เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
กอดเกล็ดสายรุ้งMind Da Hed
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากก้อนเมฆที่ท่านเรียก

  • วันนั้นอากาศหึ่งๆ เธอนั่งชันเข่าอยู่บนม้านั่งในมหาวิทยาลัยยามที่เขาบอกว่า
    “ธรรมชาติสวยกว่าผู้หญิง”

    จานบินหมุนคว้าง ไม่มีความเสียใจอะไรปะปนอยู่ในใบไม้ เธอจินตนาการถึงเส้นสายใบเลี้ยงคู่ของต้นมะม่วงและรู้สึกเกลียดรากของมัน คำพูดของเขายังคงไหลเอื่อยเฉื่อย พรมน้ำเท่าไหร่ก็กลบไม่มิดเนื้อที่หลุดรอดออกมาแล้ว 

    เขารดน้ำความสัมพันธ์ที่แตกหักด้วยวิธีนี้ 

    วันต่อมา เธอเขียนจดหมายบอกเลิกในเชิงบอกเล่า ปากเปล่า บอกว่า จะเลิกกับเขาไปคบกับธรรมชาติ
    จินตนาการได้ถึงข้อต่อเลื่อนหลุดตั้งแต่ยังไม่เริ่มจัดกระเป๋า เธออยากลื่นไถลไปตามผืนดินขั้นบันได ไม่รกชัฏ แต่ไหวตัวไม่ทันและไม่จบไม่สิ้น ผู้หญิงแย่กว่าตรงที่ขุดเรื่องเก่าๆ และไม่จบไม่สิ้น เธอไม่เห็นว่าก้อนดินจะต่างกันตรงไหน 

    วันหนึ่งมันก็พังทลายลงในประสาทรับรู้ของทุ่งหญ้าเหมือนกัน

    ตีนดอยพร้อมรองเท้าคอนเวิร์สสีขาวราคาไม่ถึงพัน ระยะทางหกกิโลเมตรครึ่ง ลมหายใจหอบถี่ ดวงตาเหนี่ยวรั้งให้ตัวเองหยุดตัวเอง 

    แต่เธอไม่หยุด เธอสะพายเป้พร้อมกับหนังสือชุดประดาน้ำที่จะทำให้ตัวจมลงกับธรรมชาติ ต้นไม้สูงลิ่ว แต่แคระแกร็น นกน้อยที่ส่งเสียงดังแต่ไม่เพราะ ต้นหญ้าที่โง่เง่า แต่ดูดีในกล้องฟิล์มพกพาเท่านั้น คำของเขายังสะท้อนกลับไปกลับมาในหัวเธอ ธรรมชาติกับผู้หญิงมันทดแทนกันไม่ได้

    เดือดดาล เดือดดาล เดือดดาล

    เริ่มจากทางกว้าง 1 ไม้บรรทัด ไล่ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ต้นหญ้าโง่เง่ารั้งท้ายเต็มไปหมด 

    เธอไปคนเดียว สวมตุ้มหูรูปกรรไกรที่เขาเคยซื้อให้ มันใช้ตัดทางไปขึ้นยอดสูงสุดไม่ได้ แต่ใช้ตัดความสัมพันธ์ได้ขาดฉึบ

    ขาซ้ายเธอเริ่มหนึบหนับ เหงื่อพลิ้วไสว ไม่มีใครรู้ว่ามีใครอยู่ตรงนั้น เธอไม่ได้เหนื่อย แค่รำคาญความเงียบ และชุดประดาน้ำที่แบกอยู่บนหลัง มันไม่ได้จำเป็นเลย เหมือนความสัมพันธ์แห้งๆ และลมเหี่ยวๆ ที่เจออยู่ตอนนี้ ใจพลันนึกไปถึงคาซูโอะ อิชิกุโระกับชื่อเรื่องแสนทรมานใจ
    NEVER LET ME GO 

    หลังพิงหินยาวครึ่งตัว สายตาเริ่มฟ้าฟางจนเมฆลอยต่ำเหนือแพขนตา เธอคาดเอาเองว่าเดินมาได้ครึ่งทาง จิบน้ำไปสามครั้ง พักตามแรงล้าของกล้ามเนื้อขาซ้าย

