แต่เป็นการรู้จักใช้จ่ายให้ดีตามที่เขาพอใจ
โกเรงนั้นได้ใช้บทประพันธ์วรรคนี้ในการอธิบายการกระทำของตนเอง แก้ไขข้อสงสัยที่ว่าเขานั้นมีเวลาเหลืออยู่ในคุกเพียงแค่สองเดือน ทำไมถึงอุทิศชีวิตตัวเองกับอุดมการณ์ในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ กล่าวคือการมีอำนาจอภิสิทธิ์ในการบริโภคอาหารตามใจนั้นไม่ได้ทำให้โกเรงมีความสุข และถ้าหากเขาจากคุกในหลุมแห่งนี้ไปโดยที่ไม่ได้เริ่มพยายามเปลี่ยนแปลงอะไรเลยคงเป็นการฝังกลบข้อสงสัยถึงการมีอยู่ของตัวเอง (อย่างที่อิโมกิรีกล่าวไว้ว่าความไม่เสถียรของระบบคงเป็นสาเหตุที่คุณถูกส่งมาที่นี่) การใช้จ่ายในที่นี้จึงเทียบได้กับการแจกจ่ายอาหารให้เพียงพอกับทุกคนในหลุม การกระทำของเขาไม่ใช่การใช้จ่ายตามปรารถนา หากการใช้จ่ายตามปรารถนานั้นหมายถึงการแจกจ่ายอาหารที่ไม่เป็นธรรม กล่าวคือให้กับคนบางคนมากกว่าตามความพอใจ ที่เขาพึงกระทำอยู่นั้นเป็นการแจกจ่ายที่พอดีกับความต้องการในการกินอาหารเพื่อให้พอมีชีวิตอยู่รอดในแต่ละวัน
- การมีอยู่มิฮารุ รามเสจที่สอง และพระมหาไถ่
การปรากฎตัวของมิฮารุ หญิงสาวชาวเอเชียผู้เลือกที่จะลงข้างล่างเพื่อออกตามหาลูกถือว่าเป็นจุดแปรผันที่สำคัญของโกเรง เขาเชื่อจนหมดหัวใจว่าลูกของมิฮารุนั้นมีตัวตนอยู่จริงแม้หญิงสาวจะไม่ได้เป็นคนเอ่ยปากออกมาเองซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขามีปัญหากับการตั้งคำถามเมื่อมิฮารุกลายเป็นแสงไฟเพียงดวงเดียวในหลุมมืดมิดที่เขาอาศัยอยู่อย่างที่เห็นว่ามิฮารุไม่เคยเอ่ยปากถึงลูกสาวด้วยซ้ำ และจากข้อมูลของอิโมกิรี อดีตผู้ทำหน้าที่คัดคนเข้ามาในหลุม ผู้ดูแลระบบนั้นเข้มงวดมากในเรื่องของอายุ ไม่มีเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีถูกส่งลงมาอยู่ในหลุม รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามิฮารุนั้นตัวคนเดียว ถูกส่งเข้ามาเมื่อสิบเดือนที่แล้ว ซึ่งไม่มีความเป็นไปได้เลยที่ในระยะเวลาสั้น ๆ นี้เธอจะตั้งท้องและคลอดเด็กออกมาได้
มิฮารุนั้นเสียสติอย่างสิ้นเชิงและโกเรงเองก็พร้อมจะเชื่อในคำโกหกที่ถูกบอกเล่าต่อกันมา จุดแตกหักที่ชัดเจนของเรื่องคือการที่มิฮารุลงมือฆ่ารามเสจที่สอง โกเรงพยายามอธิบายถึงการกระทำของเธอว่าเป็นอาหารส่วนของลูกสาว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่อิโมกิรีเริ่มต้นเรียกเขาว่าพระมหาไถ่ บางทีอาจมองได้ว่าสำหรับโกเรงนั้น มิฮารุเปรียบได้กับโมเสส มุมมองของโกเรงที่มีต่อมิฮารุเมื่อแท่นอาหารเลื่อนลงเปรียบได้กับการแหวกทะเลแดงเพื่ออพยพทาส ความตายของรามเสจที่สองเองก็เกิดขึ้นเมื่อโมเสสแสดงอภินิหาร การลงมาข้างล่างเพื่อแจกจ่ายอาหารคือการแสวงบุญตามเส้นทางอันศักดิ์สิทธิ การฆ่าสุนัขพันธุ์ดัชชุนจึงมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่บอกถึงอุดมการณ์ที่แท้จริงของหญิงสาว
