* S p o i l e r *
M. Night Shyamalan
: B+
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
คนเราต้องเกลียดตัวเองขนาดไหน ถึงอยากเปลี่ยนเป็นคนอื่น?
แล้วต้องทุกข์ทนแค่ไหน กับการแบกตัวตนไม่ซ้ำทั้ง 23 ไว้ในร่างเดียว?
…ฉันไม่รู้ แค่สงสัย หลังจากดูเรื่อง Split แล้วเห็นความเจ็บช้ำของ Kevin (James McAvoy) ที่ถูกแม่บังเกิดเกล้าทำร้ายในวัยด็ก จนโตมาเป็นโรค Dissociative Identity Disorder (DID) หรือโรคหลายบุคลิก(*) ที่ไม่ใช่แค่หนึ่ง..สอง..สาม แต่เป็นถึง 23 อัตลักษณ์ที่แตกต่างทั้งนิสัย อายุ เพศ ศักยภาพ ฯลฯ อย่างไม่ได้แสดงแสร้งเป็น แต่คือคน 23 คนในคนเดียว
ลำพังประคองชีวิตตัวเองให้หาเงินเลี้ยงชีพเหมือนคนปกติว่าลำบากแล้ว ยังต้องจัดระเบียบตัวตนทั้ง 23 ที่ผลัดกันแย่งแสดงเป็นบุคลิกหลักกันอีก (ในหนังเรียกว่าแย่ง ‘แสง’)
Kevin เอ๋ย ช่างน่าสงสารจนฉันไม่รู้จะหาคำใดมาปลอบประโลม ได้แต่แตะไหล่ให้กำลังใจเบาๆ จนเขาหันมาจ้องฉันทำหน้าเครียด แล้วบอกว่าเขาไม่ใช่ Kevin แต่ตอนนี้เขาคือ Dennis ที่จะมาลักพาตัววัยรุ่นสาว 3 คนไปขังเพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่ไม่ยอมเปิดเผยกับฉัน บอกแต่ว่าเขาเกลียดพวก ‘จิตไม่บริสุทธิ์’ (pure) ที่ไม่เคยเฉียดใกล้การโดนลงทัณฑ์ทรมานจากคนที่ควรรักเขาที่สุด ไม่ซึมซาบรสไม้แขวนเสื้อ ก้นบุหรี่ ด้ามปืน หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศจากคนในครอบครัว
เขาบอกฉันด้วยน้ำเสียงที่แปร่งไป เริ่มฉีกทึ้งเสื้อผ้าตัวเอง เหมือนกำลังปลดปล่อยขุมพลังลึกสุดภายใน แล้วปรากฏตัวใหม่ต่อหน้าฉันเป็น The beast…ตัวตนใหม่ที่ 24 ของ Kevin
แฮร่! Kevin ไง จะใครล่ะ
/ / / /
สำหรับฉัน Split เป็นหนังที่สนุกดีนะ มันไม่ได้สยองสะดุ้งเฮือก หรือหักความรู้สึกคนดูแบบ ‘I see dead people’ อะไรขนาดนั้น แต่เป็นหนังน่าติดตามที่มีความตื่นเต้นพอประมาณ ในระดับที่ฉันว่าคนจิตอ่อนดูได้ ไม่ถึงขั้นหลอนนอนไม่หลับ
วิธีการเล่าเรื่องแบบ flashback ตัดสลับปมอดีตกับปัจจุบัน ทำได้กระชับในจังหวะพอดี ให้ฉันปะติดปะต่อเรื่องเอาเองได้แบบไม่ต้องเสียเวลาสาธยายความเป็นมา อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้ผู้กำกับ ที่ทั้งเขียนทั้งกำกับเรื่องได้ลงตัว
สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือการแสดงอันเข้าถึงของ James McAvoy ด้วยบทส่งให้ปล่อยพลังการแสดงถึง 8 บทบาท (ไม่ถึง 23 นะ)
