เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
นู่นนี่นั่นโน่นPATNAKAN
เมื่อฉันอยากเจ็บตัวเพื่อความสวย : ทำดั้ง 1st time
  • เฮลโหล เฮลโหลลลลลลล หายไปนานเลยค่ะที่ไม่ค่อยได้เข้ามาเขียนบล็อกที่นี่ เนื่องจากการงานพะรุงพะรังและหันไปเดบิ้วท์วงการยูทูปเบอร์ (ว่าซ่านนน) แต่ตอนนี้ก็กลับมาเขียนหน่อยดีกว่า

    warning : คำหยาบมากมายและเขียนบ่นยาวมาก

    ตามหัวข้อค่ะ! ดิฉันไปเสริมจมูกมา กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    คือก่อนอื่นเลยนะ ฉันน่ะ เป็นคนที่ไม่ไปหาหมอเลยถ้าไม่จำเป็น กุกลัวเข็มชิบหาย หมอเดียวที่ฉันจะไปหาคือหมอฟันค่ะ เพราะอยากฟันสวย แต่นี่จู่ๆก็แบบอยากมีดั้งเฉ้ยยยยย ถึงขั้นพูดว่า 2021 ฉันจะต้องมีดั้งใหม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแม่ค่ะ เพราะเงินแม่ กร๊ากกก แต่คือเราก็ไม่ได้แอ่วแม่ไรขนาดนั้น (แอ่ว (v.) อ้อนขอ วอแวจะเอา ภาษาอีสาน) แบบชิวๆอะ แค่อยากมี ถ้าแม่อนุเคราะห์ก็จะเป็นบุน แต่แม่คือรีบกว่ากุมากกก คือแม่เราเค้าเคยอยากเสริมจมูกแต่พ่อไม่อยากให้เขาทำไรงี้ เขาเลยเข้าใจฟีลว่าคนอยากทำนี่มันอยากทำจริงๆนะ อีกอย่างเราก็จะใกล้จบแล้ว เขาอยากให้เรามีหน้าสวยๆ โหงวเฮ้งดีๆไปสมัครงานไรงี้ เอ้อ ความบิวตี้พริวิเลจในสังคมไทยค่ะ เอ๋ง เอนี่เว เราก็ปิดเทอมพอดี เปิดเทอมก็จะได้มีดั้งใหม่ไฉไลกว่าเดิม นางก็ทำการจองคิวให้เสร็จสรรพ ปุบปับฉับไว เสริมภายในอาทิตย์นั้นเรยจร้า (ซาหรุป เทอมนี้เรียนออนไลน์ ทำดั้งไป เจ่บตัวแต่ไม่มีใครเหน เห้อ)

    แหม ตอนเด็กๆอะเนาะ สงสัย พูดไปว่าคนเราจะยอมเจ็บตัวขนาดนั้นเพื่อให้สวยทำไมวะ
    ตัดภาพมาที่กุในปี 2021 จร้า ทำจมูกค่า อีควายยยยยยยยยยยยยยยยยย

    ก็คลินิกแถวบ้านนี่แหละในขอนแก่น ขับรถไปชั่วโมงนึง แม่ก็อยากจะพาเราไปคลินิกเดิมที่เขาเคยเสริมนะ ลูกพี่ลูกน้องเราก็เสริมที่นั่น ชื่อธารารินคลินิก แต่เรารู้สึกว่ามันโด่งไป (ซึ่งไม่ใช่ความผิดคลินิกแหละ คือลูกค้ารีเควสเองมากกว่า ฉันเข้าใจผิดเอง55555) เราไม่ได้อยากได้โด่งทิ่มตาขนาดนั้น แค่อยากให้โด่งขึ้นนิดๆดูมีมิติขึ้นหน่อย เลยไปคลินิกใหม่ ขอสงวนชื่อคลินิกไว้ละกันเดี๋ยวโดนฟ้อง ไม่ประทับใจการบริการคลินิกนี้เท่าไหร่อะ คือก็ดี แต่มันแบบ อ่าม โซโซ คลินิกธารารินดีกว่ามาก เดี๋ยวเล่าทีหลัง ก็เลือกซิลิโคน ประเมินราคาในข้อความเฟซบุ๊กแหละ เคาะที่ 13900 ประมาณนี้มั้ง แอดมินเป็นคนตอบ ซึ่งไม่ใช่คนที่คลินิก ระหว่างนี้เราก็ทำการรีเสิร์ชข้อมูลเกี่ยวกับการทำจมูก ข้อมูลแน่นมาก ทฤษฎีอย่างปึ้ก เนื้อจมูกเราน้อยคงเสริมได้น้อย เย็บอินเตอร์โดมคืออะไร ใช้ซิลิโคนแบบไหน ถ้าไม่ใช้ซิลิโคนใช้อะไรได้บ้าง พักฟื้นกี่วัน เสริมแบบไหนจะดีตั่งต่าง เซฟรูปไอดอลเกาหลีไว้อย่างเยอะ แต่แบบที่เราสนใจก็มีน้องจอย Red velvet มีฮวีอิน mamamoo โอ๊ย อันนี้ดั้งสวยชิบหาย กับลูซี่ weki meki เค้าสวยมาก แต่กุไปทำก็คงไม่ได้อย่างเขาหรอกค่ะ ถ้าได้ก็คงต้องตายแล้วเกิดใหม่โน่นแหละ

