เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
หนังหนึ่งคืน | OnenightCinemaOnenightz.
Happy New Year, Darling
  • Sunset Blvd. (1950) ???
    Director : Billy Wilder
    Genres : Drama ,Film-Noir
    My Score : 8.5 / 10
    [ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาว 1 ชั่วโมง 50 นาที]
    .
    ℹ [บทความนี้เป็นการบรรยายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์]
    .
    ... How It Started

    - ภาพยนตร์เปิดภาพของรถตำรวจที่กำลังแล่นไปตามถนน Sunset Boulevard ซึ่งเป็นถนนที่มีชื่อเสียงเส้นหนึ่งของนครลอสแองเจลิส ที่ๆพบร่างไร้ชีวิตของชายวัยกลางคนชื่อ Joe Gillis (William Holden) ลอยอยู่ในสระว่ายน้ำของคฤหาสน์อันโอ่อ่า ขณะที่ตำรวจและสื่อมวลชนรวมตัวกันเพื่อสืบคดีและทำข่าว โจประกาศผ่านเสียงบรรยายถึงความปรารถนาที่จะเล่าเหตุการณ์ที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมภายในชีวิตของเขาอย่างตรงไปตรงมา โดยเกริ่นไปว่า “เรามาย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 6 เดือนที่แล้ว ในวันที่ทุกอย่างเริ่มต้นกันดีกว่า”
    - เรื่องราวย้อนกลับไป 6 เดือนก่อนหน้านั้น โจ กิลลิส ชายวัยกลางคนผู้ดำรงชีพด้วยอาชีพนักเขียนบทที่ต้องดิ้นรนกับชื่อเสียงที่ไม่แพรวพราวสักเท่าไหร่ ทำให้งานไม่ค่อยตกมาถึงมือเขา โจพยายามจะเจรจากับ Sheldrake (Fred Clark) โปรดิวเซอร์ผู้ทรงอำนาจของสตูดิโอภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Paramount Studio เกี่ยวกับการซื้อบทภาพยนตร์เรื่อง Bases Loaded ซึ่งเป็นผลงานล่าสุดของเขา แต่การเจรจานี้ต้องถูกชะงักลงโดย Betty Schaefer (Nancy Olson) มืออ่านบทของเชลเดร้ค ซึ่งวิจารณ์บทภาพยนตร์เรื่อง Bases Loaded อย่างถึงพริกถึงขิง 
    - หลังจากพลาดโอกาสในการขายบทภาพยนตร์ โจจึงพยายามขอยืมเงินจากเพื่อนและนายหน้าของเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อเขาไม่มีเงินในมือและรถของเขาก็กำลังจะถูกยึด ทางเลือกเดียวของโจดูเหมือนว่าเขาจะต้องทิ้งชีวิตท่ามกลางแสงไฟอันสว่างไสวของนครลอสแองเจลิส กลับไปทำงานเขียนคอลัมน์ในหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อหาเศษเงินไว้ประทังชีวิตในบ้านเกิดที่โอไฮโอแทน
    - ระหว่างทาง โจได้พบกับพนักงานเร่งรัดหนี้ที่จะมายึดรถของเขา ทำให้เขาหนีจากการไล่ล่านี้ไปทั่วเมือง แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเขาสักเท่าไหร่ ยางรถได้ระเบิด ทำให้เขาเลี้ยวรถเข้าไปหลบในตรอกที่ยาวถึงตัวคฤหาสน์หรูแห่งหนึ่งบนถนน Sunset Boulevard 
    - สถานที่แห่งนั้นเหมือนจะเคยผ่านช่วงเวลาที่รุ่งเรืองมาก่อน แต่บัดดี้ช่างดูรกร้างเงียบเหงาเหลือเกิน เขาขับรถเข้ามาตามถนนแคบๆ จนเห็นโรงรถ เขาจึงซ่อนรถไว้ในนั้น แล้วเดินเข้าไปในพื้นที่ของคฤหาสน์เพื่อชมบรรยากาศรอบๆ และก็ค้นพบว่าคฤหาสน์แห่งนี้ไม่ได้ร้างอย่างที่เขาคิด เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เธอเรียกโจ เพราะคิดว่าเขาเป็นผู้ดูแลการจัดงานศพให้ชิมแปนซีสัตว์เลี้ยงแสนรักของเธอที่เพิ่งเสียชีวิตไป ในไม่ช้า เขาถูกเชิญเข้าไปในยังตัวคฤหาสน์โดยพ่อบ้านผู้ลึกลับนามว่า Max (Eric von Stroheim)
