เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I ROAM ALONE — TREKKING THROUGH SOUTH AMERICABANLUEBOOKS
Chapter 04: วันเตรียมตัวและความปรารถนาในจิตสำนึก
  • “บอกไว้ก่อนว่าพรุ่งนี้เช้าคงไปขึ้นภูเขาไฟไม่ได้นะ อากาศไม่ดีเลย ทัวร์ยกเลิกหมด คิดว่าคงต้องรอวันถัดไป” อันเดรอาสน้องชายเจ้าของโฮสเทลบอกตั้งแต่เมื่อคืนตอนที่ฉันเช็กอิน

    เขารีบชิงบอกก่อนทั้งที่ฉันยังไม่ได้ถาม เพราะทุกคนที่มาเมืองนี้ส่วนใหญ่มีเป้าหมายเดียวกัน คือการขึ้นภูเขาไฟบียาร์ริกา

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้เดินเล่นรอบๆ เมืองไปก่อนก็ได้” ฉันแบกเป้ขึ้นห้องนอนด้วยความเหนื่อยล้า

    ฉันตื่นราวๆ แปดโมง ลงมาข้างล่างก็เจออันเดรอาสนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ห้องรับแขก

    “อรุณสวัสดิ์” ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มกว้าง

    “เป็นไงบ้าง หลับสบายมั้ย?”

    “สบายดี แต่ตอนกลางคืน ข้างนอกนี่เสียงโช้งเช้งน่าดูเหมือนกันนะ” ฉันตอบยิ้มๆ

    “อืม...น่าจะเป็นเสียงจากบาร์ข้างล่าง คนชิลีเค้าปาร์ตี้กันหนัก” เขาตอบพลางหัวเราะน้อยๆ

    “แล้วพี่ชายเธอล่ะ?” ฉันถามเขาเพราะจากที่อ่านรีวิวโฮลเทลนี้มา มีแต่คนพูดถึงความเป็นเจ้าบ้านแสนดีของโฆเซ่และน้องชาย

    “อ๋อ ยังหลับอยู่เลย เมื่อคืนปาร์ตี้หนักไปหน่อย เดี๋ยวบ่ายนี้คงได้เจอละมั้ง” อันเดรอาสอธิบาย

    ในใจตอนนั้นก็ ‘เอ๊ะ! อะไรกัน’ ไปนิดนึง แต่คิดว่าคืนวันศุกร์ เขาคงออกไปหาความสนุกบ้าง จากนั้นเราสองคนก็คุยกันอีกหน่อย ฉันขอแผนที่และสอบถามเส้นทางในเมืองเล็กน้อย แล้วก็พร้อมออกเดินเตร็ดเตร่ในเมือง
  • จุดหมายแรกคืออากวาเบนตูร่า (Aguaventura) เอเจนซี่จัดทัวร์ผจญภัยทั้งหลายแหล่ ทั้งปีนภูเขาไฟ ล่องแก่ง ขี่ม้า และขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ฉันไปที่นี่เพื่อจองทริปปีนขึ้นภูเขาไฟบียาร์ริกาในวันรุ่งขึ้น หนุ่มฝรั่งเศสผมบลอนด์ตัวเล็กๆ หน้าเคาน์เตอร์อธิบายรายละเอียดต่างๆ นานาให้ฟังว่า ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรมาบ้าง เสื้อผ้าแบบไหน น้ำกี่ขวด ใช้เวลานานแค่ไหน และราคาเท่าไหร่

    รายละเอียดคร่าวๆ ของการขึ้นภูเขาไฟคือ ขาขึ้นใช้เวลาเดินประมาณ 3-4 ชั่วโมงบนหิมะ ถ้าเจอน้ำแข็งจะต้องใส่ตะปูยึดรองเท้า ส่วนขาลงก็สไลด์ตัวลงมากับหิมะราวสองชั่วโมง อุปกรณ์สำคัญๆ อย่างตะปูยึดรองเท้าไว้เดินบนน้ำแข็ง (Crampon) ขวานเล็กๆ หมวกกันน็อก รองเท้า ชุดหมีสำหรับขาลง และเป้ ทางบริษัทจะเตรียมให้

    เราต้องเตรียมเครื่องกันหนาว น้ำสองลิตร และอาหารไปเอง ส่วนความยากนั้น เขาบอกว่าถ้าฟิตในระดับหนึ่งแล้วก็โอเค เพราะจะมีไกด์หนึ่งคนต่อนักท่องเที่ยวสามคน ฉะนั้นถ้าใครไม่ไหวอยากลงก่อนกลางทางก็จะมีคนพาลง

    ฉันฟังๆ จดๆ คิดว่าดูปลอดภัยใช้ได้ เลยตกลงจ่ายเงินจองทันที

    “พรุ่งนี้เจอกันตอน 5.45 น. นะครับ” หนุ่มฝรั่งเศสคอนเฟิร์มเวลา

    “โอเคค่ะ” ฉันตอบเขาแล้วเดินออกมา
  • เมื่อจัดการภารกิจของการมาที่เมืองปูกอนเรียบร้อย ก็มาถึงภารกิจท้องไส้ ฉันเดินตามแผนที่ไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อตุนเสบียงสำหรับพรุ่งนี้และอาหารการกินสำหรับวันนี้ ทั้งน้ำขวดใหญ่สองขวด ช็อกโกแลต ขนมปัง แฮม ไส้กรอก มะเขือเทศ พาสต้า และแครอท หลังจากนั้นก็เดินเอาของไปเก็บที่พัก ทำพาสต้าผัดไส้กรอกกับแครอทกิน นั่งคุยกับอันเดรอาสเล็กน้อยแล้วก็ไปเดินเล่นในเมือง