    โอเค สกิ๊ปข้ามไปวันที่เสริมเลยละกันนะ 
    คือพอไปถึงหน้างาน ผลปรากฏว่า ราคานี้ไม่รวมเย็บอินเตอร์โดมค่ะ (อันนี้คือเหมือนจะเย็บให้รูจมูกให้มันรีขึ้นโดยที่ไม่ต้องตัดปีกค่ะ ทีแรกเราอยากตัดปีกมาก เพราะจมูกบาน แต่แม่บอกอย่าตัดเลย เย็บอันนี้เอาก็ได้ แม่ก็เย็บ ตัดแล้วเอาคืนไม่ได้นะ เราก็เลย อือ ไม่ตัดก็ด้ะ) ถ้าเย็บบวกอีกหมื่นนึง อมก ฉันก็บอกให้แม่ถามเขาให้ดีๆว่ารวมรึยัง บางคลินิกก็ไม่รวม แม่ก็บอก โอ๊ย เขารวมแล้วๆๆ คลินิกแม่เขาก็รวม เป็นไงล่ะ หน้างาน เกมเรยจ้า ได้บวกเพิ่มอีกเยอะมาก กลายเป็นว่ารวมค่าจิปาถะนี่นั่นก็เกือบสองหมื่นแปด เขาลดให้สามพันเลยเหลือสองหมื่นห้า ค่าจองรวมในนั้นแล้วสองพัน นั่นแหละ ค่าจองอย่างแพง จะถอยก็ไม่ได้แล้ว ก็เลยต้องจ่ายค่าเย็บอินเตอร์โดมไป เพราะถ้าไม่เย็บอันนี้ จมูกก็บานเท่าเดิม แค่ดั้งโด่งขึ้น แล้วเขาก็ให้ลองจับซิโคนตั่งๆ มันก็เหมือนแท่งๆรูปตัวแอล ก็นิ่มๆแหละ บิดได้แค่ตอนอยู่นอกจมูกนี่แหละ ไม่ต้องโฆษณาว่าบิดได้นะคะ เพราะถ้ามันอยู่ในจมูกกุ กุไม่บิดอยู่แล้ว เกิดแอคซิเด้นขึ้นมากุก็กรี๊ดสิคะ 

    ซึ่งสำหรับเรา โด่งไม่โด่งไม่ใช่ปัญหานะ กุแต่งหน้าหัดทำไฮไลท์เอาก็ได้มั้ง (แล้วเสียเงินเสริมทำไมวะ) แต่ถ้าจมูกบานนี่กุกรี๊ด กุไม่อ๊าวววววววววววว คือเรามีปมกับจมูกมากนะ เคยมีเพื่อนตอนประถมบอกเราว่าจมูกมึงจะได้กลิ่นอะไร แบนขนาดนั้นไรงี้ เราจำคำนี้ได้จนตอนนี้ปีสามอะ บักห่ามึงนี่ เดี๋ยวแม่สูดมึงเข้าไปให้หายในรูจมูกเลยเหยดแม่ แล้วเราก็ไม่ชอบจมูกตัวเองจริงๆที่มันบาน แต่ความโด่งก็ไม่ได้โด่งมาก แต่เคยมีเพื่อนสมัยมัธยมคนนึงเค้าบอกว่าความโด่งจมูกหยินสวยจัง เพื่อนคงเห็นด้านข้างมั้งว่ามันก็ไม่ได้แบนเรียบ 55555 เราก็งงๆ แต่ก็รู้สึกดีมาโดยตลอดนะ55555 คำชมของเพื่อนทำให้เซลฟ์เอสตีมเราพุ่งขึ้นได้จีจีนะ เพราะฉะนั้นก็ชมเพื่อนกันเยอะๆนะคะทุกคน แง แต่พอเพื่อนชมน่ะ พอจะไปเสริมก็แอบเสียดายหน่อยนะที่ความโด่งออริจินัลนี้จะหายไป แต่มันก็คงจะโด่งขึ้นแหละ ไม่เป็นไรมั้ง 

    เออแล้วที่อยากเสริมจมูกเพราะอีกอย่างนึง ทุกคนต้องว่าฉันบ้าแน่ๆ แต่คือ ฉันชอบนักดนตรีวงนึง ละแฟนเขาสวยอะ แบบหน้าเก๋ ปากนิดจมูกหน่อย กุเลยแบบ แง อยากมีดั้งบ้าง เผื่อจะสวย เพราะตอนนี้ชอบหน้าตัวเองทุกตรงยกเว้นจมูก แต่คื๊อออ ต่อให้กูดั้งโด่ง ต่อให้กูสวย แต่ถ้าคนไม่ใช่มันก็คือไม่ใช่ป่าววะ ฮือออออออ ทำไมคนแบบพี่ต้องมีคนเดียวด้วยคะ T________T