    - โจเดินขึ้นไปตามห้องฮับภายในตัวเรือนของคฤหาสน์จนได้พบกับเจ้าของสถานที่แห่งนี้ เขาจำได้ทันทีว่าเธอคือ Norma Desmond (Gloria Swanson) อดีตดาวเด่นในวงการซึ่งตอนนี้ได้ถูกลืมเลือนไปกับการเปลี่ยนผ่านของวงการฮอลลีวูด (จากยุคภาพยนตร์เงียบเป็นภาพยนตร์เสียง) นอร์มารู้สึกแปลกใจเมื่อรู้ความจริงว่าโจเป็นมือเขียนบท เธอจึงตัดสินใจเชิญเขาให้พักอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ เพื่อให้เขาช่วยเธอพัฒนาบทภาพยนตร์ที่เธอกำลังเขียนชื่อว่า Salome นอร์มาคาดหวังไว้อย่างสูงว่าบทภาพยนตร์เรื่องนี้จะฟื้นชีวิตในอาชีพการแสดงของเธอให้โชติช่วงอีกครั้งหนึ่ง แต่สำหรับโจ เมื่อเขาอ่านบทได้ไม่กี่หน้า เขาก็คิดว่าบทภาพยนตร์เรื่องนี้มันแย่มาก แต่ด้วยความขัดสนในการเงิน ทำให้เขาตัดสินใจหาโอกาสตักตวงผลประโยชน์จากดาราอับแสงคนนี้ไปสักระยะ
    - โจได้รับการจัดแจงให้พักในห้องรับรองเหนือโรงรถ จนเช้าวันรุ่งขึ้น เขาตื่นขึ้นอย่างตกตะลึงเมื่อเขาพบว่าเสื้อผ้า หนังสือ เครื่องพิมพ์ดีดและทรัพย์สินอื่นๆของเขาย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้จนหมดแล้ว รวมถึงค่าเช่าของอะพาร์ตเมนต์เก่าที่เขาค้างชำระ นอร์ม่าก็จัดการโดยที่เขาไม่รู้
    - โจไม่ชอบที่นอร์ม่าใช้อำนาจเงินตราครอบงำเขา แต่ท้ายที่สุด เขาก็ยอมรับข้อตกลงอย่างเต็มใจ เขาตระหนักได้ว่านอร์ม่าไม่รู้ตัวว่าเธอเป็นดาราตกอับ เธอไม่รู้ว่าคนส่วนใหญ่ลืมเธอไปหมดแล้ว เธอปฏิเสธคำวิจารณ์บทภาพยนตร์ของเธอและเกลี้ยกล่อมให้โจใช้เวลาช่วงค่ำเพื่อชมภาพยนตร์เก่าๆซึ่งเป็นผลงานการแสดงของเธอ ในระหว่างนั้นเธอก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ฮอลลีวูดยุคใหม่ว่า ภาพยนตร์ในยุคนี้ขาดเสน่ห์ต่างจากภาพยนตร์ในยุคเธอที่สื่อสารอารมณ์ได้ดีกว่า เพียงใช้สีหน้าและท่าทางถ่ายทอดการแสดงออกมา ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบทสนทนาใดๆ ก็ทำให้คนดูรู้สึกถึงสารที่ภาพยนตร์กำลังสื่อได้ เธอกล่าวปนะโยคพวกนั้นออกมาอย่างเชื่อมั่นด้วยความหลงตัวเอง
    - ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ความอิสระเสรีของโจก็อันตรธานหายไป เมื่อรถของเขาโดนยึดและถูกลากออกไป ในช่วงนี้ นอร์มาค่อนข้างจะหมกมุ่นอยู่กับเขามากกว่าเก่า เธอชุบเลี้ยงเขาอย่างดี เธอมอบของขวัญ รวมทั้งสั่งตัดทักซิโด้และซื้อข้าวของแบรนด์เนมให้เขา แทบไม่มีสิ่งใดที่ชายคนนี้ปรารถนา แล้วเธอจัดการให้ไม่ได้
    ▫️
    ... From December to New Year's Eve

    - ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงเดือนธันวาคม ทำให้ห้องรับรองของโจเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนที่รั่วซึมมาจากเพดาน เขาจึงถูกทาบทามให้ย้ายเข้าไปอยู่ในห้องของอดีตสามีของนอร์มาบนคฤหาสน์หลังใหญ่ ขณะที่เขาย้ายเข้ามา โจสังเกตเห็นว่าคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีล็อคกุญแจ ยานอนหลับ รวมถึงใบมีดโกน ซึ่งแม็กซ์ได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ไม่มีสิ่งของเหล่านั้นในตัวคฤหาสน์ ก็เป็นเพราะเกิดจากสภาพจิตใจที่เปราะบางของนอร์ม่า เธอพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง แม็กซ์บอกเป็นนัยว่าเขามักจะเขียนจดหมายจากแฟนๆถึงนอร์มา เพื่อหลอกให้เธอคิดว่าตัวเธอยังคงได้รับความรักและความคิดถึงจากแฟนคลับของเธออยู่เสมอตลอดมา ก่อนที่แม็กซ์จะเลี่ยงหัวข้อสนทนานี้โดยเตือนเขาถึงงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าที่นอร์ม่ากำลังจะจัดขึ้น จากนั้นโจมองเข้าไปยังห้องนอนที่แสนหรูหราแต่สุดมืดมนของนอร์ม่า ก่อนจะพรรณนาในใจความว่า “... (มัน) ตกแต่งได้สมบูรณ์แบบสำหรับราชินีหนังเงียบ และปีศาจร้ายผู้น่าสงสารยังคงโบกมืออย่างภาคภูมิใจให้กับขบวนแห่ซึ่งผ่านเธอไปไกลแล้ว”
