเกาหลีที่ชวนเราออกไปกินอะไรข้างนอก
    แต่พวกเราเหนื่อย เลยขอนอน



    หลับ


    ยาว


    ได้สติอีกรอบก็ฟ้าเริ่มมืด
    กะว่าจะไปเดินดูพระอาทิตย์ตกก็สายเกินไป
    เลยไปหาของกิน

    วน
    วน
    วน

    และก็วน จนผ่านเขตถนนเส้นหลัก


    โห...เชี่ยเอ๊ย เงียบสัสๆ เงียบจนน่ากลัว
    เลยแวะร้านสะดวกซื้อ ได้มาม่าเกาหลีมานั่งโซ้ยกันที่ห้องครัวของโฮสเทล
    จิบเบียร์ ไปอาบน้ำ และกลับมานอน




    นี่ตกลงว่ามาเที่ยวหรือมาเปลี่ยนที่นอนกันว้า











  • เช้าวันใหม่เราก็ออกไปเดินเล่นชมเมือง
    จิ๊กแผนที่มาแล้วเรียบร้อย
    แถมมือถือมีเน็ต ไม่กลัวหลง






    เรามีสถานที่ในใจสองที่ คือ Old Town กับไปเอาตัวจุ่มน้ำทะเลอย่างจริงจังเสียที
    เพราะทุกครั้งที่ไปทะเลมันหนาวเกิ๊น ลงไปแค่เข่าก็สั่นไปทั้งตัวแล้ว
    รอบนี้ต้องลงไปแหวกว่ายในมหาสมุทรแปซิฟิกให้ได้!







    เราเดินลัดเลาะผ่านถนนเส้นหลักมาที่ท่าเรือกันก่อน
    เพราะในแผนที่บอกว่ามีอะไรดีๆให้ดูเยอะ


    อะไรที่เขาว่าดี เราก็ว่าตามนั้น

















    มีเรือรบที่ใหญ่ว่าที่สัตหีบบ้านเราอยู่หลายลำ














    ใหญ่บึ้มมาก ขึ้นไปดูได้นะ
    แต่เราไม่ไปอะ เสียตัง
    เน้นว่า...เออ กูมาถึงล่ะ
    โคตรของความชะโงกทัวร์ราคาประหยัด




    เดินต่อดีกว่า


















































    ตรงนี้เป็นสวนสาธารณะริมน้ำแหละ
    มีคนมาวิ่งเยอะแยะ
    นักท่องเที่ยวก็มากหลาย

    โดยเฉพาะ




    ทัวร์จีน










    แถวนี้ก็มีพวกอนุสรณ์สดุดีทหารเรือมากมาย เห็นได้จากรูปปั้นต่างๆที่รายล้อม


































    เราชี้ให้เธอดูด้วย
    ว่าท้องฟ้าเป็นรูปหัวใจ

























  • แต่ที่ทุกคนให้ความสนใจสูงสุดก็คือจุดนี้แหละ










    รูปปั้นจากภาพถ่าย V-J Day in Times Square อันโด่งดังนั่นเอง


    (กูเกิลอ่านวิกิกันต่อเองละกันเรื่องที่มาที่ไปของภาพนี้)





















  • เดินถัดจากหมู่เรือรบมาเราก็เจอกับกลุ่มเรือสำเภาสมัยก่อนล่ะ














































    สมัยนั้นยังไม่มีเงินซื้อโกโปร
    เลยถ่ายได้แบบไม่เต็มเห็นทั้งเรือเท่าไร











    มีเรือดำน้ำด้วยแหะ

    เท่จัง













    ฝั่งตรงข้ามคือศาลาว่าการเมืองซานดีเอโก
    (ไม่รู้จะแปลเป็นภาษาไทยยังไง ฮา)










































    จากนั้นเราก็ไปที่

    Little Italy

    กะว่าจะไปหาของกิน























































    จำได้ว่าสุดท้ายเราก็ไม่ได้ซื้ออะไรกิน
    เพราะทุกสิ่งดูแพงจังเลยแหะ

    กะว่าไปตายเอาดาบหน้าละกัน
    เลยนั่งรถไปที่ Old Town















  • พอถึง Old Town San Diego แล้ว
    จากอากาศเย็นๆริมทะเลก็เปลี่ยนเป็นร้อนแบบแห้งๆ


    ได้ฟิลลิ่งเมืองเก่าที่โคตรละตินมากๆ




     








    ที่นี่เพื่อนร่วมงานเราบอกว่าให้มาแหละ
    นางบอกว่าน่าสนใจดี
    ยูจะได้เห็นเมืองเก่า วิถีชีวิตเก่าๆ และความเป็นละตินอเมริกันของพวกเรา

    (ถ้ามาพูดแบบนี้ในยุคทรัมป์นี่...)





