    อะ ละพอไปคุยกับหมอ หมอก็บอกว่าจมูกเนื้อน้อยนะ กุก็เลยไม่ได้เอารูปไอดอลเกาหลีให้ดูด้วยซ้ำ ปลงหนึ่ง กุคงไม่มีทางมีแบบนั้นได้ แม่ก็เลยบอกว่าให้หมอทำเลยแล้วกัน ออกแบบเลย แอร์เย็นมาก ธรรมดากุก็ตื่นเต้นอยู่แล้ว เขาบอกฉีดยาชาเจ็บมาก หมอก็บอกไม่ต้องตื่นเต้นนะ ผ่าตัดเล็ก ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยก็ถ่ายภาพบีฟอร์ไว้ พอฉีดยาชาเข้าไปน้ำตากุไหลพรากอยากตาย ไม่รู้แล้วว่าฉีดตรงไหนหรือกี่เข็ม กุเจ็บจนไม่รู้เรื่อง มันแสบมาก เจ็บกว่าฉีดฟันคุดค่ะ คอนเฟิม แต่ก็นะ เรื่องเจ็บไม่เจ็บมันก็เป็นเรื่องของความรู้สึก แต่ละคนรับความเจ็บได้ไม่เท่ากัน แต่เราที่เป็นมนุษย์กลัวเจ็บชิบหายก็แบบ ในใจกุกรี๊ดแบบ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก เจ่บอีเหี้ยยยยย

    แต่ตอนผ่าก็ไม่รู้สึกไรแล้วแหละ ไม่รู้ด้วยซ้ำเขายัดซิลิโคนเข้าจมูกตอนไหน แต่เกร็งมาก ตัวแข็ง พอเสริมเสร็จหมอนังก็ชื่นชมผลงานตัวเองว่าแบบ จมูกโด่งสวย ละมุนมาก รูจมูกไม่บานแล้ว ตั่งต่าง พร้อมเย็บปิดโดยที่ไม่ได้ให้กุดูกระจก (ก็งงอยู่นะ คลินิกอื่นเขาให้ดูไม่ใช่หรอว่าโด่งพอไหมยังไง) แต่ก็เอาเถอะ เราเป็นมนุษย์แบบปลง มันได้แค่นี้ก็แค่นี้แหละมั้ง เอาที่หมอว่าเซฟ กุไม่อยากมีปัญหาทีหลังมันจะทะลุนี่นั่นตั่งต่าง แล้วผู้ช่วยก็ถ่ายรูปอาฟเตอร์ให้เรา กับติดพลาสเตอร์ดามไว้ไม่ให้มันเคลื่อน ซึ่งตอนกดพลาสเตอร์คือได้ยินเสียงเลือดไหลปรี๊ดดดดดดในจมูกเลยอะ ตอนตะไบกระดูกก็เหมือนกัน อห เสียงก้องในหัวกุเลย กลัวมาก55555 แล้วตอนนั้นเราก็เริ่มช้ำละ ม่วงเลยอะ พี่เขาเอารูปให้ดูทีหลังก็แบบ เชี่ย กุช้ำง่ายมาก

    ออกมาปุ๊บเขาก็ให้ประคบน้ำแข็ง ให้ยา ชี้แจงต่างๆ ว่าห้ามกินของหมักดอง แอลกอฮอล์ ของเผ็ด นอนหมอนสูง หมอนรองคอ ห้านอนตะแคง สระผมที่ร้านนะ ห้ามล้างหน้า ใส่แว่นได้เมื่อไหร่ ห้ามออกกำลังกายเดือนครึ่ง บลาๆ ซึ่งแต่ละคลินิกก็คงแจ้งไม่เหมือนกัน เขามีเทคนิคต่างกันแต่หลักๆ ก็ห้ามกินของแสลงกับนอนหมอนต่ำแหละ ไม่งั้นมันจะบวม ตอนนั้นคือกุฟังไม่รู้เรื่องละกุเจ่บบบ คือยาชามันเหมือนจะหมดฤทธิ์ช่วงเย็บอะ เพราะตอนเย็บก็จี๊ดๆๆ ก็พยักหน้ารัวๆ กินยาลดบวมกับแก้ปวด แล้วเราก็โทรบอกให้แม่มารับกลับบ้าน แล้วฉันก็บ่นปวดจมูกตลอดทาง แต่ผ่าตัดไวมาก ไม่ถึง 45 นาทีด้วยซ้ำมั้ง

    สภาพจมูกตอนนั้นคือเริ่มแดง แล้วพอเราเงยหน้าดูรูจมูกตัวเองมันก็รีขึ้นก็จริงนะ แต่มันเหมือนจมูกหมูงะ T___T นึกภาพเราดึงปลายจมูกขึ้นแล้วมันเหมือนหมู เราก็แอบจิตตกไปนิดนึง ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แงแต่มันโด่งขึ้นมากอยู่อะ แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ค่อยสวย แต่เราก็ไม่เห็นชัดเจนนะ เพราะตอนนั้นมีพลาสเตอร์ปิดไว้น่ะ นึกภาพทรงไม่ออก แต่เราเพิ่งมาเห็นภาพทีหลังตอนคลินิกส่งภาพบีฟอร์อาฟเตอร์มาให้ดูทีหลัง 