หากเป็นเช่นนั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงของการเดินทางของมิฮารุจะชัดเจนขึ้น ไม่ใช่เพื่อตามหาลูกสาว แต่เป็นการสร้างความวุ่นวายเพื่อประท้วงต่อระบบกลไกภายในหลุม ดังเช่นที่โมเสสสร้างความชุลมุนให้กับบ้านเมืองตามความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อประท้วงต่อการปกครองบัลลังก์อันไร้ซึ่งความเมตตาของฟาโรห์รามเสจที่สองความเสียหายและความตายที่เกิดขึ้นแก่เพื่อนร่วมห้อง รวมถึงผู้คนในระดับที่อยู่ต่ำกว่าเธอลงไป ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเธอ มิฮารุนั้นตัดสินชีวิตของผู้คนในหลุมด้วยบรรทัดฐานของตัวเอง บางครั้งเธอเองเลือกที่จะอยู่เฉย บางครั้งลงมาเพื่อช่วย และบางครั้งก็เพื่อกำจัด
อีกหนึ่งสิ่งที่สามารถยืนยันได้ว่าลูกสาวของมิฮารุไม่มีตัวตนอยู่จริงคือเธอเลือกที่จะลงไปข้างล่างเสมอ แม้ว่าชั้นที่เธอตื่นขึ้นมาจะอยู่เกือบล่างสุดแล้วก็ตาม อะไรกันทำให้เธอมั่นใจว่าลูกสาวที่เธอตามหาจะไม่ตื่นขึ้นมาในชั้นบน คำตอบก็คือไม่มี ไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่าเด็กจะตื่นขึ้นมาในชั้นล่าง หรือว่าชั้นบน ไม่มีอะไรมายืนยันได้แม้แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แม้ในตอนท้ายของเรื่องโกเรงและบาฮาเร็ตได้พบเด็กที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นลูกของมิฮารุ ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเด็กคนนั้นมีตัวตนอยู่จริง เพราะเป็นมิฮารุเองที่นั่งบนแท่นอาหารตามพวกเขาลงมาและชี้มีดมาที่เด็ก มีความเป็นไปได้สูงว่าเด็กคนนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา และสิ่งที่โกเรงส่งขึ้นไปนั้น แท้จริงแล้วเป็น Panna Cotta ที่ปรากฎใน Scene ที่หัวหน้าพ่อครัวถามกับลูกมือว่าเส้นผมบนขนมนั้นเป็นของใครกันแน่
สารที่โกเรงและบาฮาเร็ตพยายามสื่อไปถึงผู้คนในชั้นศูนย์คือพานาคอตต้าที่ยังไม่ได้ถูกกิน ซึ่งอาจเปรียบได้ว่าเป็นการประท้วงเชิงสัญลักษณ์ของชนกรรมาชีพกับระบอบนายทุน เมื่อกรรมาชีพทุกคนพร้อมใจกันไม่บริโภคในสิ่งที่ได้รับมา ดังพานาคอตต้าที่เปรียบได้กับการร่วมแรงร่วมใจกันแบนสินค้าจากเครือของนายทุน แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง แม้ว่าผลกระทบนั้นจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยมากก็ตาม
อย่างที่เห็นกันว่าหัวหน้าพ่อครัวนั้นไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับอาหารที่เหลือมากมายนัก มีเพียงแค่อารมณ์ขุ่นมัวและหมกมุ่นจะหาคำตอบกับคำถามที่ว่าทำไมถึงเหลือพานาคอตต้าเพียงเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในระบบทุนนิยมที่ผู้บริโภคเลือกจะไม่สนับสนุนสินค้าของนายทุนเป็นบางชิ้น และส่งผลกระทบต่อนายทุนเพียงเล็กน้อย เพราะสินค้าประเภทอื่น ๆ นั้นถูกผูกขาดเอาไว้แล้ว ไม่มีทางหลีกเลี่ยงการบริโภคสินค้าจากชนชั้นนายทุนได้เลย การต่อสู้ของโกเรงจึงเป็นเพียงการจุดประกายความหวังเล็ก ๆ ของชนกรรมาชีพที่พร้อมจะดับไหม้ไปพร้อมกับเวลา
คำถามที่ทางผู้เขียนตั้งข้อสงสัยกับตัวเองอยู่บ่อยครั้งในขณะที่กำลังเขียนบทความวิเคราะห์หนังเรื่องนี้คือทำไมถึงเปรียบพานาคอตต้ากับเด็กหญิง? ไม่สิ ทำไมถึงแน่ใจว่าผู้กำกับตั้งใจเปรียบพานาคอตต้ากับเด็กหญิง? ทำไมถึงแน่ใจว่าเด็กหญิงคนนั้นไม่มีตัวตนอยู่จริง?