    - ในเวลาต่อมา โจแต่งองค์ด้วยชุดทักซิโด้ชุดใหม่ของเขา ก่อนจะลงมาจากห้องพักและพบกับ 'การเปิดเผยที่น่าอายและน่าเศร้า' ในงานเลี้ยงอันโอ่อ่า ซึ่งมีวงออเคสตราและบุฟเฟ่ต์อาหารมื้อใหญ่ไว้สำหรับเขาเท่านั้น งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าอันไร้แววของแขกเหรื่อนี้เป็นแผนของนอร์ม่าเพื่อจะเกลี้ยกล่อมให้เขาคอยอยู่ปรนนิบัติเธอ
    - นอร์ม่าขอให้โจเต้นแทงโก้ร่วมกับเธอบนพื้นห้องบอลรูมที่เพิ่งแว็กซ์ใหม่ ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมเต้นรำ นอร์ม่าเตือนโจให้นึกถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตของเธอว่า “คุณรู้ไหม พื้นนี้เคยเป็นไม้  แต่ฉันให้คนเปลี่ยนมัน วาเลนติโนพูดว่า 'ไม่มีอะไรเหมือนกระเบื้องสำหรับแทงโก้' 
    - เป็นเวลาจนเกือบ 4 ทุ่ม โจเริ่มสงสัยจึงถามนอร์มาว่าแขกจะเดินทางมาถึงเมื่อใด? นอร์ม่าตอบเขาว่า "ไม่มีแขกคนอื่นหรอก เราไม่อยากแบ่งปันคืนนี้กับคนอื่น นี่สำหรับคุณกับฉันเท่านั้น" หนึ่งชั่วโมงต่อมา โจและนอร์ม่าที่ตอนนี้นั่งอยู่บนโซฟาด้วยอาการเมากรึ่ม เธอได้เผยแผนการที่ล้นหลามสำหรับปีหน้าซึ่งรวมถึงการสร้างสระน้ำให้โจ เปิดบ้านของเธอใน Malibu ซื้อเรือให้เขาสักลำ แล้วจากนั้นก็แล่นเรือไปฮาวายด้วยกันสองคน
    - โจเห็นดังนั้นจึงประท้วงและเรียกร้องให้เธอหยุดเอาใจเขาสักที แต่ไม่ทันขาดคำ นอร์ม่าก็หยิบของขวัญให้กับโจที่เธอเตรียมมาในวันปีใหม่ให้กับเขาไป มันคือกล่องหนังที่บรรจุกล่องบุหรี่ที่ดูฟุ่มเฟือยพร้อมด้วยตลับไฟแช็กมันวาว โจแสดงท่าทีต่อต้าน แต่นอร์ม่าก็ค้านว่า “เงียบเหอะน่า ฉันรวยแล้ว รวยกว่าพวกสวะฮอลลีวูดหน้าใหม่พวกนั้นอีก ฉันมีเงิน 1 ล้านดอลลาร์ ... ฉันมี 3 ช่วงตึกที่ในเมือง ฉันมีน้ำมันในเบเกอร์ฟิลด์ สูบมัน สูบขึ้นมา มันสำหรับซื้อทุกอย่างที่เราต้องการ”
    - โจยืนขึ้นและกล่าวหานอร์ม่าอย่างโกรธเคืองว่าเธอมักจะเอาเปรียบเขา โจโจมตีความเห็นแก่ตัวของเธอโดยกล่าวว่า "คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะมาคิดเหมาเอาเองเกี่ยวกับตัวผม ... คุณคิดรึเปล่าว่าผมอาจมีชีวิตของผม มีผู้หญิงที่ผมคลั่งไคล้อยู่ ... ผมไม่เหมาะสมกับคุณเลย คุณต้องการวาเลนติโน่ ใครสักคนที่มีม้าโปโล มีอิทธิพล" นอร์ม่ารู้สึกได้ถึงการปฏิเสธ เธอยืนขึ้นและประณามโจกลับไปว่า “ที่คุณพยายามจะพูดก็คือ คุณไม่อยากให้ฉันรักคุณ พูดมาเลย" เธอตบหน้าโจ ก่อนจะรีบปลีกตัวไปที่ห้องนอนของเธอ
    - หลังเสียงของประตูที่ปิดลงอย่างดัง ก็เกิดบรรยากาศอันตึงเครียดที่เคล้ากับเสียงเพลงจากวงออร์เคสตราที่ยังคงเล่นไม่เลิก แม็กซ์ไม่ชอบใจสิ่งที่โจปฏิบัติต่อเจ้านายของเขาเมื่อสักครู่ โจประเมินสถานการณ์สักพักก่อนจะหยิบสวมเสื้อคลุมราคาแพงและเตรียมตัวจะออกจากคฤหาสน์ ในขณะที่เขาหุนหันจะออกจากสถานที่แห่งนั้น พวงกุญแจที่ติดกับลูกบิดประตูก็ยิ่งสร้างอารมณ์โมโหร้ายให้กับเขา โจจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าเขาจะอยู่ในที่ที่มี "...คนในวัยเดียวกับผม ผมต้องได้ยินใครสักคนหัวเราะอีกครั้ง" และจะไม่กลับมายังคฤหาสน์ชวนประสาทเสียแห่งนี้อีก