    แต่แม่เราชอบมากกก บอกว่าโด่ง เรียวเล็ก แต่ว่าเดี๋ยวมันก็จะยุบลงอีกนะว่างั้น ซึ่งก็จริงแหละ พอครบวีคสองวีค มันยุบลงเลย จมูกเราไม่หมูแล้ว และไม่กลับไปบานแนวนอน แต่เป็นรูปรีขึ้นน่ะแหละแต่ไม่บานออกข้าง แต่เรากลัวอย่างเดียวว่าเย็บอินเตอร์โดมนี่จะคลายออกได้ไหมหรือยุบลงจนจมูกกลับไปบานเท่าเดิมรึเปล่า 555555555555 แต่จมูกก็ทรงเดิม แค่รูจมูกไม่บานเท่าเดิม ก็ถือว่าพึงพอใจอยู่แหละ ดั้งก็ไม่โด่งแข็งเท่าวันแรก (edit:สามเดือนผ่านไปก็ยังดูแข็งๆอะ..) เรารู้สึกว่ามันมีความเป็นสโลปขึ้น แต่ถ้ามองดีๆ จมูกเรามันเหมือนไม่ได้เสริมเลยนะ มุมตรงก็เหมือนไม่มีสันชัดเจน อาจเป็นเพราะมันยังไม่เข้ารูป..แต่ตอนนี้สามเดือนแล้วก็ไม่ได้เป็นสันอะ.. แต่ด้านข้างถึงจะเห็นว่าดั้งโด่งขึ้น เป็นไปตามประสงค์ เหมือนดั้งธรรมชาติ เกิดมาก็โด่งแบบนี้ ดั้งแท้แม่ให้(เงิน)มา 55555555555555555 ส่วนหน้าตรงที่มันดูไม่โด่งคงเป็นเพราะไม่ได้ตอกฐานด้วยอะ ตรงฐานจมูกใกล้ๆหัวตามันใหญ่มากๆ เสริมแล้วก็ไม่ได้ดูมีมิติขึ้นอยู่ดี พูดแร้วก็เส้าว่ะ ยิ่งตอนนี้จมูกยุบลงแล้วก็เหมือนจมูกบานเท่าเดิม55555 เวลายิ้มคือจมูกเราบานเท่าเดิมเรยจ้า อิสัด55555 แต่ถ้าจะตอกทุบฐานแล้วมันน่าจะเสริมแบบโอเพ่นมั้งนะ ซึ่งพักฟื้นนานและแพงกว่า แหงแหละ เสริมแบบโอเพ่นคือเหมือนการสร้างจมูกใหม่ แก้โครงสร้างได้หมดอะ

    เราเสริมเทคนิค semi-open นะ แต่ถ้าเสริมทั่วไปก็แบบ closed เลย แต่บางคนถ้าอยากเปลี่ยนทรงจมูกไปเลยก็คือ open เปิดทั้งจมูก ทุบแล้วเนรมิตรใหม่ได้เลย แต่พักฟื้นนานมากกกกกก แบบครึ่งปี ห้ามออกกำลังกาย กุตายดีกว่า น้ำหนักที่กุลดมา 14 กิโลก็คงกลับไปขึ้นเท่าเดิม นี่ไม่ออกแป๊บเดียวกุขึ้น 4 โล บ้าเหรอ อยากสวยที่หน้าแต่ก็อยากหุ่นดีก่อนค่ะ เพราะตอนนี้ยังอ้วนอยู่ แต่ยังไงก็ตาม คนที่อยากเสริมก็ลองหาคลินิกดีๆที่มีคุณหมอให้คำปรึกษาทุกอย่างพร้อมฟอลโลวอัพนะคะ คุยได้ว่าอยากเสริมแบบไหน ทำอะไรบ้าง อย่าใจร้อนเหมือนแม่ฉันค่ะที่รีบจองจนไม่ได้ถามรายละเอียดอื่นๆ มาเจอคลินิกบริการห่วยแบบนี้ไม่คุ้มค่ะแง แต่ถ้าทำสวยเขาก็ทำสวยอยู่แหละนะ อันนี้ไม่ได้ว่า แต่การที่ไม่มีหมอฟอลโลวอัพมันไม่ได้ทำให้ลูกค้าสบายใจอะ เราจ่ายเยอะอยู่นะแต่บริการมันไม่โอเคอะ รุ่นพี่เราที่ไปเสริมช่วงเดียวกันแต่เสริมในกทม ศิริเวลเนส พี่เขาได้รองเนื้อเยื่อเทียมฟรีด้วยซ้ำอะ จ่ายเท่าเราแต่ดีกว่ามากๆ เพราะฉะนั้นก็ลองดูคลินิกดีๆค่า

