Title: This too shall pass
Pairing: Theseus Scamander/ Newt Scamander
ตอนต่อของ years of dark, it’s morning at last
Tag: #cashmereficion
ธีซีอุส สคามันเดอร์ไม่เคยลืมวินาทีที่รู้ข่าวของน้องชายจากเพื่อนร่วมงานในกระทรวงคนหนึ่ง—ไม่มีทาง
บ่ายนั้นเขายกเลิกงานในตารางทั้งหมด แขวนตำแหน่งหัวหน้ามือปราบมารไว้บนเส้นด้ายด้วยการทิ้งโน้ตคำอธิบายสั้นๆ เรื่องการหายตัวไปก่อนเริ่มภารกิจสำคัญว่าติดธุระด่วนในครอบครัว(ซึ่งไม่ช่วยไขความกระจ่างใดๆ ทั้งสิ้นแก่สำนักมือปราบมาร)
ธีซีอุสไปถึงเซนต์มังโกแค่ชั่วขณะที่กะพริบตา
เขาก้าวเท้ายาวๆ เดินตัดผ่านโถงที่แน่นขนัดด้วยผู้คน ตรงดิ่งไปยังแผนกติดต่อสอบถาม แล้วอึดใจต่อมาชายหนุ่มก็หยุดยืนอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยรวมที่ชั้นหนึ่ง
ภาพที่เห็นทำให้ร่างกายของเขาชาวูบ
นิวตันอยู่ตรงนั้น—บนเตียงติดกำแพงในห้องเล็กๆ แสงสีขาวจากฟองแก้วเจียระไนบรรจุเทียนบนเพดานทำให้คนป่วยดูเปราะบางกว่าที่เคย
อีกฝ่ายขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ส่วนศีรษะที่โผล่พ้นมีผ้าสะอาดพันห่อหุ้มไปจนถึงตาข้างซ้าย เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลและกำลังนอนหลับสนิท
ธีซีอุสยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงเหมือนคนโง่
ความรู้สึกผิดซัดสาดราวกับคลื่นในวันที่ทะเลปั่นป่วน
เขายื่นมือออกไป
หวังเพียงโอบกอด
ตอนนั้นเองที่ภาพในห้วงความคิดบิดเบี้ยวหมุนวน
.
.
.
ควันร้อนลอยกรุ่นเหนือถ้วยกาแฟสีเข้ม
ธีซีอุสจ้องมองขณะที่เกลียวสีขาวไร้รูปร่างค่อยจางหายไปในอากาศ
เขาจดจ่อ ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ฝันเห็นก่อนรุ่งสาง
—เหตุการณ์เดิมๆ
กระทรวงเวทมนตร์ เซนต์มังโกและภาพของนิวตันที่หายไปทุกครั้งเมื่อพยายามโอบกอด
รอยแผลจางไปแล้ว ไร้หลักฐานยืนยัน
แต่ความรู้สึกวูบโหวงก็เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าโลกที่อีกฝ่ายมองเห็นไม่ชัดเจนเท่าคนอื่น
ธีซีอุสจำต้องยอมรับ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ไฟของเจ้าฮังการีหางหนามตัวนั้นก็ทิ้งร่องรอยไว้ในความรู้สึกของเราทั้งคู่
“ไม่รีบดื่มเดี๋ยวจะเย็นหมดนะ”
ไม่บ่อยนักที่นิวตันจะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา ธีซีอุสเงยหน้า อมยิ้มมุมปากให้กับพัฒนาการเล็กๆ นั้น
“มันยังร้อนเกินไปหน่อย”
เขาตอบ
แสร้งทำเป็นพลิกหน้าหนังสือพิมพ์แต่ดวงตาจับจ้องกริยาของน้องชาย
“นายปิ้งขนมปังเสร็จก็คงอุ่นกำลังดี”
“ตามใจ”
นิวตันงึมงำ
เบือนหน้าหนีก่อนหันหลังกลับเข้าไปในครัว ครู่เดียวก็กลับออกมาพร้อมขนมปังปิ้งพูนจาน
