เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
me — 2 0 2 1panpanmeme
ความอบอุ่นในค่ำคืนที่หนาวเหน็บ
  • ความรู้สึกอบอุ่นของผิวกาย
    ไม่เคยเกิดขึ้นในอุณหภูมิสี่สิบองศา
    ถ้าเป็นวันแบบนั้น
    เราคงโหยหาความหนาวเย็นเสียมากกว่า 
    แต่ทว่ากลับไม่

    ความมืดไม่เคยปรากฏหากยังมีแสงสว่างดำเนินอยู่

    ลมปะทะหน้า หมวกและเสื้อกันลมปกป้องผิวกาย ที่สวมใส่ก่อนจะปีนขึ้นซ่อนท้ายมอเตอร์ไซต์คันโต ทำให้นึกถึงฤดูหนาวตอนเป็นเด็ก ยายกระชับเสื้อกันหนาวที่น้องสาวของแม่ส่งมาให้จากกรุงเทพฯ ตาก่อกองไฟ นั่งอยู่ตรงหน้ากองไฟ หน้าพวกเราถูกฉาบด้วยสีส้มจากไฟฟืนที่ถูกสุม ความชื้นของไม้กับไฟทำให้เกิดเขม่าลอยคลุ้ง จนไม่อาจหยุดสายตาได้ สวยงามเหลือเกิน ตายื่นมือออกมาจากผ้าห่มสีเทาๆ ผืนโต ที่คลุมตัวอยู่เหมือนเอสกีโม ฤดูหนาวตอนนั้นอาบน้ำแทบไม่ได้ และทรมานสุดขั้วสำหรับเด็กๆ ที่ต้องตื่นไปโรงเรียนแต่เช้า

    เขียนมาถึงตรงนี้ ก็พบว่ายายเป็นผู้หญิงสุดวิเศษ
    ทั้งย่าและยาย เป็นผู้หญิงที่สมควรได้รับความรัก
    และความสุขสบาย

    แต่ นึกถึงเรื่องพวกนั้นทำไมกันนะ
    ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีทั้งความหนาวและความอบอุ่นแบบนั้นอีกแล้ว จะให้มาก่อไฟผิงตอนนี้ก็คงไม่ใช่การณ์

    หรือเพราะไม่มี

    ความอบอุ่น
    ความอบอุ่น
    ความอบอุ่น อย่างนั้นหรือ

    ถึงได้นึกถึงขึ้นมา
    เพราะมันขาดหายไปสินะ
    ถึงได้โหยหา

    นานเท่าไหร่แล้ว
    ที่เราอยู่ในความเย็นชาของชีวิต
    ควบคุมอุณหภูมิด้วยมือของตัวเอง
    ร้อนก็เปิดพัดลม เปิดแอร์

    หนาวเหรอ ? — ไม่เคยรู้สึกถึงมานานแล้วแฮะ
    นอกเสียจากออฟฟิศทรงสี่เหลี่ยมนั่นจะบ้าคลั่งเปิดแอร์หนาวพุ่งสุดขีดจนต้องงัดผ้าคลุมมาห่อตัวเอาไว้

    มันก็อุ่นขึ้นมาบ้าง
    แต่รู้สึกแย่ชะมัดที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่กองไฟ
    แต่เป็นหน้าจอดิจิตอลที่น่าหงุดหงิดโมโห
    ข้างๆไม่ใช่ตายาย หรือน้องชายที่ดื้อจนอยากจะให้พ่อแม่ของเจ้าตัวมารับๆไปเสียที

    ตอนนั้นมันอาจจะไม่ดีมากหรอกนะ
    ตายายที่ยากจน แต่ต้องทนเลี้ยงหลานของลูกๆตัวเอง
    เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น รู้สึกเป็นภาระก็คงตอนนั้น

    ตายายไม่ได้สอนด้วยความรู้อะไร
    แต่รู้ว่าทำอย่างเต็มที่
    เลี้ยงหลานๆอย่างเต็มที่ 
    ด้วยอาหารที่หล่อเลี้ยงร่างกาย

    มาถึงตอนนี้
    สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ การมีชีวิตอยู่ห่างไกลจากความอบอุ่นเช่นนี้ นอกจากเราไม่ได้มอบอะไรให้กันและกันแล้ว — เรายังตักตวงเพื่อตัวเอง เท่านั้น

    เหมือนสำนวนที่บอกว่า
    ‘น้ำขึ้นให้รีบตัก’

    โอกาสเป็นเรื่องสำคัญ และถ้าได้มาก็ดีสำหรับชีวิต
    แต่โอกาสของคนอื่น ไม่ใช่ของเรา
    ชีวิตของคนอื่น ไม่ใช่สิ่งที่เราจะฉกฉวยได้

    ทว่าโลกมันเป็นแบบนั้น
    ทุกคนตักตวง กระหายหา ไขว่คว้า อยากได้มา
    จนบางครั้งไม่สนอะไร — ขอเพียงได้เติมตัวเองให้เต็ม

    เราต่างเติมเต็มตัวเอง
    จนเราไม่สามารถโอบกอดใครได้อีก
    เราต่างก็หอบหิ้วสัมภาระของชีวิต
    มากมายเหลือเกิน
    จนไม่มีที่ว่างสำหรับการรักคนอื่นจริงๆ

    วงแขนของเราไม่เหลือที่ว่างให้ใครอื่น
    นอกจากตัวเอง —

    เพราะแบบนั้น เพราะเช่นนั้น
    จึงโดดเดี่ยวสุดขั้วหัวใจ
    เพราะมองเห็นแค่ตัวเองเท่านั้น
    ไม่มีใครที่จะโน้มตัวเข้ามาใกล้

    แม้แต่พระผู้เป็นเจ้าผู้สร้างชีวิตนี้ขึ้นมา
    ก็ไม่อาจสัมผัส


    แต่ความอบอุ่นดุลกายเช่นตอนนั้น เหมือนครั้งที่ตายายมอบให้ คงไม่มีอีกแล้ว — ระหว่างทางที่กลับมาถึงบ้าน จนถึงตอนนี้ ก็ยังถามตัวเองซ้ำๆ ว่าควรทำเช่นไร

    ชีวิตเราดำเนินเรื่อยไป
    จนไม่เคยได้รู้สึกขอบคุณเท่าที่ควร

    ไม่มีการอำลา
    ไม่มีการเปิดความในใจ

    ทั้งๆที่เรารักกันมากเหลือเกิน
    เราโหยหากันเหลือเกิน

    หากมันไม่มีแล้ว
    ย้อนไม่ได้แล้ว
    ชีวิตต่อจากนี้ จะอยู่ด้วยความโหยหาไม่ได้อีก
    หากแต่กอดเก็บมันไว้ ด้วยความขอบคุณทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาในชีวิต ; และเดินหน้าต่อไป ลดขนาดสัมภาระของตัวเองลง เพื่อมีพื้นที่ให้ได้โอบกอดคนอื่นบ้าง ยอมรับการโอบกอดจากคนอื่นบ้าง

    — ครอบครัว




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in