    แต่พอมันดูไม่โด่งมาก คนรอบตัวเราก็บ่นว่ามันไม่เห็นจะโด่งเลย ทักกันแต่แบบนี้ มากเข้าเรื่อยๆจนเราเฟลอะ ทั้งๆที่ทีแรกเราไม่ได้มีปัญหากับดั้งใหม่เลยนะ เราว่ามันพอดีกับหน้าแล้ว โด่งขึ้นกว่านี้ก็คงดี แต่ อย่างที่บอกว่าต่อให้อยากโด่งกว่านี้แต่เนื้อจมูกเรามันน้อยเราก็จะไม่ฝืนอ่ะ สวยให้นานๆดีกว่า ไม่อยากเจ็บตัวซ้ำถ้ามันทะลุหรือแดง ปลายบางใสงี้ ไปทำใหม่ไม่คุ้มหรอก แค่พักฟื้นก็เสียดายเวลาชีวิตแล้ว ทำอะไรไม่ได้เลยช่วงเสริมใหม่ๆ แต่เราก็พยายามจะไม่แคร์นะ แบบเออแค่นี้กุก็สวยแล้วแหละ 5555555555555555

    จริงๆก็ยอมรับนะว่าต่อให้เราคิดว่าเราพอใจกับหน้าตัวเอง กุสวยที่สุดที่หน้ากระจก พอออกนอกบ้าน เจอคนสวยมากๆก็เหม่อ แบบเฮ้อ เรายังสวยไม่พอ สุดท้ายกุก็ต้องพยายามสวยเพื่อให้ตัวเองเข้ามาตรฐานบิวตี้แสตนดาร์ด ฉันอิจฉาจังเลยนะคนที่สามารถภูมิใจกับตัวเองได้น่ะ ฉันกำลังพยายามหัดทำ พยายามสวยอยู่ TvT ฟัคบิวตี้แสตนดาร์ด ฟัคบิวตี้พริวิเลจ อีเหี้ย กุเกลียดมึงแต่ก็ต้องพยายามเข้าหามึงเนี่ย55555555555555555555555555555555 

    เอาล่ะ จะเริ่มบ่นจริงจังถึงช่วงพักฟื้นละค่ะ

    แนะนำ item ที่ควรมี
    - น้ำใบบัวบก กินตั้งแต่ก่อนไปเสริมเลยนะจะได้ช้ำน้อย ห้ามกินวิตามินอาหารเสริมก่อนหน้านั้นด้วย เดี๋ยวเลือดไหลเยอะ
    - เจลเย็น 
    - หมอนรองคอ
    - ใส่เสื้อเชิ้ตหรือเสื้อมีกระดุมจะได้ถอดอาบน้ำง่ายๆหลังจากที่เสริมวันแรกแล้ว

    แนะนำให้เสริมตอนกลางวันไม่ใช่ตอนเย็น จะได้มีเวลาพักฟื้นตอนกลางวัน ประคบเย็นช่วงกลางวันจะได้ไม่บวมมาก ตอนกลางคืนจะได้นอน เพราะถ้าเสริมตอนเย็น ประคบแป๊บเดียวก็ได้วางแล้วเพราะต้องเข้านอน ตื่นมาอาจจะบวมเยอะ

    แล้วก็ถ้าใครรอได้ ไม่เสริมช่วงโควิดก็น่าจะดีนะคะ แบบว่าคลินิกเรามันน่าจะจำกัดจำนวนคนอะค่ะ เพราะงั้นถ้าเราร้อนใจเราอาจจะไม่สามารถไปหาคลินิกได้ปุบปับ ใส่แมสก์ทับก็อาจจะเจ็บจมูกมากๆ และเสริมไปก็แทบจะไม่มีใครเหนเพราะอยู่บ้าน 555555 แต่ถ้าใครอยากเสริมก็โกโกโล้ดค่า

    ช่วงสามวันแรกเราแทบไม่ทำอะไรเลย มันเจ็บแล้วก็ต้องประคบเย็นรัวๆ กินน้ำใบบัวบกรัวๆ ไม่อร่อยก็ต้องกินเพราะมันลดช้ำได้ดีมาก มากจริงๆ วันที่หกเราแกะพลาสเตอร์เหลือรอยเหลืองนิดเดียวที่แทบมองไม่เห็น แต่เรานับถือใจคนที่เสริมจมูกแล้วไปทำงานต่อได้มากๆ คือเราเจ็บมาก ตึงมาก ก้มนิดหน่อยนี่สะท้านทรวง แม่เราเสริมสามวันไปทำงานเลยอะ ขนาดเราตอนนี้ที่เสริมครบเดือนแล้ว ใส่แมสก์ยังรู้สึกเจ็บๆเพราะแมสก์มันกดอะ จะเอาอะไรกับใส่แว่นคะ กุคงใส่เดือนที่สองนู่นแหละ (กลับมารีไรท์อีก ตอนนี้จะสามเดือนยังไม่กล้าใส่แว่นเลย เวลาไปดูหนังพอลองวางละมันหนักเกินอะ)