    “เดินไปที่ทะเลสาบด้วยนะ สิบห้านาทีก็ถึง” อันเดรอาสเสนอไอเดีย

    “โอเค ไอเดียดี งั้นเดี๋ยวจะรอจนพระอาทิตย์ตกเลย”

    บรรยากาศของเมืองปูกอนต่างจากเมื่อคืนลิบลับ เพราะตามถนนมีผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ บ้างนั่งจิบกาแฟ กินอาหารริมทาง ร้านรวงหลายแห่งนำป้ายกระดานดำเขียนคำเชิญชวนออกมาตั้งไว้ ถนนเส้นเล็กๆ ที่ทอดไปยังทะเลสาบบียาร์ริกา มีร้านเล็กๆ เป็นเพิงไม้ขายของที่ระลึก ตั้งอยู่กลางถนนตลอดแนว สินค้ามีทั้งผ้าพันคอ ถุงมือ หมวกไหมพรม เสื้อผ้า รูปปั้นไม้และของกระจุกกระจิกหลายอย่าง ฉันเดินไปแวะไปอย่างไม่รีบร้อน ผ่านไปสองชั่วโมงแบบเพลินๆ ก็มาถึงทะเลสาบพอดี


    ถึงตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกสองสามชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตก ฉันจึงเดินไปนั่งตรงขั้นบันไดหิน สะบัดรองเท้าออก แล้ววางเท้าจุ่มลงไปบนทรายละเอียดนุ่มสีดำสนิทที่ทอดยาวไปตามริมทะเลสาบสีน้ำเงินตุ่นๆ ริมทะเลสาบมีลูกเล็กเด็กแดง เพื่อนฝูง คู่รัก พากันมาเดินเล่น ส่วนฉันนั่งอ่านหนังสือและมองอะไรไปเพลินๆ

    พอมีเวลาอยู่กับตัวเอง ได้หยุดคิดทบทวนถึงการขึ้นภูเขาไฟในวันพรุ่งนี้ ก็พบว่าตัวเองรู้สึกดีนะที่วันนี้ไปขึ้นภูเขาไฟไม่ได้ เพราะจริงๆ ใจมันยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ ออกจะรู้สึกกลัวด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าจะไหวรึเปล่า

  • ฉันไม่ใช่คนแข็งแรงอะไร การออกกำลังอย่างเดียวในชีวิตคือโยคะ ซึ่งก็กระปอดกระแปดไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แถมเป็นคนขี้กลัว กลัวตาย กลัวความสูง กลัวความมืด กลัวที่แคบ และประสบการณ์การขึ้นเขาน้อยมาก

    ล่าสุดที่ไปขึ้นเขาก็นู่นแน่ะที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งผ่านมาหลายเดือนแล้ว แถมครั้งนั้นมีครอบครัวของอเล็กซ์และเพื่อนชาวเยอรมันคอยประคับประคองดูแล ทั้งยืนรอ ช่วยถือเป้ ช่วยผลักช่วยดันไปจนถึงยอดเขา ซึ่งกว่าจะไปถึงก็เรียกว่าเจียนตาย แต่ครั้งนี้ฉันอยู่คนเดียว ไม่มีกำลังใจหรือกำลังแรงจากใครอีกแล้ว มีแค่จากตัวเองเท่านั้น

    ความลังเลสงสัยในความสามารถของตัวเองพุ่งเป็นกราฟสูงขึ้นเรื่อยๆ จะทำได้มั้ย ไม่ไหวแล้วจะทำยังไง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาแล้วใครจะลากเราลงมา ดูแลตัวเองไหวเหรอ กำลังกายมีพอรึเปล่า นี่คือความบ้าที่ไร้เหตุผลหรือไม่ คำถามเหล่านี้ผุดขึ้นมามากมายในสมอง

    ‘แกบ้าแล้วไอ้มิ้นท์ ตายกลางทางแน่แก ทำไมไม่รู้จักประมาณตน’

    ยิ่งคิด...ก็ยิ่งกลัว

    พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ฟ้าเป็นสีส้ม ความมืดคืบคลานเข้ามาปกคลุมท้องฟ้าและทะเลสาบ นอกจากนั้น ความมืดยังแทรกตัวเข้ามาในจิตใจของฉันด้วย ความกลัวคือศัตรูสำคัญที่สุดในตอนนี้ พรุ่งนี้ขอให้อากาศแย่อีกสักวัน จะได้เป็นข้ออ้างให้กับตัวเองที่จะยอมแพ้และไม่ต้องขึ้นภูเขาไฟ

    ณ เวลานี้ ฉันตระหนักแล้วว่าความกลัวคือสิ่งที่ไร้รูปร่าง แต่มีพลังมากมายที่จะผลักให้มนุษย์คนหนึ่งหกล้มและเดินไปไม่ถึงจุดหมายที่ตั้งใจ

    ตอนนี้ในจิตใจของฉัน คือสงครามระหว่างความกล้ากับความกลัว ซึ่งยังไม่รู้เหมือนกันว่าสุดท้ายใครกันแน่ที่จะชนะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in