ในส่วนของมุมมองที่ว่าลูกสาวของมิฮารุนั้นมีตัวตนอยู่จริง การดำรงอยู่ของเด็กหญิงนั้นมีข้อสงสัยอยู่เต็มไปหมด ทำไมถึงอยู่ในชั้นที่ห่างไกลจากผู้คน? เด็กหญิงใช้ชีวิตอยู่อย่างไรโดยปราศจากอาหาร? หรือแม้แต่คำถามที่ว่าใครเป็นแม่ของเด็กในเมื่อมิฮารุเพิ่งจะเข้ามาในหลุมได้แค่เพียงสิบเดือนเท่านั้น?
หากมองข้ามช่องโหว่เหล่านั้นไป พานาคอตต้าคงเปรียบได้กับความหวังของชนกรรมาชีพที่พยายามแข็งข้อกับนายทุน ส่วนเด็กหญิงนั้นเปรียบเสมือนคนรุ่นใหม่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในสังคมได้ การที่โกเรงเลือกที่จะมอบอาหารให้แก่เด็กหญิง รวมถึงการส่งตัวเธอขึ้นไป เป็นการตราหน้าผู้ดูแลระบบถึงความหละหลวม ที่ปล่อยให้มีเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีเข้ามาอยู่ในหลุม การเปลี่ยนแปลงตามอุดมการณ์ของโกเรงคงไม่เกิดอะไรขึ้นมากไปกว่าการดูแลตรวจสอบอายุของอาสาสมัครของระบบที่เคร่งครัดขึ้น ในขณะที่คนในชั้นล่างยังคงดิ้นรนและฆ่าฟันกันดังเดิม
และในกรณีที่ถ้าหากลูกสาวของมิฮารุไม่มีตัวตนอยู่จริงตามสมมติฐานที่เราตั้งไว้ จะสอดคล้องกับฉากที่ว่าทำไมหัวหน้าพ่อครัวถึงโมโหเมื่อเห็นพานาคอตต้า อุดมการณ์อันแรงกล้าของโกเรงนั้นได้สื่อไปถึงคนบนชั้นศูนย์ และการเปรียบเทียบพานาคอตต้ากับเด็กหญิงนั้น เปรียบดังการตามหาความหวังที่มิฮารุพยายามทำมาโดยตลอด อาหารที่เหลือไปถึงคนในชั้นล่างของโกเรงคือสาร ลูกสาวที่คนอื่นเชื่อกันว่ามิฮารุกำลังตามหาคือสาร พานาคอตต้าของบาฮาเร็ตเองก็คือสาร
และด้วยข้อสรุปนี้ยังสามารถหาข้อสนับสนุนที่ว่าลูกสาวของมิฮารุนั้นเป็นแค่ภาพลวงตาของโกเรงและบาฮาเร็ตได้จากการที่อุณหภูมิห้องไม่สูงขึ้นจนร่างกายถูกเผาไหม้ หรือว่าต่ำลงจนแข็งตายเมื่อแท่นอาหารนั้นเลื่อนลง นั่นเป็นเพราะว่าพานาคอตต้าไม่ได้ถูกนำลงมาจากแท่นอาหารอย่างที่ผู้กำกับพยายามทำให้เราเชื่อ เด็กหญิงคนนั้นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่โกเรงสร้างขึ้นมาเพื่อยืดเวลาให้เขาอ่านหนังสือ Don Quixote จบตามที่ใจหวัง เป็นตอนจบของการเดินทางในชีวิตของทั้งโกเรงและดอนที่สมบูรณ์เมื่อเขาลืมตาตื่นมาด้วยความจริงที่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพลวงตาและตนเองกำลังร่วงโรย
- ศาสนาคือยาเสพติดของประชาชน