    นอนปวดคอมากกก ไม่ชิน สองสามวันแรกคือปวดหลังมาก ปวดจมูก นอนก็ไม่หลับ ตื่นตีสองตีสาม หน้าก็บวม ทั้งนี้ใครอดทนนั่งหลับได้ก็จะหายบวมเร็วค่ะ แต่เราไม่ไหว กุปวดจมูกได้แต่กุจะปวดหลังให้น้อยที่สุด หมอนรองคอที่บ้านก็โคตรผิดผี เป็นเหมือนหมอนงานบวชอะ แข็งสัส กดสั่งบนชอปปี้ก็ยังมาไม่ถึง กว่าจะได้นอนหมอนดีๆก็ปาไปแล้ววันที่ 6 แล้วช่วงพักฟื้นนี่ก็เบื่อมาก ไม่รู้ทำอะไรได้ ดูซีรีส์ก็เปนคนอ่อนไหว ร้องห่มร้องไห้ง่าย ประเดี๋ยวน้ำมูกไหล ดูซีนขำก็ขำยาก ตึงไปหมด ได้แต่อ้าปาก แล้วก็ ฮ่า ฮ่า ฮ่า กุเวทนาตัวเองมาก โอ๊ยยยย กินเผ็ดก็ไม่ได้ กินร้อนก็ไม่ได้ ฉันกินโจ๊กอุ่นน้ำมูกยังไหล สมเพชเหลือเกิน

    แล้วเขาก็นัดตัดไหม 14 วัน ระหว่างนี้ก็ต้องล้างแผลเอง ซึ่งล้างไม่ดีเดี๋ยวติดเชื้อ หน้าก็ล้างไม่ได้ ใช้น้ำเกลือเช็ดหน้าแต่หน้าก็มันแผล่บ สิวขึ้นหน้าอีก โอยยยย ออกกำลังกายก็ไม่ได้ออก มีแต่กินๆ นอนๆ เดินๆบ้างให้เลือดไหลเวียน น้ำหนักก็ขึ้น สู กูเซ็งมาก อะไรนี่ชีวิต ทะเลาะกับที่บ้านด้วยนะช่วงนี้ แบบแม่ก็บ่นน้องชายว่าไม่ทำนี่นั่นช่วย ฉันก็เลยแบบ บอกแม่ให้เบาหน่อย น้องมันก็ช่วย แล้วนางก็ด่าฉันว่า หุบปากไปถ้าไม่ช่วย ฉันแบบ เอ่า ถ้ากุไปยกโซฟาช่วยนี่ให้กุทำไง ดั้งกุทะลุไหม หงุดหงิดมากจนไม่อยากคุยด้วย 

    แล้วอย่างการล้างแผลเนี่ย เราส่องไฟดูใช่ปะ แล้วเราก็เจออะไรไม่รู้โผล่ออกมาตรงกลางจมูก คือมันไม่น่าจะใช่ซิลิโคน แต่ที่แน่ๆไม่ใช่น้ำมูก เพราะเช็ดไม่ออก แล้วตรงแผลที่เสริมมันก็กลายเป็นสีน้ำตาล (สรุปว่าเปนคราบเลือดที่ติดแหละ วันตัดไหม ล้างแผลก็เอาออกละ) เราก็ประสาทแดกแพนิคไปหมดว่ามันเป็นอะไรรึเปล่า พอทักไปถามคลินิก ก็ตอบแค่ว่า คงเป็นน้ำมูกค่ะ เราก็เลยถามว่า ไปให้คลินิกเช็คได้ไหม ถ้าเราแพนิค หรือต้องนัดล่วงหน้า นังก็บอก รอวันตัดไหมนะค่ะ (นะค่ะจริงๆ) กุแบบ โอ๊ยยยยยยยยย สมมติกุเปนไรขึ้นมา กว่าจะถึงวันตัดไหม จมุกกุไม่พังแล้วเหรอ อีคลินิกนี้ไม่ได้ทำให้กุสบายใจเลย พอวันตัดไหม นางก็เปนคนล้างแผลกับตัดไหมให้ ไม่มีหมอมาฟอลโล่วอัพอะไรทั้งสิ้น กุแบบ เคร คือเราไม่สามารถถามอะไรได้เลยอะ แบบไม่มีหมอให้กุถามอะ คือกุจ่ายไปสองหมื่นห้า เซอร์วิสได้แค่นี้เหรอ สรุปตอนนี้ไอ้ที่โผล่ออกมาคืออะไรก็ไม่รู้ ตอนนี้มันก็ยังอยู่แหละแต่ไม่ดูแบบอันตรายเท่าเดิมละ อาจเปนเพราะกุปลงมั้ง 