เขาหัวเราะเบาๆ
ความสุขลอยอบอวล
อ้อยอิ่ง
ความเงียบแฝงตัวอิงแอบไปกับบรรยากาศสงบสุขยามเช้า
บ่อยครั้งที่ระหว่างเราไม่มีบทสนทนาใดๆ แค่นั่งอยู่ด้วยกัน ทำกิจวัตรส่วนตัวไปเรื่อยเปื่อย สำหรับธีซีอุส การเงยหน้าขึ้นมาจากเดลี่พรอเฟ็ตแล้วยังเห็นนิวตันอยู่ใกล้ๆ ก็พอแล้ว
มีบางทีเหมือนกันที่เขาสุ่มถามคำถามทั่วๆ ไป เพียงเพราะเห็นอีกฝ่ายกำลังจมดิ่งอยู่กับตัวเอง
“นายว่าหนังสือนายจะตีพิมพ์กับที่ไหนนะ”
“ออบสคูรัสบุ๊คส์—ไม่รู้ว่านายเคยได้ยินหรือเปล่า แต่มีนักเขียนดีๆ อยู่ที่นี่เยอะมาก”
แทบจะเป็นเพียงไม่กี่เรื่องที่เจ้าตัวยินดีพูดคุยอย่างกระตือรือร้น
“อ้อ—ธุรกิจของนายออกัสตัส วอร์มนั่นเอง”
นิวตันพยักหน้า
“คงเสร็จก่อนสิ้นปี อาจจะมีงานเปิดตัวด้วย ถ้านายว่าง—”
ต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่น้องชายอยากบอก
ธีซีอุสเบิกตากว้าง
“โอ้—แน่นอน แน่นอน ช่วงนั้นที่สำนักงานมือปราบมารก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก”
โกหกทั้งเพ
“อ้อ—อื้อ นั่นก็ดีกับตัวนายเองแล้ว”
นิวตันพูดด้วยท่าทางเงอะงะ
แล้วก็เงียบกันไปทั้งอย่างนั้น
จนกระทั่งสัมผัสยุกยิกชวนจั๊กจี้ที่ข้อมือเรียกให้เขาก้มลงไปมอง—
ธีซีอุสสบเข้ากับดวงตาใสแจ๋วของสัตว์วิเศษตัวหนึ่ง มันส่งเสียงครางหงิง อุ้งเท้าข้างที่ถือกระดุมข้อมือวาววับของเขาเอาไว้กำลังพยายามยัดเครื่องประดับชิ้นนั้นลงกระเป๋าหน้าท้องของตัวเองไปพร้อมๆ กับเริ่มหาทางหนี
แต่ช้าเกินไป—
—มือปราบมารหนุ่มคว้าเท้าหลังของมันเอาไว้แน่น
ผู้ร้ายส่งเสียงร้องดังลั่น
“นิฟเฟลอร์!”
เจ้าสัตว์วิเศษรูปร่างคล้ายตุ่นตอบสนองต่อเสียงเรียกโดยการดิ้นไปมา แสร้งเล่นบทเหยื่อที่น่าสงสาร แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครหลงเชื่อ
ไอ้นี่—
“มันทำอะไร”
นิวตันร้องถามหน้าตาตื่น
“กระดุมข้อมือ”
เขาชูแขนเสื้อเชิ้ตข้างที่ว่างเปล่าให้อีกฝ่ายดู
น้องชายของเขาแยกเขี้ยว
“ฉันจัดการเอง”
พูดอย่างนั้นก่อนผุดลุกขึ้น
ครู่เดียวนิฟเฟลอร์ก็ไปห้อยต่องแต่งอยู่ในมือของนิวตัน
“คืนเขาไปนิฟ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก”
“มันจะเคยตัว”
อีกฝ่ายยืนยันอย่างนั้น
เขายกมือสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้ ไม่ขอมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์นี้
“คืนเขาไป—เจ้าตัวแสบ”
นิฟเฟลอร์ดิ้นส่ายป่ายปะ
“อย่าให้ฉันต้องรุนแรงกับแกนะ”
นิวตันขมวดคิ้ว ตัดสินใจใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด—
—จั๊กจี้
นิ้วมือของอีกฝ่ายขยับเข้าจู่โจม