    - เมื่อไม่มีรถ เขาจึงโบกรถที่ผ่านไปผ่านมาเพื่อไปยังงานเลี้ยงวันสิ้นปีที่ครึกครื้นและพลุกพล่านซึ่งจัดโดยผู้ช่วยผู้กำกับ Artie Green เพื่อนคนหนึ่งของโจ อาร์ตี้ตกใจที่เห็นโจ เขาถามโจว่าโจหายไปไหนมา โจตอบว่า “ในป่าลึก (A Deep Freeze)” อาร์ตี้จึงพูดติดตลกว่าเขาเกือบจะแจ้งความเรื่องโจต่อสำนักงานผู้สูญหายในฐานะ “นักเขียนบทผู้โด่งดัง ผู้ร้ายลักลอบขนยูเรเนียม ผู้ต้องสงสัยแบล็กดาห์เลีย (คดีฆาตกรรมต่อเนื่องในยุค 40s)” เมื่อการล้อเล่นจบลง โจจึงขอความช่วยเหลือจากอาร์ตี้ ว่าเขาสามารถอาศัยที่บ้านของอาร์ตี้สักสองสามสัปดาห์ได้ไหม? และอาร์ตี้ก็เสนอโซฟาเป็นที่นอนให้แก่เขาอย่างไม่เห็นแก่ตัว
    - โจได้พบกับเบ็ตตี้คนอ่านบทอีกครั้ง ซึ่งเธอได้เผยว่าตอนนี้เธอกำลังคบหากับอาร์ตี้อยู่ เบ็ตตี้ยอมรับว่าเธอรู้สึกผิดที่ได้วิจารณ์บทภาพยนตร์ของโจต่อหน้าโดยเธอไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เธอกลับไปอ่านบทภาพยนตร์อื่นๆของเขา เธอบอกกับโจว่าบทภาพยนตร์เรื่อง Dark Windows ของเขา 6 หน้าเป็นบทภาพยนตร์ที่ดีหากปรับปรุงสักเล็กน้อย ด้วยเสียงทึนทึกของบรรดาแขกในงานสังสรรค์ พวกเขาทั้งสองก็ย้ายไปที่ห้องน้ำเพื่อ 'คุยเรื่องงาน (Shop Talk)' เบ็ตตี้พูดถึงช่วงสั้นๆของบทภาพยนตร์ที่เธอประทับใจ ซึ่งเป็นเรื่องราวในอดีตที่อิงจากประสบการณ์ในชีวิตจริงของโจกับครูคนหนึ่งของเขา เธอรู้สึกว่าบทช่วงนั้นมันจริงและกินใจ ซึ่งโจตอบกลับอย่างประชดประชันว่า “ใครต้องการความจริงและกินใจกัน?” ก่อนทั้งสองจะล้อเลียนกันไปมาอย่างเสน่หา จนถูกขัดจังหวะ เมื่อโจต้องออกไปโทรศัพท์ เขาสัญญากับเบ็ตตี้ว่าเขาจะกลับมา คุณจะรอผมไหม? และเบ็ตตี้ก็ตอบกลับไปว่า "ด้วยหัวใจที่เต้นระรัวเลยละ"
    - เมื่อโจต่อสายไปยังคฤหาสน์เพื่อขอให้แม็กซ์จัดของให้เขา เพราะเขาตัดสินใจจะย้ายออกจากคฤหาสน์ในเร็ววันนี้ แต่แม็กซ์กลับปฏิเสธคำขอและบอกกับโจว่าเขาไม่มีเวลาเตรียมสัมภาระให้เพราะมีหมอมาที่คฤหาสน์เพื่อดูแลนอร์ม่า ซึ่งเธอกรีดข้อมือด้วยใบมีดโกนที่เธอแอบหยิบมาจากของใช้ของโจ โจตกใจกับเหตุการณ์ที่ได้ยิน แล้วเขาก็พุ่งพราวออกจากงานสังสรรค์นั้นเพื่อกลับไปยังคฤหาสน์ทันที ซึ่งสร้างความงุนงงให้กับเบ็ตตี้และอาร์ตี้อย่างมาก
    - เมื่อเขามาถึงโถงคฤหาสน์ นักดนตรีจากวงออร์เคสตราที่นอร์ม่าจ้างมาก็ยังคงบรรเลงบทเพลงอย่างไม่ใส่ใจโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์แห่งนี้ โจรีบขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อดูอาการนอร์ม่า ซึ่งเธอกำลังนอนซมอยู่บนเตียงพร้อมกับผ้าพันแผลซึ่งซ้อนกันหลายทบจนไม่เห็นข้อมือของเธอ
    - โจถอดรองเท้าให้นอร์ม่าอย่างทะนุถนอมก่อนจะถามเธอว่า "ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆแบบนั้น" นอร์มาสะอื้นไห้และตอบกลับไปว่า "หลงรักคุณต่างหากที่เป็นเรื่องโง่" จากนั้นโจก็เกิดข้อสงสัยว่าพาดหัวข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์จะพูดถึงเธออย่างไรหากการพยายามฆ่าตัวตายของเธอประสบความสำเร็จ “ต้องเป็นพาดข่าวพาดหัวที่น่าสนใจแน่ๆ 'ดาราผู้ยิ่งใหญ่ฆ่าตัวตายเพราะนักเขียนไร้ชื่อ'” ช่างเป็นเรื่องที่น่าละอายใจเหลือทน