    เออละตอนวันที่ไปถึงหน้าคลินิก เขายังไม่เปิดคลินิกอะ แล้วเราเลยจะเอาเก้าอี้หน้าร้านมานั่ง นางก็บอกให้เราเก็บ ไม่ให้นั่ง ให้ยืนรออะ กุแบบว้าวซ่า ที่สุดเรยค่า สุดสุดไปเรย นอกจากเซอร์วิสไม่ได้แล้วยังไม่ได้คลายข้อข้องใจให้กับลูกค้าแล้วไม่มีติดตามอาการ รับประกันแค่หนึ่งปีด้วย กุรู้สึกเสียดายเลยที่กุไม่ไปเสริมคลินิกเดิมที่แม่เคยทำ อันนั้นรับประกันสามปี เข้าปีที่สามแล้วยังโทรมาเช็คแม่อยู่เลยว่าโอเคไหม อิคลินิกนี้คือมึงไปขี้เลยนะ 

    แล้วระหว่างรอ 14 วันนี่กุก็อ่านพวกอาการ ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นได้จนกุประสาทแดกไปหมด มันไม่หายเจ็บสักทีอะ แบบไม่ได้ปวดเหมือนตอนผ่าตัดเสร็จนะ แต่มันมีอาการเจ็บๆบ้างบางครั้ง แพนิคมากๆๆๆๆๆ เจออะไรก็วิตกกังวลไปหมด แต่หน้าลอกนี่ปกตินะ คือหน้าเราเคยบวม พอมันยุบมันก็จะลอก แล้วถ้าเราไม่นั่งหลับหน้าก็จะบวมนานหน่อย หน้าเราบวมนานมาก เพราะเรานอนสูงไม่พอ แต่มันบวมแบบไหลลงเรื่อยๆอะ ลงตา ลงแก้ม ลงเหนียง แต่รอยช้ำน้อยเพราะกุแดกใบบัวบกจนฉี่ทุกชั่วโมงอะ ดื่มน้ำเยอะๆ เดินบ่อยๆให้เลือดไหลเวียนก็โอเคค่ะ กินอาหารอาจจะจุกจิกหน่อยก็ระวังเอาละกันค่ะ ถ้าใครไปเสริมจมูกมาแล้วเจออาการแปลกๆก็หายใจเข้าออกก่อนนะคะ เราเครียด เข้าใจได้ ลองทักไปถามคลินิกค่ะว่าไปหาได้ไหม หาคลินิกดีๆที่เขายินดีให้เราเข้าไปเช็คได้ค่ะ เราจะได้สบายใจนะ เสิร์ชอาการบนเน็ตได้ ฉันจะไม่ห้ามให้ทุกคนทำ เพราะฉันเองก็ทำ (ซึ่งมันทำให้เราประสาทแดก555555) แต่ถ้ามันรู้สึกผิดผีมากๆก็ทักไปหาคลินิกค่ะ 

    แล้วเราพาแม่ไปฉีดเมโสแฟตซัมติงที่อีกคลินิกหลังจากที่ตัดไหมเสร็จ พี่พนงที่นั่นก็ถามว่าพาลูกสาวไปเสริมที่ไหนมาคะ (นางได้ยินเราคุยทรศกับยายตอนที่ตัดไหมแล้ว) พอบ่นให้เขาฟังว่าเออไม่มีหมอดูให้ไรตั่งต่างเขาก็ตกใจ แบบเห้ย งี้ก็ได้หรอ ไรงี้ แล้วราคานี้อะ ถ้าไปเสริมอีกคลินิกคือได้เสริมพรีเมี่ยมเลยนะ กุก็แบบ ฮะฮ่าฮ่า ฮะฮ่าฮ่า นั่นแหระค้าาาาาาา

    เอาล่ะ ทีนี้เราจะมาสรุปรีวิวการทำศัลยกรรม ข้อดีข้อเสียนะ
    ข้อเสีย - ออกกำลังกายไม่ได้ อ้วน สิวขึ้น หน้ามัน (จะสามเดือนแล้วยังหน้ามันอยู่เลยค่ะ เวทตัวเองมาก ปกติเป็นคนหน้าแห้ง) สิวเสี้ยน กินของอร่อยไม่ได้ ของเผ็ดไม่ได้ ต้องระมัดระวังไปหมด มือโดนก็เจ็บ จามนี่ลืมไปเลย กุปิดห้องรัวๆ ไม่ออกข้างนอกเลยเพราะจะคันจมูก หาวก็ยาก หน้าตึงไปหมด แสดงสีหน้าได้ไม่เยอะ พักฟื้นเสียเวลาชีวิตชิบหาย ใส่แว่นไม่ได้ ใส่คอนแทคเลนส์ก็ยาก หลังจากนี้ก็ต้องระวังอีก กระแทกอะไรไม่ได้ ใช้ชีวิตอย่างเจ้าหญิง ระวังทุกอย่างก้าว กีฬารุนแรงนี่ลืมไปได้เลย อีเหี้ยๆๆ อะไรวะเนี่ย ไม่รวมอาการนอนหลับยากตอนกลางคืนอีก พอจะนอนแล้วในหัวก็สร้างซีนดราม่า กลัวเผลอนอนตะแคง เกาจมูกเพราะคันไรงี้ ใจหวิวจนนอนไม่ได้ ใช้เวลาพยายามนอนหลายชั่วโมงเลยบางวัน (เราเป็นพวกวิตกกังวลง่ายด้วยอะ คิดสะระตะไปเรื่อย บางคนก็อาจไม่เป็นนะ) ใจเต้นแรง ปวดคอ ปวดหลัง 