    สีสันสดใสตลอดทาง












    มีนวดแผนไทยด้วยว่ะ











    เข้ามาแล้วก็... เอิ่ม... ฟิลลิ่งเพลินวาน
    หรือสถานที่ท่องเที่ยวใดในไทยแลนด์ที่สร้างขึ้นมาใหม่แล้วเลียนแบบของเก่าอะ
    (แล้วทำไมไม่อนุรักษ์ของเก่าวะ อย่างชุมชนป้อมมหากาฬงี้ เชี่ยเอ๊ย พูดถึงแล้วหงิดใจ)
































    มีทัวร์ล่าท้าผีด้วย









































    และแล้วเธอก็กูเกิลเจอร้านอาหารที่น่าสนใจใน Yelp
    (อเมริกันชนเขาใช้แอปนี้กันแหละ)


    มันเป็นร้านที่มีแต่แบงค์ 1 ดอลล่าร์ติดเต็มไปหมดเลย
    เราจำชื่อร้านไม่ได้แล้ว
    พยายามกูเกิลดูแล้ว เราหาไม่เจอล่ะ


    แต่จำได้ว่าเบียร์อร่อยดีและเป็นอาหารกลางวันที่ดี













    เราออกไปเดินเล่นอีกนิดหน่อย






















    เอาจริงๆเราเริ่มกร่อย อากาศก็ร้อน เบื่อก็เบื่อ
    ไม่เห็นมีอะไรน่าทำตรงไหนเลย


    นี่มาทำอะไรที่นี่กันวะเนี่ย


    และก่อนที่เราจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้
    เธอก็ตัดสินใจกลับ



    ไปทะเลกันดีกว่า




    และทะเลที่ซานดีเอโกมีหลายหาดที่สวยๆ
    อย่าง Mission Beach หรือ Silver Strand Beach
    แต่ทุกที่ช่างห่างไกลเหลือเกิน



    เราเหลือทางเลือกสุดท้ายคือ


    Oceanside Beach



    ซึ่งเป็นหาดทางตอนเหนือของเมือง
    เป็นสถานีที่เราต้องเปลี่ยนรถไฟกลับไปแอลเอ
















  • ที่นี่เป็นชายหาดเงียบๆ
    ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไร เพราะไม่ใช่ชายหาดที่ดังและสวย



    คนที่มาเดินเล่นส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านแถวนี้นี่แหละ
    เขาก็มองๆเหมือนกันว่าเจ้าเอเชี่ยนหัวดำสองคนนี้มันมาจากไหนกันวะ
    กระหืดกระหอบวิ่งลงมาจากรถไฟซะขนาดนั้น
































    เราเปลี่ยนชุดแล้ววิ่งลงน้ำ



    ได้เอาตัวจุ่มมหาสมุทรแปซิกฟิกแล้วว้อย



    น้ำเย็นสัส
    คลื่นแรงมาก มาทีนี้ถ้ายืนอยู่เฉยๆคือคลื่นม้วนมิดหัวอะ
    แอบกลัวฉลามอยู่ลึกๆในจิตใจ
    แต่ก็คิดว่าเราไม่ได้ว่ายลึกๆ ไม่เป็นไรหรอก(มั๊ง)



    ดูหนังมากไปแหงๆ









    เราหันไปโบกมือให้เธอที่ยืนอยู่ที่หาด
    เธอหยิบกล้องมาถ่ายรูป
    และสุดท้ายก็โดดลงมาเล่นน้ำด้วยกัน
    แม้ว่าเธอจะไม่มีชุดอะไรมาเปลี่ยนก็เถอะ



    จับมือกระโดดไปพร้อมๆกันเวลาที่คลื่นซัดมา






    เป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินที่ดีนะ










    เราเล่นน้ำกันแปบเดียวแหละ เพราะต้องรีบเปลี่ยนชุดไปขึ้นรถไฟ
    ซึ่งเกือบจะไม่ทันอีกเช่นเคย


















  • เรากลับมาถึงแอลเอค่ำๆ
    แต่ท้องฟ้ายังไม่มืด เลยเดินเล่นแถว Union กันแปบนึง รอเวลารถไฟมา
    เพราะขี้เกียจนั่งใต้ดินแล้วไปต่อบัส




    เดินไปก็เหงาๆนะ เพราะนี่คือวันสุดท้ายของเราในแอลเอแล้ว




































































    Goodbye Los Angeles
    See you again soon Golden State








Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in