    - โจพยายามปลอบโยนนอร์ม่าและบอกกับเธอว่า "คุณเป็นคนเดียวในเมืองเหม็นโฉ่นี่ที่ดีกับผม" แถมเขายังสารภาพด้วยว่าเขากุเรื่องที่เขามีแฟนเขึ้นพียงเพราะเขาเข้าใจผิดคิดว่านอร์ม่าไม่หวังดีต่อเขา นอร์ม่าปิดตาของเธอด้วยมือที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผล ก่อนจะรับรองกับเขาว่าเธอจะพยายามฆ่าตัวตายอีกครั้ง หากรับรู้ข้อเท็จจริงนี้อีก  ขณะที่บทเพลง 'Auld Lang Syne' เริ่มบรรเลง โจเขยิบตัวเข้ามาที่เตียงและอวยพรปีใหม่ให้กับเธอ เธอตอบกลับว่า “สุขสันต์วันปีใหม่ที่รัก (Happy New Year, darling)” และโอบลำตัวเขาให้โน้มลงมาที่เธอ โจยอมรับสัมผัสนั้น โดยเกิดการจำนนในความคิดว่าเขาต้องยอมเป็นเพื่อนนอน (Gigolo*) ให้กับนอร์ม่า เพื่อหยุดยั้งเหตุการณ์ร้ายๆที่จะเกิดขึ้นกับเธออีก
    - *** ในอีกบริบท เราอาจจะนิยามพฤติกรรมของโจต่อนอร์ม่าว่าเขาคือแมงดา หรือผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินก็ได้ ในภาษาอังกฤษจะเหมารวมพฤติกรรมเหล่านี้ว่าเป็น Gigolo เช่นกัน
    ▫️

    ... After New Year's Blessing

    - จากเนื้อเรื่องในช่วงที่ผ่านมา ภาพยนตร์ทำให้เราเห็นอกเห็นใจนอร์ม่ามากยิ่งขค้น จากก่อนหน้านี้ เราจะได้เห็นพฤติกรรมของนอร์ม่าที่เกือบจะเป็นคนร้ายจากการที่เธอพยายามควบคุมชีวิตของโจ แต่ในเนื้อหาช่วงนี้ เราจะได้รับคำอธิบายที่สำคัญเกี่ยวกับตัวละครนอร์ม่า ว่านอกจากที่เราได้เห็นว่านอร์ม่าเป็นคนหลงตัวเองที่หมกมุ่นอยู่กับภาพพจน์ในมโนทัศน์ฝันเฟื่อง แต่ในอีกมุมหนึ่ง เธอก็คือเหยื่อของการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ไม่เป็นมิตรกับเธออีกต่อไป เมื่อแม็กซ์บอกโจถึงความพยายามฆ่าตัวตายของนอร์ม่าในครั้งก่อน เราก็รู้ได้ทันทีว่านอร์ม่าอ่อนแอและเปราะบางขนาดไหน เธอเป็นดารายอดนิยมเพียงในจินตคติ อย่างที่เธอเคยกล่าวในการพบกับโจครั้งแรกว่า “ฉันยิ่งใหญ่ หนังต่างหากที่มันเล็ก"
    - เนื่องจากวงการภาพยนตร์ในปัจจุบันได้ปฏิเสธการมีอยู่ของนอร์ม่า เพราะเธอไม่สามารถปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงจากนักแสดงภาพยนตร์เงียบเป็นนักแสดงภาพยนตร์เสียงได้ เธอจึงกลายเป็นคนสันโดษที่ใกล้ตายด้วยอุดมการณ์แห่งชีวิตในอดีตของเธอ และใช้ชีวิตภายใต้คำโกหกที่ถูกขับเคลื่อนโดยแม็กซ์ซึ่งได้ส่งจดหมายอันลวงหลอกของแฟนคลับ มากกว่าจะเผชิญหน้ากับความจริงของ  ชีวิตที่เป็นดาราอับแสง 
    - อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนอร์ม่าเคยผ่านช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกและเคยพยายามฆ่าตัวตาย เราจึงตระหนักได้ว่าเธอคงรู้ตัวว่าเธอไม่ใช่ผู้เป็นที่รักอีกต่อไป และเธอกำลังรู้สึกไม่พึงพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่นี้สักเท่าไหร่ ซึ่งส่งผลให้ความพยายามในการใช้ชีวิตในจินตนาการของเธอไม่ประสบความสำเร็จ การรับรู้เรื่องการถูกลดทอนสถานะของเธอ ทำให้เราตีความได้ว่า นอร์ม่านั้นไม่ได้หลงผิดโดยสมบูรณ์ การที่เธอยังรู้สึกถึงการถูกทอดทิ้ง ถึงแม้จะอยู่บนความไร้เหตุผลของเธอ มันก็เพียงพอที่ทำให้ส่วนหนึ่งของเราอดไม่ได้ที่จะเห็นใจเธอ
    - ในขณะเดียวกัน หลังจากที่นอร์มาประกาศความรักที่เธอมีต่อโจในงานเลี้ยงวันสิ้นปีอันฟุ่มเฟือยที่เธอจัดขึ้นเพื่อพวกเขาสองคน ความเห็นอกเห็นใจของโจที่มีต่อนอร์มาก็ลดลงเรื่อยๆ จนทำให้เกิดระยะห่างระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งสอง ในที่สุดโจก็รวบรวมความกล้าที่จะย้ายออกจากคฤหาสน์ของนอร์ม่า แต่อย่างไรก็ตาม การเรียกคืนสิทธิ์ในชีวิตของเขากลับเกิดขึ้นช้าเกินไป จากเหตุการณ์ที่เขาพยายามถอดพวงกุญแจของเขาที่ติดกับกลอนประตู