**ผู้เขียนมีความรู้สึกต่อต้านประเด็นของหนังเรื่องนี้ ดังนั้นหลายจุดจึงอาจแฝงไปด้วยอคติในบทความ**
ตอนดูรู้สึกต่อต้านหนังเรื่องนี้อยู่หลายๆ จุด เพราะมันเหมือนกับหนังแนวเทิดทูนบูชาความเป็นอดีตแบบคนแก่ที่ชอบบ่นเด็กสมัยนี้ว่าอย่างนู้นอย่างนี้ เทียบกับคนที่ใช้ชีวิตสมัยก่อนไม่ได้ ดังนั้นหนังเลยจับพวกตัวละครเหล่านี้มาลงโทษด้วยการตัดน้ำตัดไฟ เพื่อไม่ให้มีชีวิตที่สะดวกสบายเหมือนแต่ก่อน
เรื่องราวของเรื่องก็คือวันหนึ่งเกิดไฟฟ้าดับทั่วโตเกียว ไม่ใช่แค่ไฟฟ้าเท่านั้นแต่แบตเตอรี่ทุกอย่างไม่สามารถใช้งานได้ ไม่มีประกาศใดๆ จากทางการ ประชาชนทุกคนต้องหาทางเอาตัวรอดเอาเอง ทรัพยากรต่างๆ ในโตเกียวเริ่มร่อยหรอ จนครอบครัวชนชั้นกลางครอบครัวหนึ่งตัดสินใจเดินทางออกนอกเมืองเพื่อหาอาตัวรอด
เพราะหนังมันวางตัวไว้ว่าเป็นหนังตลกเลยไม่อยากจะคิดอะไรมาก แต่เอาเข้าจริงเรารู้สึกว่าหนังมันใช้ความตลกเพื่อกลบเกลื่อนความคิดและทัศนคติอันจริงจังที่ตัวหนังต้องการจะสื่อ (ดังที่พูดไว้ข้างต้น) แค่คิดว่าถ้าตั้งใจจะทำหนังตลกจริงๆ มันคงไม่คิดเซ็ตติ้งแบบนี้ ถึงหนังจะเลี่ยงไม่พูดถึงหลายๆ อย่าง (เช่น โรงพยาบาลจะเป็นอย่างไร ฯลฯ) แต่ก็กลับพูดถึงหลายอย่าง (เช่น ครอบครัวที่มีเด็กทารกต้องดูแล)
และยิ่งสุดท้ายหนังก็โชว์อย่างชัดเจนแล้วถึงบรรยากาศแบบหวนระลึกอดีตและสุดท้ายมันก็เชิดชูวิถีชีวิตในอดีตอย่างแท้จริงคือปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ มีวิถีชีวิตพอเพียงอะไรก็ว่าไป
เอาจริงๆ นะ สถานการณ์ในเรื่องมันเข้าข่าย apocalypse ได้เลยแหละ เราเลยขัดใจตรงนี้เหมือนกัน จะบอกว่ามันมองโลกในแง่ดีก็ได้ หรือไม่ก็จริงๆ แล้วหนังอยากจะเข้าข้างความคิดด้านนี้เฉยๆ ทุกอย่างเลยเป็นไปได้ด้วยดี ปราศจากปัญหาใดๆ
ก็จริงอยู่ที่เหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วโตเกียวของหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะอยากให้ครอบครัวนี้เติบโตและก้าวผ่านอุปสรรคไปได้ตามสไตล์ของหนังครอบครัวทั่วไป แต่ด้วยเงื่อนไขที่มันสร้างขึ้นมาทำให้เรารู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่าแค่อยากจะสร้างหนังแฟมิลี่ที่มีพล็อตตลกๆ จริงๆ
(จบด้วยการใส่ hashtag #ฉันมีบ้านนอกเป็นของตัวเอง )
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in