มันส่งเสียงประหลาดในคอ คล้ายกับการหัวเราะ ขาข้างที่เป็นอิสระชี้กางในอากาศ แล้วทันใดนั้นเองกระดุมข้อมือประดับพลอยสีน้ำเงินเข้มก็หล่นตุ้บลงมา
“ขอบใจ”
ด้วยน้ำเสียงชื่นชมและประหลาดใจในคราวเดียวกัน
“จะออกไปพร้อมกันไหม”
ธีซีอุสถาม
เขาลุกขึ้นสวมเสื้อโค้ต ตัดสินใจได้ในที่สุดว่าหลังจากนี้คงต้องเก็บกระดุมแขนเสื้อที่ดูล่อตาล่อใจเจ้าตุ่นนี่ลงกล่องให้หมด
“มีอะไรต้องจัดการก่อน”
พี่ชายพยักหน้ารับเบาๆ
“งั้นก็—เจอกันตอนเย็น”
“ฮื่อ”
บานประตูปิดลง
ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นจากปลายหางตาคือเหรียญทองจำนวนมหาศาลร่วงหล่นจากกระเป๋าหน้าท้องของนิฟเฟลอร์
โอ้—
เขาส่ายศีรษะ
คงต้องใช้เวลาอีกสักพักทีเดียวกว่าจะธีซีอุสจะเคยชิน
กว่าเขาจะกลับถึงบ้านก็เลยเวลามื้อเย็นไปหลายชั่วโมงแล้ว
ไม่มีวี่แววของเจ้านิฟเฟลอร์(ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี) บนพื้นพรมหน้าประตูมีเพียงตัวเนียเซิลที่นอนหมอบแกว่งพวงหางอย่างสบายอารมณ์อยู่เท่านั้น
มันผงกหัวขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นใครก็ส่งเสียงร้องทักทายสั้นๆ ก่อนกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
เขาเดินผ่านมันไป
ในห้องนั่งเล่นว่างเปล่า มีเพียงถ้วยชาเย็นชืดกับหนังสือว่าด้วยการปรุงยาวางเปิดกางอยู่ข้างกันบนโต๊ะ
ใบชาตกตะกอนนอนนิ่ง
ธีซีอุสโบกไม้กายสิทธิ์ พึมพำคาถาพื้นฐานบทหนึ่งใส่หนังสือบนโต๊ะ มันลอยหวือข้ามห้อง บินกลับเข้าชั้นหนังสือที่จากมาอย่างว่าง่าย
เขาขยับมืออีกครั้ง คราวนี้ถ้วยชาเซรามิกเนื้อดีหายวับไปโผล่ในซิงค์ล้างจาน แล้วหลังจากนั้นมันก็เริ่มลงมือทำความสะอาดตัวเอง
มือปราบมารหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
เสียงในครัวเงียบลงไปแล้วแต่คนที่รออยู่ก็ยังไม่มาเสียที
บางทีนิวตันอาจทำงานเพลินจนลืมดูเวลา อาจจะใช่—แต่นั่นฟังดูเหมือนเขามากกว่า ก็น้องชายเกลียดงานออฟฟิศอย่างกับอะไรดีนี่นะ
เขาส่ายศีรษะให้กับข้อสันนิษฐานสุดกู่ของตัวเอง
ถ้าบอกว่านิวตันออกไปไล่จับมังกรแก้เบื่อค่อยดูเป็นไปได้หน่อย
—จับมังกรหรือ
เขาเบิกตากว้าง
แล้วถ้าหาก—ถ้าหากครั้งนี้สิ่งที่นิวตันต้องจ่ายไม่ใช่แค่ดวงตาข้างซ้าย
ความคิดนั้นเต้นเร่าแผดเผาอยู่ในหัวราวกับไฟของเจ้าฮังการีหางหนาม
เขาผุดลุกขึ้น แทบจะหมดเค้าของความสุขุมที่พึงมี
ธีซีอุสกระโจนออกจากห้องนั่งเล่น
ตัวเนียเซิลส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ สัตว์วิเศษกระโดดหนีทันทีที่ปลายเท้าของเขาแตะลงบนพรมนุ่มที่มันใช้ต่างที่นอน
เขาแตะมือลงบนลูกบิด แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรบานประตูก็ถูกผลักเข้ามาก่อน
“เฮ้ย!”