การเอ่ยนามถึงพระผู้เป็นเจ้าเองก็มีการสะท้อนแนวคิดของคาร์ล มากซ์ ผู้ยึดมั่นถือมั่นในระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ว่าด้วยเรื่องศาสนาเป็นเครื่องมือของชนชั้นสูง ที่มีไว้เพื่อรักษาสถานภาพทางสังคม ดังที่โกเรงเคยเอ่ยถามกับตรีมากาซีเมื่อครั้งยังอยู่ในชั้น 48 ว่าอีกฝ่ายเชื่อในพระเจ้าไหม ชายแก่ตอบกลับมาว่าเดือนนี้ฉันเชื่อ เพราะอาหารยังพอกิน ท้องอิ่ม ไม่จำเป็นต้องอดอยากยากแค้นจึงเหลือเวลามาศรัทธาในพระเจ้า ในทันทีที่พวกเขาถูกย้ายไปอยู่ในชั้นล่าง สถานการณ์ทุกอย่างจึงกลับตาลปัตรกัน ตรีมากาซีไม่สนใจฟังด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตนเองทำกับโกเรงนั้นละเมิดบัญญัติสิบประการเกือบครบสิบข้อ จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ดีว่าศาสนามีไว้สำหรับผู้คนที่ไม่อดอยากปากแห้ง สำหรับผู้คนที่ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะเอาชีวิตรอดอย่างไรในวันนี้
ในหลุมนั้นเปรียบได้ดังยุคที่นายทุนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตทั้งหมด ผู้ใช้แรงงานนั้นมีอิสระที่แท้จริง หรือก็คือสามารถทำอะไรก็ได้ในหลุม ไม่มีกฎห้ามอย่างตายตัว แต่การดำรงชีวิตนั้นขึ้นอยู่กับนายทุนที่ผูกขาดการผลิตสินค้าดังที่พ่อครัวควบคุมปริมาณอาหาร ซึ่งสามารถสนับสนุนแนวคิดนายทุนคือพระเจ้าอย่างที่บาฮาเร็ตกล่าวไว้ว่าฉันและพระเจ้าห่างกันเพียงแค่ห้าชั้น หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในการพยายามจะปีนขึ้นไปที่ชั้นศูนย์
ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงตามข้อสังเกตตามทรรศนะของคาร์ล มากซ์ ว่าด้วยเรื่องของสังคมมนุษย์เป็นระบบชนชั้นแห่งการกดขี่ที่มีมานานนับตั้งแต่เริ่มต้นศตวรรษ ไม่ว่าจะเป็นสังคมทาส ระบบศักดินา จนมาถึงสังคมทุนนิยม ในขณะที่มนุษย์กำลังหาทางออกจากความทุกข์ที่เกิดจากการถูกกดขี่ ศาสนาเองก็ได้เข้ามามีอิทธิพลในการตอบสนองความต้องการพ้นจากความทุกข์ กลายเป็นสิ่งเสพติดเพื่อให้ความสบายใจ เป็นตัวช่วยเพื่อให้ลืมความทุกข์ได้ชั่วขณะเหมือนอย่างการเสพยา จนลืมไปว่าหนทางการแก้ไขปัญหาที่เห็นผลจริงเพียงหนึ่งเดียวคือการปฏิวัติทางชนชั้นให้ทุกชีวิตเท่าเทียมกันอย่างที่ควรเป็น
- Escargots Au Beurre Persillé
ความตลกร้ายในการจิกกัดพฤติกรรมการกินเพื่อประทังชีพของผู้คนในหลุมยังคงเจ็บแสบได้มากกว่าเดิม เมื่ออาหาร Appetizer สัญชาติฝรั่งเศสอย่างหอยทากอบเนยซึ่งนับว่ามีราคาสูง และเป็นอาหารจานโปรดของโกเรง ได้ถูกนำมาเรียกแทนชื่อของชายหนุ่มในวันที่ตรีมากาซีตัดสินใจว่าจะกินเขาเป็นอาหาร ราวกับห่วงโซ่ที่ทอดต่อกันมาเป็นสายด้วยการนับโกเรงว่าเป็นอาหารอันมีค่าของชายชรา
