แล้วผงซักฟอกก็กระเซ็นเต็มพื้นห้องน้ำไปหมด "โว๊ะ" ฉันสบถ "
ตาแข็งไม่พอ ยังค้อนขวางใส่
เจ้าอารมณ์ใจจะขาด คนประเภทนี้มันห่วยแตก ถ้าฉันยังมีพ่อแม่อยู่ มันจะดีกว่านี้ไหมนะพวกเขาจะรับได้ในสิ่งที่ฉันเป็น หรือมันอาจไม่ต่างไปกว่านี้
จะเรียกว่าท้วมก็ไม่ผิดนัก รูปตาไม่เฉี่ยวคมน่าดึงดูดหรือสวยแพงแบบคนเทคฮอร์โมนหวาน ๆ หรอก
เลิกวาดภาพกันไปเลย เพราะปกติฉันก็แทบจะไม่ได้ดูแลตัวเองอยู่แล้วต้องตรากตรำซักผ้า ตากผ้า อบแห้ง
โอ๊ย! สมองฉันปวดตุบ ๆ
ไหนจะแรงงานที่มาซักผ้าอยู่กับฉัน วัน ๆ เอาแต่บ่นน้อยใจในโชคชะตา ความเศร้าของฐานะ
หารู้ไม่ คนดันทุรังคือคนที่นั่งฟังต่างหาก
ฉันถามแกหน่อยสิ แกว่า...ชีวิตคนเรา มันจะตกต่ำไปได้ลึกถึงแค่ไหนเหรอเพราะความตกต่ำ
(อาจยังไม่ถึงที่สุด) ของฉันก็คงจะเป็นขณะนี้ ที่มันทรมานใช้ได้เลยทีเดียว
ตั้งแต่ย่าคานางจับได้ว่าฉันแต่งหน้าและมีฝูงเพื่อนเพศเดียวกันอยู่ที่โรงเรียนฉันก็แทบจะไม่เคยออกไปข้างนอกให้แดดกระทบผิวเลย อยู่ในห้องซักล้าง แต่ก็เหมือนอยู่ในลูกกรงเพราะอะไรน่ะเหรอ
มีเวลาฟังฉันสักเดี๋ยวไหม ฉันจะกรอเทปให้
หลังจบงานศพพ่อแม่ คู่สมรสที่หล่อเลี้ยงร่างกายด้วยน้ำสุรา
นางส่งฉันเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมชายล้วน โดยการข้ามชั้นประถมไปเลย อย่างว่าตัวคนเดียวแถมว่างงาน
มีเพียงเบี้ยเลี้ยงคนชรากับการเก็บค่าเช่าตึกรายเดือนห้าหกหลัง ส่งฉันเรียนได้
ก็เป็นบุญหัวแก่ตัวเท่าไหร่แล้ว
ฉันจำได้ว่าตอนเด็ก ย่าคาแกดูรักฉันมาก ด้วยเชื้อสายลูกผสมไทยจีนนางก็เลยชอบเด็กผู้ชาย
เป็นพิเศษ ตามความเชื่อที่เขาว่ากัน หากมีลูกชายเกิดที่บ้านไหนแล้วยิ่งเป็นลูกชายคนโต หรือเป็นลูกชายทั้งบ้านก็ยิ่งดีเขาบอกผู้หญิงไม่มีประโยชน์อะไรมากแก่วงศ์ตระกูลนัก
น่าเสียดายฉันดันรู้ว่าตัวเองชอบมองย่าแต่งหน้ามาตั้งแต่จำความได้แล้วฉันชอบเอาส้นสูงย่ามาใส่ ชอบที่จะลองเสื้อผ้าของย่า ย่าก็หัวเราะชอบใจเพราะคิดว่าฉันก็คงเล่นอะไรตามประสาเด็กจึงไม่ได้ใส่ใจ
แต่กระพริบตาอีกครั้ง แปรงขนาดเท่าพู่กันก็อยู่ในมือฉันแล้วฉันมีบลัชออนชิ้นแรกจากเพื่อนชะนี
ข้างโรงเรียนที่สนิทกัน มันมีสีชมพูปนน้ำตาลเคลือบสีทองเป็นประกายฉันชอบมันมากจนวางไม่ลง
ยิ่งนานไป ฉันก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองชอบสิ่งที่เป็นผู้หญิงแทบทั้งนั้น จริตจะก้านฉันก็เลียนแบบเขาแล้วร่ายรำมันออกมาจนเหมือน