“นิวตัน!”
เราทั้งคู่ผงะ
ต่างฝ่ายต่างร่วงหล่น
สิ่งที่รองรับเขาเอาไว้คือความดีใจที่เห็นใบหน้าของน้องชาย
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
นิวตันถามขณะช่วยฉุดธีซีอุสให้ลุกขึ้นจากพื้นไม้แข็งกระด้าง
เขาส่ายศีรษะ
เมื่อตั้งสติได้แล้วถึงรู้สึกว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นออกจะน่าอายอยู่หน่อยๆ
จับมังกรในลอนดอนนี้น่ะหรือ—ธีซีอุส สคามันเดอร์เอ๋ย
“กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอ”
“ฮื่อ”
เขาตอบรับในลำคอ
เป็นครั้งแรกที่จู่ๆ การมองหน้าน้องชายเป็นเรื่องยากขึ้นมา
“ตั้งใจว่าจะออกไปดูนายเสียหน่อย เห็นว่าดึกมากแล้ว แต่ช่างเถอะ กินอะไรมาหรือยัง ฉันคงไม่ได้พลาดมื้อเย็นไปใช่ไหม”
นิวตันตอบคำถามด้วยการเผยอริมฝีปากแต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอด
เปิด
ปิด
อ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้น
เขายิ้ม เมื่อเหตุการณ์นี้ชวนให้นึกถึงครั้งแรกที่พบกันอยู่บ้าง
“ว่ายังไง—ฉันพลาดมื้อเย็นไปไหม”
นิวตันส่ายศีรษะจนกลุ่มผมหยักศกสีเข้มยุ่งเหยิง
หลุบตามองพื้นขณะที่เริ่มต้น
“อันที่จริง—ฉันเองก็เพิ่งกลับจากกระทรวง เพราะเห็นว่ามันดึกแล้ว—”
ธีซีอุสแทบจะกลั้นใจ
“—แล้วนายก็ยังไม่กลับ บางทีนายอาจจะทำงานจนลืมเวลาอีกก็ได้”
อีกฝ่ายพูดอย่างเนิบช้า
แต่เขาแทบจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ในทันที
ให้ตายเถอะ
“อ่า—นั่นสินะ ฉันไม่เคยห้ามใครขึ้นไปที่ชั้นสองสักหน่อย”
ชั่วขณะหนึ่งเราสบตา
รอยยิ้มถูกจุดประกายบนมุมปาก
เขาคิดว่าตัวเองเห็นริ้วแดงจางๆ บนแก้มของอีกฝ่ายด้วย
“ใช่ นายไม่เคย”
นิวตันก้มลงอุ้มเจ้าเนียเซิลที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นแนบอก มันหาววอด ขยับกายอย่างเกียจคร้านในอ้อมแขนอุ่นๆ
“ฉันไปเตรียมมื้อเย็นก่อนนะ”
ธีซีอุสพลันรู้สึกสงสัยขึ้นมาว่าคนเราจะสามารถรักใครสักคนได้มากขนาดไหน
พักหลังมานี้นิวตันแทบจะหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน ธีซีอุสได้รับเหตุผลว่าหนังสือเล่มที่น้องชายกำลังง่วนเขียนอยู่นั้นใกล้เวลาปิดต้นฉบับแล้ว แม้จะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่แต่เขาก็ไม่ได้ขัด
นอกเสียจาก—
“กินอะไรสักหน่อยไหม”
“จะไม่ทันแล้ว”
อีกฝ่ายตอบทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือ
“พักกินอะไรสักหน่อยน่า อย่างน้อยจิบชากับขนมก็ได้ ฉันซื้อสโคนมาจากร้านมาดามพุดดิฟุตเชียวนะ”