และจะนับว่าเป็นจริยธรรมสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ หรือด้วยเหตุผลอื่นใดก็ตาม ตรีมากาซีได้เรียกโกเรงว่า El Caracol (ในภาษาสเปนแปลว่าหอยทาก) แทนชื่อของเจ้าตัวเพื่อปัดเป่าความรู้สึกผิดในใจที่มีต่อการกระทำอันไม่น่าให้อภัยอย่างการกินมนุษย์เป็นอาหาร
ซึ่งกรรมวิธีขั้นตอนในการปรุงอาหารจานนี้ ตรงกับวิธีที่ตรีมากาซีปฏิบัติต่อโกเรงอย่างน่าขัน ทั้งการควบคุมอาหารของหอยทากด้วยการให้อดอาหารถึง 7 วัน ซึ่งตรงกับการเพาะบ่มรอระยะเวลาก่อนชายแก่จะเริ่มลงมืออย่างมีนัยยะ รวมถึงการจำกัดพื้นที่ของหอยทากให้อยู่เพียงแค่ในตาข่ายเอง ก็ตรงกับการถูกจับมัดบนเตียงไม่ให้ขยับไปไหน โดยจุดประสงค์หลักของการเตรียมการนี้มีขึ้นเพื่อชำระล้างจิตใจไม่ให้หลงเหลือแม้กระทั่งอารมณ์ขุ่นมัวและความโกรธเปรียบได้กับการที่หอยทากคายเมือกออกมา
- การผลิตซ้ำจากภาพสะท้อนของความตาย
แม้ว่าตรีมากาซี ชายแก่หัวรุนแรงจะสร้างความบอบช้ำทั้งทางกายและทางใจให้กับโกเรงมากมายขนาดไหนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวโกเรงเองก็รับเอาทัศนคติและอุปนิสัยหลาย ๆ อย่างของชายชรามาหลอมรวมเข้ากับตัวตนของตัวเองไปไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่นคำพูดติดปากอย่าง 'Obvio' หรือนิสัยการวางหมอนรองเข่าระหว่างกินอาหาร ทั้งในพฤติกรรมการแสดงออกที่รู้ตัวและชุดความคิด รวมถึงการมองโลกที่ถูกผลิตซ้ำมาโดยไม่รู้ตัว
ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและชายชราจึงเปรียบได้กับชายวัยกลางคนที่ในวัยเด็กถูกปลูกฝังเลี้ยงดูโดยคนรุ่นเก่า ไม่ว่าจะชอบใจหรือไม่ก็ตามแต่ เศษเสี้ยวแห่งความเชื่อเดิม ๆ จะถูกปลูกฝังไว้ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจ โกเรงไม่สามารถสลัดความเป็นตรีมากาซีออกไปจากหัวได้ ซึ่งมันถูกสะท้อนออกมาเป็นภาพของวิญญาณชายชราที่ตามหลอกหลอนและกล่าวย้ำความเชื่อของตนเองซ้ำไปซ้ำมาราวกับไม่ได้จากไปไหนไกล
ความตายครั้งที่ 2 ที่เขาได้เผชิญหน้าด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิดเป็นของอิโมกิรี อดีตเจ้าหน้าที่คัดกรองอาสาสมัครในหน่วยงานของภาครัฐ ผู้ถูกทำให้เชื่อมาตลอดชีวิตการทำงานว่าการมีอยู่ของหลุมนั้นจะส่งผลในทางที่ดีให้แก่อัตราการก่ออาชญากรรม เมื่อมนุษย์เผชิญกับสถานการณ์บีบบังคับจนก่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันในหลุม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอนั้นแทบไม่เคยพบเจอความยากลำบากในแบบที่ต้องปากกัดตีนถีบของสังคมระดับล่างที่โกเรงและตรีมากาซีต้องเจอเลยแม้แต่น้อย