ฉันเข้าไปอยู่ใต้ชายคาเดียวกับแก๊งกะเลยแก๊งหนึ่งในโรงเรียนชื่อแก๊งพินาศ เพราะไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรคนรอบเขาพากันหนีกระเจิงกันหมด ก็ดีนะ ที่ตรงนั้นจะได้มีแค่เราที่เฉิดฉายค่ะสมาชิกก็จะมีอีกี้ (กร) อีตาแป๋ว (โตนด) อีพริก (พงศ์) อีเชอเอม (ชาติ) ฟังดูแจ๋วเนอะเรามีชื่อเรียกแทนกัน
เพื่อเพิ่มความเป็นสาวในตัว ทุกครั้งที่รวมแก๊ง ฉันจำได้เพียงเสียงหัวเราะแหลมสูงกับตาสองข้าง
ที่โค้งตามรูปปากยิ้มกว้างของพวกเรา
ตอนเช้าก่อนเข้าโรงเรียน เราก็จะไปกองกันที่ห้องน้ำวัดข้าง ๆกระจุกกันอยู่หน้ากระจกห้าหน่อ
อีกี้ก็จะชอบดึงกางเกงขึ้นสูง ๆ ไม่รู้จะสูงไปไหนสั้นจนของลับมันจะโผล่ แล้วก็ชอบทำเข็มขัดให้หลวม ๆก็นังนี่ตัวเล็กและผอมแห้งกว่าเพื่อน เรียวขามันน่างับที่สุดส่วนอีเชอเอมอีพริกก็ผลัดกันแต่งหน้าเซตผม
พวกมันชอบพกกิ๊บสีแสดกันมาเป็นแผงแล้วเที่ยวขายเพื่อนกะเลยที่มีในทุกช่วงชั้นไม่เคยโดนครูวินัยจับได้ซักที ส่วนฉันก็จะชอบทาแป้งผงเด็กบาง ๆด้วยแปรงคู่ใจที่ได้มาจากตลาดนัด ฉันหวงมากเพราะเก็บเงินซื้อด้วยตัวเองอยู่ค่อนเดือนส่วนอีตาแป๋วน่ะหรอ อีนี่มันเนิร์ด ชอบชะเง้อคอมอง เดินเฝ้าเวรยามอยู่หน้าประตูห้องน้ำกลัวคนจะผ่านมาเจอเลยไม่ได้ใส่มงกุฎกับใครเขา
ฉันแทบไม่เคยมีความกังวลหม่นหมองอะไรในใจเลย เพราะเมื่อถึงเวลากลับบ้านฉันก็แค่แต่งตัวให้เหมือนตอนจากมา ย่าคาจึงไม่เคยสงสัย แต่อกเอ๋ยอกเอย วันนั้นนางบังเอิญมาเจอฉันเดินเล่นอยู่ในห้างหลังเลิกเรียนฉันระเริงใจขั้นสุดเวลาอยู่ในแก๊ง ออกไม้ลายมือเต็มที่บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยเครื่องสำอาง
สีจัดจ้าน หลังจากนั้นมหันตภัยก็เข้ามาพัดและสูบเอาทุกอย่างไปจนหมดนางพุ่งปรี่เข้ามาหยิกฉันด้วยความโมโหแล้วทุบตีฉันกลางห้างนั้น ฉันร้องไห้และยกมือไหว้ขอโทษใหญ่ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นก่อนพ้นประตู
คือเพื่อนกะเลยที่ดึงยื้อฉันกันจนขาลาก แต่มือที่บีบแขนฉันอยู่มันช่างมีแรงหนักอึ้งเกินจะเชื่อว่าฉันยั้งมันไม่ไหว
เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน แกบังคับฉันยื่นใบลาออกแม้แต่จะเข้าไปจับมือลาเพื่อนฉันก็ทำไม่ได้ ย่าคาถูกเพื่อนบ้านนินทาให้แซดเหมือนเสียงประกาศออกโทรโข่งฉันถูกขังปิดอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหนอีก
อย่าได้พูดถึงความระทมที่ฉันต้องกลั้นเพื่อผ่านมันมาเลยเพราะถ้าฉันผ่านไปได้แล้วจริง ๆ
ฉันคงไม่มานั่งเขียนหนังสือและเรียกแกเหมือนเป็นเพื่อนอย่างนี้ ทนฟังฉันหน่อยนะฉันอาจจะมาเขียนเพิ่มอีก เพราะตอนนี้ฉันคิดถึงพวกมันมาก
พินาศจริง ๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in