    ขาซ้ายนี่เองที่เป็นปัญหา ครั้งนั้นเขาก็ต้องแบกเธอขึ้นหลังเพราะเธอปวดขาซ้ายอย่างไร้สาเหตุ เขาแบกเธอเดินเลียบไปตามฟุตบาท ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด และไม่มีทีท่าว่าจะถึงปลายทาง 

    เธอเจ็บแปลบที่ใบหูด้านซ้าย ตุ้มหูรูปกรรไกรกำลังตัดเนื้อในอย่างเงียบๆ และปวดร้าว

    เธอไม่สวมหมวก แสงอาทิตย์จึงแยงกระบอกตาเมื่อใดก็ตามที่เล็ดรอดผ่านกกไม้มาได้ มือขวาเธอมีรอยถลอกเป็นปื้นเพราะโดนแสงส้มกระแทกตอนกำลังก้าวขาปีนหิน เซหงายหลังพร้อมล้มทับกระบอกน้ำ ฝ่ามือรั้งหินไว้จึงปอกเปิกจนชา

    ธรรมชาติสวยกว่าผู้หญิง เพราะผู้หญิงไม่ระวังตัว หาเรื่องจนทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อตัวเองบ่อยๆ พอเจ็บก็โทษนั่นโทษนี่ และไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่มีเสน่ห์เหมือนสตรีในโลกคู่ขนาน หรือชายแดนด้านใต้และทางตะวันตกของดวงอาทิตย์ 

    เธอหอบแฮ่ก เมื่อมาถึงเนินหญ้าราบเรียบ ต้นพญาเสือโคร่งแผ่สีชมพูโบกไหว สวยแค่กึ่งหนึ่งของสมุดโน้ตเย็บเอง หยดเหงื่อไหลผ่านข้างตาเหมือนร้องไห้ ไอหนาวเริ่มทักทาย หัวใจเต้นระบำที่กกหู เธอไม่ตื่นเต้น เป้บนบ่าไร้น้ำหนักล่องลอย เธอรู้สึกถึงเสียงรัวกลองจากด้านใน 

    มีใครกำลังร้องเพลง

    เธอก้าวขาวิ่งขึ้นและลงตามทางแคบ ชัน อยากตะโกนว่าพอ ขาซ้ายบอกให้หยุด เธอวิ่งเองไม่มีใครแบก ไม่มีสเก็ตบอร์ด มีแต่ตัวเองทำซาวด์แทร็กให้ตัวเอง หนังร้าวรานในเมืองลับแลภูเขาที่ไม่มีใครอยากดู โปรเจ็กเตอร์เป็นท้องฟ้าหน้าตายู่ยี่ คอยสูบบุหรี่ออกมาเป็นเมฆผุยๆ ที่เอาแต่บอกว่า "ไม่ผ่านๆๆๆ" 

    เธอไม่ผ่าน ไม่มีวันผ่าน ธรรมชาติสวยกว่าผู้หญิง 

    ไอร้อนสะบัดพรมแทนไอเย็น ยอดสูงสุดกระพรือลมให้เห็นเมล็ดจักรวาล แผนที่ความทรงจำของเธอทำงาน ครั้งหนึ่ง ณ ที่แห่งนี้ เขานั่งอยู่บนโขดหิน อ่านหนังสือแปลกๆ หัวเราะ นิ่งงัน และเต้นท่าประหลาดบนยอดเนิน ข้างๆ ซอกหินมีต้นไม้เกาะน้ำค้างกินฟิล์มอยู่ตรงนั้น 

    เธอถ่ายรูปมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า นับเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันเป็นวินาที ตุ้มหูรูปกรรไกรตัดสายใจบางๆ ไม่ขาดง่ายๆ 

    เธอป้องปากใส่กลุ่มฝนจากดอยอื่น ชี้หน้าต้นสนที่สูงลิ่วและทำหน้าตาเหมือนกันราวกับโลกนี้ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว ไม่มีใครได้ยินกันและกัน แม้แต่เธอก็ไม่ได้ยินเสียงของตัวเองอีกต่อไป พายุหมุนข้างในยังรัวกลอง คำพูดน้อยของเขายังติดหู เธอเริ่มถอดสลัก ก่อไฟ ลงมือกินเจลลีแบร์ที่ติดตัวมา เพราะเขาเคยบอกว่า

    มันจะทำให้หายหูอื้อ






เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in