ซึ่งเป็นการกระทำที่แฝงนัยยะของการพึ่งพากันในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนอร์มา แม้ว่าโจจะสามารถเฮฮากับงานสังสรรค์ของอาร์ตี้ เบ็ตตี้หรือเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นๆในวงการได่ แต่ความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอันเป็นพิษของนอร์ม่าที่เกิดขึ้นในชีวิตเขาก่อนหน้านี้ ก็ได้ทำลายศักยภาพของเขาที่จะกลับคืนสู่วิถีชีวิตแบบนั้นได้อย่างเต็มที่
    - ในระหว่างงานเลี้ยงวันสิ้นปีของอาร์ตี้ เราจะได้เห็นท่าทางร่าเริงของโจที่เคยแอบซ่อนไว้ก่อนหน้านี้ ขณะนี้ โจพร้อมที่จะละทิ้งชีวิตอันเปล่าเปลี่ยวและแสนอันตรายภายในคฤหาสน์แห่งนั้น แต่มโนธรรมและความรู้สึกผิดของเขาก็มีชัยเหนือความเพลิดเพลินที่หายวับไปพลันตา เมื่อแม็กซ์แจ้งกับโจถึงการพยายามฆ่าตัวตายของนอร์ม่า เราจะเห็นว่าโจละทิ้งงานสังสรรค์ของอาร์ตี้โดยไม่ลังเล ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักศีลธรรมอย่างแจ่มแจ้ง แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่สามารถแยกตัวออกจากเงื้อมมือของนอร์ม่าได้ การกลับมายังคฤหาสน์ครั้งนี้ของเขาได้ส่งสัญญานเตือนอันน่ความหวาดกลัว เมื่อเราพอจะทำนายได้ว่าโจได้เข้าใกล้ชะตากรรมอันวุ่นวายและใกล้ถึงวาระสุดท้ายมากขึ้นเรื่อยๆ
    - ตั้งแต่ช่วงต้นของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนอร์ม่า โจแสดงความสงสารอย่างยิ่งต่อนอร์ม่า ซึ่งแสดงได้ดีที่สุดผ่านความคิดเห็นของเขาว่า “ปีศาจผู้น่าสงสาร ยังคงโบกมืออย่างภาคภูมิใจในขบวนพาเหรดที่ผ่านไปนานแล้ว” ในขณะที่เขาแอบมองเข้าไปในห้องนอนอันโอ่อ่าหรูหราของเธอ เมื่อโจกลับไปยังคฤหาสน์ของนอร์ม่าหลังจากที่ได้ทราบข่าวว่าเธอพยายามฆ่าตัวตาย ความกรุณาอาทรที่แท้จริงของเขาที่มีต่อเธอก็พลันเกิดขึ้น จากในช่วงแรก โจเป็นคนใจแข็งได้อย่างน่าทึ่ง เขาประณามการกระทำของเธอว่าไร้สาระและช่างโง่เขลา แต่ตอนนี้ ทีท่าของเขากลับต่างออกไป
    - จากนั้นโจก็เดินไปรอบๆห้อง อาจจะเพราะว่าเขนพยายามหาทางไถ่ความผิดและไตร่ตรองว่าเขาควรทำอย่างไรกับนอร์ม่าในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งนี้โดนเน้นยำโดยการไร้คำบรรยายปนความตลกขบขันของโจ ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูเงียบงัน และทำให้คนดูแยกตัวจากความคิดจากโจชั่วคราว ยิ่งกว่านั้น ความเงียบที่เกิดขึ้นยังทำให้เราไม่สามารถคาดเดาภาวะอารมณ์ของโจในตอนนี้ได้เลยเราถูกปล่อยทิ้งไว้กับภาพแผ่นหลังของเขา ไม่ได้เห็นสีหน้าที่มีความสุขหรือเสียใจ ทั้งหมดที่เราได้ยินคือคำพูดเบาๆของเขาว่า "สุขสันต์วันปีใหม่ นอร์ม่า" ซึ่งสามารถตีความได้ถึงการประกาศความรักหรือการยอมจำนนต่อข้อผูกมัดที่เขาไม่อาจเลี่ยงก็เป็นได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไหน สิ่งที่โจทำไป ได้นำพานอร์ม่าให้เข้าสู่ภาพลวงตาแห่งชื่อเสียงอันเป็นนิรันดร์อีกด้วย
    - หลายเหตุการณ์ในช่วงวันสิ้นปี้นี้ ได้บ่งบอกถึงชะตากรรมสุดท้ายที่ใกล้จะเกิดขึ้นกับโจ ซึ่งเห็นได้จากการประชดประชันอย่างเยือกเย็น เมื่อนอร์มาเอ๋ยว่า “เดี๋ยวฉันจะเติมน้ำให้คุณจนเต็มสระ!” ในฉากหนึ่ง เนื่องจากคนดูรู้แต่แรกแล้วว่าสระน้ำคือสถานที่ที่ตำรวจและสื่อมวลชนพบร่างไร้ชีวิตของโจในช่วงต้นของภาพยนตร์