เธอ, ผู้ซึ่งเชื่อมั่นในเสถียรภาพและความซื่อสัตย์ของระบบกลับถูกตบหน้าด้วยความจริงที่ว่าหลุมนั้นมีมากกว่า 250 ชั้นอย่างที่เธอเคยถูกปลูกฝังว่ามันเป็นมาโดยตลอด พนักงานผู้จงรักภักดีที่สูญเสียความเชื่อมั่นในองกรค์จึงได้ชดใช้ความเชื่อใจอันผิดพลาดของตนเองด้วยชีวิต แม้ว่าการกระโดดลงไปข้างล่างจะถือว่าเป็นวิธีการที่ง่ายกว่าสำหรับเธอเป็นอย่างมาก แต่อุดมการณ์และความมุ่งมั่นที่จะต่อชีวิตให้กับอดีตเพื่อนร่วมชั้นนั้นกลับมีมากกว่า
โกเรง ผู้ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในหลุมร่วมกับเธอมาตลอดระยะเวลาร่วมเดือนนั้นรู้ดีที่สุด แม้ว่าความตายจะพรากจิตวิญญาณของอิโมกิรีออกไปจากร่าง แต่ชุดความคิดและอุดมการณ์อันแรงกล้าที่โกเรงซึมซับกลับเป็นสิ่งที่ช่วยชุบชีวิตให้เธอมีตัวตนอีกครั้ง ดังคนตายที่มีชีวิตโลดแล่นอยู่ในความทรงจำ ทั้งในแง่ของประเพณีความเชื่อดั้งเดิม และการถ่ายทอดความเชื่อและแนวคิดจากรุ่นสู่รุ่น
แต่ถึงกระนั้นมูลเหตุการตายของตรีมากาซีและอิโมกิรีนั้นยังคงไม่ชัดเจนเท่าความตายของบาฮาเร็ต การตายของชายผิวสีเป็นดั่งบทสรุป และเส้นด้ายที่ช่วยขมวดแนวคิดดังที่กล่าวมาเมื่อข้างต้นนี้ให้เป็นรูปธรรม รวมถึงเชื่อมโยงมันเข้ากับการดำเนินเส้นเรื่องตามอย่างวรรณกรรมอมตะที่ช่วย Shaped ความคิดของโกเรงให้สมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น
ดังที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่าความสูญเสียในครั้งสุดท้ายสำคัญที่สุด
บทบาทและความตายของบาฮาเร็ตจึงเป็นเครื่องยืนยันการเปรียบเปรยตอนจบของเรื่องกับ Don Quixote ได้อย่างงดงามหมดจด โดยให้ดอนและโกเรงมีความกลมเกลียวอันเป็นหนึ่งเดียวกันในการเป็นตัวแทนผู้ซึ่ง Represent ถึง Idealistic และชายผิวสีจะกลายเป็นฝั่งฟากตรงกันข้ามอย่าง Realistic ที่ในบทประพันธ์อ้างอิงไว้กับซานโช่ เด็กรับใช้ อย่างที่เข้าใจโดยทั่วกัน
ดังเมื่อในยามย่ำรุ่ง ดอนได้ลืมตาตื่นขึ้นเพื่อพบว่าการผจญภัยทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความฝัน ทั้งม้าขาหัก เกียรติยศ ความมุ่งมั่นอันแรงกล้า หรือแม้กระทั่งเด็กรับใช้ก็ได้ถูกมวลคลื่นแห่งความเป็นจริงชะล้างจนเลือนหายความตายของตัวแทน Realistic อย่างบาฮาเร็ตจึงสามารถตีความได้ว่า เมื่อความจริงนั้นมาถึงจุดสูญสิ้น จะหลงเหลือแค่เพียงอุดมคติที่ยังคงอยู่ แม้ว่าจะสูญเสียแม้กระทั่งตัวตน แต่อุดมการณ์จะยังคงถูกเล่าขานส่งต่ออย่างไม่มีลืมเลือน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in