    ข้อดี - สวย

    ค่ะ แค่นี้แหละ 5555555555555

    นั่นแหละ สุดท้ายนี้ การศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องผิดอะไร มันสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับคนได้ ถ้าเรารู้สึกว่าเราไม่สวยก็ไปทำ แต่ว่ามันก็มีผลข้างเคียงหรือข้อควรระวังก็เยอะมากเหมือนกัน เสียเวลาหลายเดือนด้วยที่ทำอะไรไม่ได้ ทำไปหลายๆปีก็ไม่รู้มีโอกาสทะลุหรืออะไรรึเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนี้เราก็ไม่ได้แฮปปี้ 100% นะ เรารู้สึกว่ามันไม่คุ้มขนาดนั้นเมื่อเทียบกับอาการต่างๆที่กล่าวไปข้างต้น นั่นแหละ อยากสวยแม่งต้องอดทนอะ เจ็บตัวเพื่อความสวย นับถือใจคนที่ทำทั้งหน้าทั้งตัวอะ ใจรักมากนะ เรสเปคๆ เราพอแล้วแหละ ไม่ไหวแล้ว 55555555555555 ใจเสาะมาก แค่ทำจมูกนี่ก็กล้าสุดๆแล้ว อยากมีนมก็คงไม่ทำแล้วค่ะ กุเสริมฟองน้ำเอา แง ถ้าใครจะไปทำเราก็ไม่ห้ามนะ แต่ต้องคิดดีๆว่าคุ้มไหม เพราะช่วงที่เราปวดเราก็บ่นแบบ กุไม่น่าไปทำเลย นอนก็ไม่หลับ นอนตะแคง ซุกหมอนก็ไม่ได้ ถ้าไม่ไปทำก็คงนอนสบายแล้ว ใช้ชีวิตได้ปกติ จะเล่นอะไรรุนแรง จะซุ่มซ่ามก็ได้ คิดไปก็เสียใจนิดนึงอะ แต่ตอนนี้สวยขึ้นก็พอหยวนๆไปได้บ้าง ดูหน้าตัวเองแล้วแบบ อืม มุมข้างดีขึ้นแฮะ ความรู้สึกตอนตื่นมาแล้วเห็นสันดั้งตัวเองละมันแบบ ว้าว 555555555

    แต่เราก็คิดว่าอายุมากๆๆกว่านี้ก็อาจจะไปเอาออก เพราะในช่วงเวลาชีวิต 20-40 ปี นี่มันก็ยังต้องใช้ภาพลักษณ์ บุคลิก ใช้ความสวยงามในชีวิตอยู่อะ แต่แก่กว่านี้ก็ไม่จำเป็นแล้ว แค่จมูกยังหายใจได้ก็โอเค ไม่โด่งก็ได้ 55555 บางทีก็เหนื่อยที่ต้องพยายามเอาตัวเองเข้าไปในมาตรฐานความงาม แต่ก็ไม่หยุดพยายามสักทีอะ คือเมื่อไหร่จะภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองมีก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นอะ เราเลยรู้สึกดีมากเลยเวลาเห็นคนพอใจที่เป็นตัวของพวกเขาอะ เขาดูแฮปปี้และมีความสุขมากซึ่งเราอยากเป็นแบบนั้นแต่เรายังทำไม่ได้ 55555555 เจ๊ผู้ช่วยก็ถามเรานะว่าแพลนต่อไปทำไร ทำคางเหรอ กุตอบเรย ไม่เอาแล้วค่า ในใจกุคือ พอแร้ว กุไม่ยอมเจ่บแล้ว ถ้าจะเจ่บต่อจากนี้คงเป็นอะไรเล็กๆน้อยๆมั้ง เช่น ฉีดปากให้อวบอิ่ม ทาลิปแล้วสวยก็พอ แต่ไม่เอาผ่าตัดแล้วค่า ตอนนี้อ้วนกุก็จะลดน้ำหนักเอาค่า 5555555555555

    ทุกคนอาจจะคิดว่าฉันอาจจะแปะรูปดั้งใหม่ตัวเอง แต่ฉันไม่แปะดีกว่าค่ะ ฉันเขิน แต่เอาจิงก็เหี้ยอยู่นะ บล็อกพูดถึงศัลยกรรมแต่ไม่แปะบีฟอร์อาฟเต้อ แต่อีกอย่างก็เพราะมุมตรงมันแทบไม่ต่าง แค่ด้านข้างโด่งขึ้น สมเพชตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะที่เสียเงินไปแล้วหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนขนาดนั้น เสียดายตังค่ะ เส้า

    ปล.เอาจริงๆ กุว่าสมัยนี้ไม่ต้องศัลยกรรมก็ได้ถ้าเราใช้ฟิลเตอร์ไอจี ฮืออออออ (โจ๊กนะคะ) 

    ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าจะพบกันใหม่เมื่ออยากทำสวยครั้งต่อไป555555555

    - หยินเองจ้า

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in