ความเทพสุดคือเวลาเขาเปลี่ยนบทบาทจากเด็กเก้าขวบ (Hedwig) ไปเป็นผู้หญิง (Patricia) เป็นผู้ชาย (Kevin, Dennis, Orwell, Jade) เป็นเกย์ (Barry) หรือแม้แต่ไปเป็นสิ่งขัดหูขัดตาฉันอย่าง The beast โดยอาศัยอินเนอร์ภายในไม่ต้องพึ่งเสื้อผ้า แค่โฟกัสตรงส่วนหน้ายังไม่ต้องใช้มือไม้ท่าทาง ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคือใคร เพราะคาแรคเตอร์มันชัดจนทะลุหน้า James ขนาดนั้น (หรือแม้แต่ทำให้ฉันสลัดภาพ Charles Xavier ตอนหนุ่มหัวเหม่ง ใน X-Men ที่อดนึกถึงไม่ได้ก่อนดูหนัง)
ส่วนนักแสดงคนอื่นก็ล้วนดีงาม น้อง Anya (Anya Taylor-Joy) ในบท Casey ดูมีเสน่ห์ แค่ทำหน้านิ่งก็ดูมีอะไรให้ค้นหาตลอดเวลา หรือ Betty Buckley ที่รับบทเป็นจิตแพทย์ Dr. Karen Fletcher ก็ทำได้สมบทบาทดูไม่ใช่แค่จิตแพทย์ แต่เป็นจิตแพทย์มือโปรฯ
และส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้อีกเช่นกัน คือการหักมุมตอนจบ
/ * s p o i l e r * /ฉันรู้สึกเซ็งมากกับการสร้างมนุษย์ศูนย์รวมสัตว์ กระโดดโหยงเหยงเกาะกำแพงเพดาน ทะลุขีดความแข็งแกร่งของร่างกาย ยิงเข้าไม่ตายกลายเป็นยอดมนุษย์
ถึงจะบอกว่าเป็นมุกหักมุมเพื่อปูทางเข้าหนังเรื่อง Unbreakable ของผู้กำกับอย่างไรก็เถอะ แต่นี่มันเรื่อง Split ไง สำหรับฉันความเข้มข้มของมันอยู่ที่การเล่นกับปูมปมในใจของคนที่มีเลือดมีเนื้อไง ฉันอาจจะไม่รู้จักงานของผู้กำกับ Shyamalan พอให้เข้าใจปริศนาคำใบ้ที่ใส่ไว้เรียงรายตั้งแต่ชื่อเรื่องยันเนื้อใน
แต่ในฐานะคนดูหนังสามัญทั่วไป พอเห็น Dennis ไปแปลงกายบนรถไฟใต้ดินแล้วภาพ Charles Xavier ที่ฉันสบัดหลุดในตอนแรกก็กลับมาทันที จนแอบลุ้นว่ามันจะมีกรงเล็บเหล็กงอกมาจากมือเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ซ้อนกลายพันธุ์ข้ามเรื่องไปไกลอย่างนั้นมั้ยวะ!
เข้าใจแล้วว่า ช่อดอกไม้ที่วางหน้ารถไฟใต้ดินนี่เพื่ออะไร ไม่ใช้ไว้อาลัยให้เหยื่อหรอก แต่ไว้อาลัยให้กับความเลอะเทอะของ The Beast นี่ล่ะ!
ภาพประกอบไม่เกี่ยว! นี่มัน Charles Xavier จาก X-Men สิเฮ้ย!
/ / / /
สรุป
หนังสนุก ไม่ถึงขั้นซับซ้อนให้คิดกบาลแตก หรือหลอนขวัญผวาจนนอนไม่หลับ งานแสดงดี งานหนังสมมาตรฐาน แต่ขัดใจที่สุดกับความเลอะเทอะตอนท้าย แม้จะใส่มาเป็นมุกหักมุมเพื่อปูทางสำหรับจักรวาลเรื่องอื่นก็เถอะ แต่ดูแล้วขัดใจแม่มาก!
(*)
เรื่องโรค DID ที่ถูกนำมาใส่เป็นแกนหนัง ส่วนหนึ่งนำมาจากเคสของผู้ป่วยจริงชื่อ แพทริเซีย (ใช้เป็นชื่อหนึ่งในบุคลิกของเควินด้วย) และมีหนังสือที่พูดถึงเรื่องนี้ด้วยนะ...ไว้ฉันจะหามาเล่าให้ฟังทีหลัง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in