ฉันจะไม่รู้สึกผิดต่อตัวเอง
ที่ฉันเศร้า และ อยากหายไปซ้ำๆ
ฉันผิดอะไรที่รู้สึกเหนื่อย
และอยากยอมแพ้
แค่พูดออกมา
ซ้ำๆ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
แต่ไม่อาจต้านทาน ชีวิตที่ยังได้รับ
ยอมรับ ความเศร้า
ก็ไม่ได้แย่
หากแต่เศร้ามากพอแล้ว
ก็ลุกขึ้นอีกครั้ง
ยามใดที่ลงถึงจุดซึ่งต่ำสุด
ยามนั้นจะพบว่า จุดบินไปถึงที่สูงเป็นอย่างไร
ยามใดที่ทุกข์ใจมืดมน
ยามนั้นจะพบว่าแสงสว่างเจิดจ้าเป็นอย่างไร
ไม่ต้องหรอก
ไม่ต้องแข็งแรงเสมอไปหรอก
ไม่ต้องเข้มแข็งราวกับหิน
ไม่สะทกท้านต้านทุกสิ่ง
แต่ภายในกลับสั่นไหว
หนาวระริกเปราะบางราวกับเดินฝ่าพายุฝน
ห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าเนื้อบาง
โอบกอดตัวเองสักเท่าใด
ก็ไม่มีวันอุ่น
เพราะแสร้งเสเฉไฉว่าตนเข้มแข็ง
ผลักไสผู้คนมากมายไปจากชีวิต
ทำเหมือนว่า ฉันอยู่ได้ และจะเป็นกำบังพักพิงให้คนอื่นเอง
น่าขันสิ้นดี คนอ่อนแอเช่นนี้จะช่วยอะไรใครได้
แม้แต่เข่าของตน ยังอ่อนแรง จวนล้มลง
ยอมรับเถิด
ว่ากลางคืนค่ำนั้น เธอเหงาสุดขั้วหัวใจ
และเธอร้องไห้ออกมา
เสียงอันดังในใจ
ร้องบอกว่า เธอต้องการใครสักคน
ที่มองเห็น และโอบกอดเสียที
นอกจากสองมือของตนที่โอบรัดตัวเองมาเนิ่นนานเพียงนี้
ฉันเองก็ไม่รู้
ความเหงานี้
ไม่ใช่ร่างกายที่ต้องการชายหรือหญิง
ฉันต้องการเพียงรัก ... รักที่ถูกพราก
ไม่อาจย้อนคืน
วันที่พ่อจากไป
วันที่แม่ฝากตัวฉันไว้
กับตายายที่บ้านหลังนั้น
แม้ตอนนี้แม่จะชดเชยเท่าไร
ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยน
ใครเล่าจะเข้าใจ ความเจ็บปวดที่แบกรับ
มานานนับหลายสิบปี
พึ่งจะเข้าใจวันนี้
เจ็บใดเล่าจะเศร้าเท่าที่แม่ไม่กลับมา
คิดทวนอีกครั้ง
นึกว่าเจ็บเพราะวันที่พ่อจาก
แต่แท้ที่จริง กลับเจ็บเพราะอดีต
ที่จำไม่ได้แต่กลับรู้สึก
ผ่านมาวันนี้
พึ่งจะเข้าใจ
ความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่
ความกลัวที่ซ่านซึม
รอคอยให้แม่กลับมา
ชีวิตหนูมีค่าพอ
ให้แม่กลับมาไหม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in