    - นอกจากนี้ ครั้งหนึ่งเมื่อโจได้เคยจินตนาการถึงพาดหัวข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ถ้าหากนอร์มาเสียชีวิต (“ต้องเป็นพาดข่าวพาดหัวที่น่าสนใจแน่ๆ 'ดาราผู้ยิ่งใหญ่ฆ่าตัวตายเพราะนักเขียนไร้ชื่อ” ) โจคงไม่คาดคิดว่าตัวเขาเองนั่นแหละที่จะกลายเป็นพาดหัวข่าวอันอื้อฉาวของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนอร์ม่าเสียเอง การประชดประชันอันเยือกเย็นนั้น ทำให้เกิดความหวาดกลัวที่ก่อตัวภายในจิตใจผู้ชม เมื่อเราเข้าใกล้จุดจบอันน่าเศร้าของภาพยนตร์เรื่อง Sunset Boulevard
    ▫️

    ... And How It Ended

    - หลังผ่านพ้นช่วงปีใหม่มาได้ไม่นาน โจและนอร์ม่าร่วมกันเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Salome จนเสร็จสมบูรณ์และส่งไปให้ Cecil B. Demil (Self) ที่ Paramount Studio ได้อ่าน ระหว่างนั้น เธอก็รอคำตอบจากเดอมิลอย่างใจจดใจจ่อ และในไม่ช้า สตูดิโอก็โทรศัพท์หานอร์ม่า แต่เธอปฏิเสธที่จะคุยกับ Gordon Cole ผู้บริหารค่ายภาพยนตร์ เพราะเธอต้องการคุยกับเดมิลเองเท่านั้น
    - นอร์ม่าสั่งให้แม็กซ์ขับรถพาเธอและโจไปยังสตูดิโอถ่ายภาพยนตร์ ซึ่งเธอได้รับการต้อนรับขับสู้อย่างดีจากนักแสดงรุ่นเก่าและทีมงานที่เคยทำงานร่วมกับเธอในสมัยที่ชื่อเสียงของเธอเคยรุ่งเรือง ระหว่างนั้น โจได้พบกับเบ็ตตี้โดยบังเอิญ พวกเขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับบทภาพยนตร์กันอย่างสั้นๆ แต่โจก็ถูกตามตัวโดยแม็กซ์อย่างกะทันหัน แม็กซ์พบความจริงที่ว่าสตูดิโอติดต่อไปหานอร์ม่าเพียงเพราะพวกเขาต้องการเช่ารถหรูหายากของเธอเพียงเท่านั้น  พวกเขาไม่ได้สนใจนอร์ม่าหรือบทภาพยนตร์ที่เธอนั่งเทียนเขียนเลยสักนิด และแม็กซ์ต้องการจะปิดบังข้อเท็จจริงเหล่านี้จากนอร์ม่าเพื่อปกป้องอัตตาอันละเอียดอ่อนของเธอ ซึ่งจะนำความทุกข์และอันตรายมาแก่ชีวิตของเธออีก
    - หลังจากการไปเยือนสตูดิโอถ่ายภาพยนตร์ครั้งนั้น ประกายไฟแห่งความหวังของนอร์ม่าได้จุดติดอีกครั้ง และเธอเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าวงการภาพยนตร์กำลังรอการกลับมาของเธออย่างแน่แท้ ช่วงเวลาหลังจากนั้นส่วนใหญ่ นอร์ม่าเตรียมองค์ทรงเครื่องของเธอด้วยการเข้าคอร์สเสริมความงามระดับเข้มข้น ซึ่งในระหว่างนั้น โจก็เริ่มทำงานอย่างลับๆกับเบ็ตตี้ในการร่วมกันพัฒนาบทภาพยนตร์ในช่วงกลางคืน ถึงแม้เบ็ตตี้และอาร์ตี้จะได้หมั้นหมายกันแล้ว แต่เบ็ตตี้ก็ได้เกิดตกหลุมรักโจเข้าเพราะความใกล้ชิดของพวกเขาในระหว่างเวลาทำงาน โจก็ชอบพอในตัวเบ็ตตี้อย่างมากแต่ต้องอดกลั้นไว้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอหมั้นหมายกับอาร์ตี้แล้ว และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่ต้องการที่จะละทิ้งชีวิตที่สะดวกสบายกับการอยู่กินกับนอร์ม่าในช่วงเวลานี้ 
    - นอร์ม่าได้พบบทภาพยนตร์ที่มีชื่อของเบ็ตตี้อยู่บนนั้นโดยบังเอิญ และนอร์ม่าตัดสินใจโทรหาเธอ ในสายนอร์ม่ายั่วยวนเบ็ตตี้ว่า "คุณรู้มั้ยว่าเขาอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร มีกินมีใช้ได้ยังไง?" โจแอบได้ยิน จึงเดินมากระชากโทรศัพท์จากมือของนอร์ม่า ก่อนจะเชิญเบ็ตตี้ให้มาที่คฤหาสน์เพื่อเป็นสักขีพยานความจริงที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง
    - เมื่อเบ็ตตี้มาถึง โจแสร้งทำเป็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือภารกิจของเขาในฐานะเพื่อนชายที่คอยปรณนิบัตินอร์ม่า เพื่อทำให้เบ็ตตี้อารมณ์เสียและหลุดพ้นจากรักสามเส้าอันแสนซับซ้อนนี้ ก่อนจะจบบทสนทนาด้วยคำพูดที่ว่า "แผนการง่ายมาก ผู้หญิงแก่ๆที่มั่งคั่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่มีจะกิน คุณคิดออกมั้ย?" เมื่อความจริงถูกเปิดเผย เบ็ตตี้ไม่อาจสบตาโจได้อีกต่อไป เธอจากไปทั้งน้ำตา
    - ด้วยความเป็นพิษของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงความเป็นอยู่ของเขาและอาชีพในวงการฮอลลีวูดที่พังทลาย โจจึงเตรียมที่จะสลัดชีวิตออกจากนอร์ม่าทันที และกลับไปตั้งต้นใหม่ในบ้านเกิดของเขาที่โอไฮโอ เขาบอกนอร์ม่าอย่างไร้ความปราณีว่าเขาไม่มีวันที่จะกลับมายังที่แห่งนี้อีก พร้อมทั้งเปิดเผยความลับที่หลอกลวงนอร์ม่ามาทั้งชีวิต อย่างเรื่องที่จะไม่มีการสร้างภาพยนตร์จากบทเน่าๆของเธอ รวมถึงเรื่องจดหมายจากแฟนคลับที่แม็กซ์ปิดบังเธอมานาน เธอช็อคกับความจริงที่รับรู้ ซึ่งตอนนี้เธอล่องลอยอยู่กับจินตนาการเพ้อฝันอย่างดึงไม่กลับ และรับไม่ได้ที่ดาราอย่างเธอต้องถูกผู้ชายมาทอดทิ้ง เธอจึงเดินตามโจไปพร้อมกับปืนในมือ ก่อนจะยิงโจที่กำลังออกจากพื้นที่กักขังชีวิตเขาแห่งนี้ กระสุนปืนสามนัดเข้าปะทะร่างของโจ พลันทำให้ร่างอันหนักอึ้งทิ้งตัวลงบนสระน้ำในฝันแห่งนั้น เป็นการจบชะตากรรมของชายที่ชื่อว่าโจ กิลลิสโดยสมบูรณ์
    - โจยังคงพาเรากลับไปยังที่เกิดเหตุและบรรยายต่อว่า เขากังวลถึงความอัปยศและเรื่องอื้อฉาวจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของนอร์ม่าได้อย่างไร  ตอนนี้นอร์ม่าได้กลายเป็นคนประสาทหลอน โดยเธอเชื่อว่าจริงๆแล้วกล้องของทีมข่าวนั้นเป็นทีมงานของกองภาพยนตร์ที่รอถ่ายทำเธออยู่ เพื่อช่วยตำรวจให้พาเธอลงจากห้องนอนไปโถงข้างล่าง แม็กซ์เตรียมกล้องและจัดไฟก่อนจะตะโกนว่า "แอ็คชั่น!" เมื่อถึงจุดนั้น นอร์มาได้ก้าวลงบันไดอย่างสง่า โดนจินตนาการว่าเธอคือเจ้าหญิงที่กำลังเดินลงบันไดของพระราชวังในฉากหนึ่งของภาพยนตร์ ก่อนพูดสั้นๆต่อหน้าสื่อว่าเธอมีความสุขแค่ไหนที่ได้กลับมาถ่ายภาพยนตร์ในสตูดิโออีกครั้ง ก่อนจะพูดประโยคอันเป็นที่จดจำมากที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "เอาล่ะ คุณเดอมิล ฉันพร้อมแล้วสำหรับการถ่ายภาพใกล้แล้ว (All right, Mr. DeMille, I'm ready for my close-up)" ภาพได้ขยายใบหน้าของนอร์ม่าในภวังค์ฝันทีละนิด ก่อนจะค่อยๆเบลอ และขึ้นคำปิดท้ายว่า 'The End'

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
hpikic3si (@hpikic3si)
https://www.facebook.com/Watch3Idiots2009FreeOnline/
https://twitter.com/itsnew3Idiots
weent19 (@weent19)
Simply just needed to state Now i am happy that i stumbled onto your page
locardeals (@locardeals)
☺☺
lliamelicek (@lliamelicek)
thanks for sharing and desire you a satisfied life
Onenightz. (@numberone-inter)
สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ปีนี้ใจดีกับทุกคนมากๆนะครับ ??
inHereye.24 (@in_her_eye_24)
สวัสดีปี 2022 ค่ะ ?
iamcyclop (@iamcyclop)
Happy New Year ล่วงหน้าฮะ Happier than ever ไปเลย
rachel_for_you (@rachel_for_you)
Sunset Boulevard ไม่คิดว่าจะเอามาเขียน ปีหน้าขอ Godfather ll ค่ะเข้ากับปีใหม่เหมือนกัน HNYนะทุกคนน จุฟๆ
sinmanjunior09 (@sinmanjunior09)
HNY ครับคุณ onenight เขียนบทความดีๆแบบนี้อีกเยอะๆนะครับ ผมตามอ่าน :p