ธีซีอุสเกลี้ยกล่อม
แต่ได้รับเพียงความเงียบตอบกลับ
สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้
“โอเค งั้นฉันจะวางไว้ตรงนี้ นายหิวก็หยิบกินแล้วกัน ฉันต้องไปทำงานแล้ว”
“อื้อ”
นึกอยากบีบคอนายออกัสตัส วอร์ม เจ้าของสำนักพิมพ์ใจจะขาด
ก็ซาบซึ้งดีอยู่หรอกที่มาทาบทามน้องชายเขาด้วยตัวเอง แต่ดูผลลัพธ์สิ
ธีซีอุสถอนหายใจ
เขาสวมเสื้อโค้ต บอกลาเจ้าตัวเนียเซิลที่นอนหงายท้องอยู่หน้าประตู(รู้ภายหลังว่ามีถึงสามตัว ชื่อ ฮอปปี้ มิลลี่และมัวเลอร์)
วันนี้ลอนดอนขมุกขมัวน่าดูทีเดียว
และเมื่อเท้าทั้งสองข้างเหยียบชานพักบันไดบ้าน ธีซีอุสก็หายตัวตรงดิ่งไปยังกระทรวงเวทมนตร์ทันที
นิวตันผล็อยหลับไปแล้วตอนที่เขากลับมาถึงบ้านอีกครั้ง
นักเขียนหนุ่มนอนหนุนแขนตัวเองอยู่บนโต๊ะทำงาน ท่าทางไม่สบายสักเท่าไหร่แต่คนเป็นพี่ชายก็ไม่อยากทำลายช่วงเวลาแสนสุขของอีกฝ่าย
ธีซีอุสขยับตัวอย่างเงียบเชียบขณะที่รวบรวมหน้ากระดาษที่สเก็ตช์รูปสัตว์วิเศษชนิดต่างๆ เข้าไว้เป็นกองเดียวกัน
ตอนนี้เองที่เขาเพิ่งสังเกตว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งถูกแยกออกจากกระดาษแผ่นอื่นๆ
มันแทบจะเป็นหน้ากระดาษที่ว่างเปล่า มีเพียงประโยคสั้นๆ ที่เขียนด้วยลายมือบรรจงของน้องชายอยู่ตรงกลางเท่านั้น
นึกสงสัยว่าอะไร—หรือใครที่สำคัญถึงขนาดนิวตันต้องเขียนแสดงความขอบคุณด้วยตัวเอง แค่อยากรู้ ไม่ได้มีเหตุผลอื่นแอบแฝงหรอก—จริงๆ
เขาโน้มตัว
ก้มลงอ่านถ้อยความนั้นอย่างตั้งใจ
แด่ธีซีอุส สคามันเดอร์
ในวันที่เสียตาข้างซ้ายไป
โลกหมุนคว้าง
และหัวใจก็เต้นดังเสียจนหนวกหู
ธีซีอุสต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่ามันจะยอมกลับมาเต้นในจังหวะเดิม
เขาหัวเราะกับตัวเองเบาๆ
ผิวแก้มร้อนฉ่าเหมือนเพิ่งดื่มวิสกี้ไฟเข้าไปทั้งขวด
ไม่รู้ว่าจะกังวลไปทำไม ในฝันนิวตันอาจหายไปทุกครั้งที่เขาพยายามเอื้อมมือออกไปหา แต่ในความเป็นจริง—
อีกฝ่ายอาจไม่เคยพูด แต่ก็กระซิบผ่านการกระทำเป็นร้อยๆ ครั้ง
ขอบคุณ—
ขอบคุณที่ยังอยู่ตรงนี้—ข้างๆ กัน
ให้ตาย ดูเหมือนว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันยาวทีเดียว
น่าเสียดายที่ตอนนี้ดึกมากแล้ว จะปล่อยให้นอนหลับฝันดีไปก่อนก็แล้วกัน
ธีซีอุสโบกไม้กายสิทธิ์
“น็อกซ์”
พึมพำแผ่วเบาขณะที่ค่อยถอยห่าง
“ราตรีสวัสดิ์นะนิวตัน”
.
.
.
แด่เจ้าคนเล็ก
ในวันที่ฝันร้ายผ่านไป
-END-
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in