มีคนเอาลูกหมาที่ยังไม่ลืมตาดีมาทิ้งไว้ข้างถังขยะ มันอยู่ในลังกระดาษชุ่มน้ำฝน มีเพียงพลาสติกใสคลุมไว้ พี่น้องอีกสองตัวของมันตัวแข็งทื่อไม่หายใจ แต่เจ้าหมาลายจุดตัวนี้ยังมีแรงร้อง หากฝนกระหน่ำแรงกว่านี้ ผมไม่แน่ใจว่าจะได้ยินเสียง
เจ้าหมาที่น่าสงสาร
การบรรจงเช็ดตัวให้ลูกหมาไร้เจ้าของน่าจะเป็นการกระทำที่อ่อนโยนนุ่มนวลที่สุดในชีวิตของผม มันตัวสั่นเทา ปากส่งเสียงร้องหงิง คนที่เอามันมาทิ้งเกือบทำให้สายฝนเย็นเยียบกลายเป็นฆาตกรโดยไม่ได้ตั้งใจ
จู่ๆ การลางานของผมดูมีความหมายขึ้นมาทันที ด้วยความคิดแสนโรแมนติก ผมช่วยชีวิตลูกหมาตัวหนึ่งไว้ราวกับวีรชน ทันเวลาก่อนที่ฝนจะกระหน่ำรุนแรงตลอดบ่ายวันนั้นพอดี
__________________________________
คุณลุงเจ้าของร้านรับลูกหมาพเนจรไปเลี้ยง ทันที่ผมเดินคลุมร่มฝ่าฝนออกไปถามเขาว่าลูกหมาต้องกินนมอะไรและจะดูแลให้รอดได้อย่างไร เขาก็บอกว่า “เอามานี่ ฉันเลี้ยงให้ก็ได้” อย่างกับว่าผมไปตื๊อให้เขารับอุปการะมันอย่างนั้นแหละ
“แค่จ่ายค่าเช่าบ้านก็แทบรากเลือดแล้ว จะดูแลหมาอีกตัวยังไงไหว” เขาว่า นอกจากเขาจะเป็นเจ้าของร้านกาแฟที่เปิดตามใจแทบตลอดทั้งวันทั้งที่ไม่ค่อยมีลูกค้า คุณลุงท่าทางใจดีแต่ปากร้ายยังเป็นเจ้าของบ้านเช่าของผมด้วย บ้านชั้นล่างของเขามีลานข้างหลังที่เหมาะให้หมาวิ่งเล่นมากกว่าชั้นสองที่ผมพักอยู่มากมายนัก
แต่เอาเข้าจริง ผมว่าเขาคงเหงาน่าดู
เขาฝากร้านไว้ บอกว่าจะกลับไปเตรียมที่ทางให้หมาแล้วผลุนผลันออกไปดื้อๆ ผมพลิกแผ่นป้ายตรงประตูให้กลายเป็น “ปิด” ในร้านจึงมีแค่ผมกับชายลึกลับคนเดิม มิลค์เชคของเขาพร่องไปจนเกือบหมดแก้วแล้ว
“มีลูกหมาด้วยเหรอครับ” ชายไร้ชื่อเอ่ยถาม “ผมชอบหมานะ”
แล้วในบัดนั้น เขาก็ดันกลายเป็นคนปกติที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยพบ
อย่างที่เขาว่า ในครั้งที่สาม ทุกอย่างจะสัมฤทธิ์ผล
__________________________________
“เราเจอกันวันที่ฝนตกตลอดเลยนะครับ”
“ฝนตกเพราะผมออกจากบ้านครับ”
“โชคไม่ดีเลยนะ”
“ไม่เกี่ยวกับโชคหรอกครับ ฝนต้องตกตามเวลาที่ควรตกอยู่แล้ว”
“แบบนี้นี่เอง ชอบฝนมากสินะครับ”
เขาครุ่นคิด
“ผมชอบออกจากบ้านครับ”
นี่ไง กลับมาเป็นคนแปลกๆ อีกแล้ว
“แถมคุณก็ดูจะมีร่มเยอะด้วย”
“เพราะเอาให้คนอื่นบ่อยๆ เลยมีอยู่เยอะครับ”
“ให้เพราะรู้สึกผิดแบบที่ให้ผมเหรอ”
“ครับ”
“รู้สึกผิดที่ฝนตกเพราะคุณออกจากบ้านเนี่ยนะ”
เขาพยักหน้า
“คุณเป็นคนแรกเลยนะครับที่พูดเรื่องนี้กับผมตรงๆ
พอได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก”
“พูดอย่างกับคุณเป็นคนทำให้ฝนตก”
เขากระพริบตาช้าๆ เอามือประสานใต้คางแล้วถอนใจเฮือกใหญ่
อากัปกริยาน่าเอ็นดูและเยาว์วัยเหมือนเด็กน้อยเสียเหลือเกิน
จากนั้นฝนก็ตกหนักขึ้นกว่าเดิม
__________________________________
“รับไปสิครับ” เขายื่นร่มให้ผม “ผมอยู่ข้างนอก ฝนยังไม่หยุดง่ายๆ หรอก”
สุ้มเสียงเป็นการเป็นงานเกินกว่าจะล้อเล่น หากไม่ใช่เรื่องจริงที่เหนือจริง เขาก็ดูหลงเชื่อเรื่องฝันเฟื่องของตัวเองอย่างร้ายกาจ เหมือนผมวัยห้าขวบที่ออกไปโบกไม้โบกมืออยู่กลางทุ่งเพราะปักใจว่าสามารถเรียกลมให้พัดมาจากทางไหนก็ได้
“ถ้าคุณกลับบ้าน ฝนจะหยุดตกเหรอ”
เขากางร่มสีแสดแสบตา ก่อนจะหันมาพยักหน้าเงียบๆ
ผมสงสัยเหลือเกินว่าบ้านเขาอยู่ไกลแค่ไหน แต่นั่นเป็นคำถามที่ไม่ควรรีบจู่โจมคนแปลกหน้าที่เพิ่งทำความรู้จักกันหมาดๆ ถึงออกจะกระดากปากไปหน่อยถ้าเรียกการนั่งดูฝนเงียบๆ ของเราว่าเป็นการทำความรู้จักมักคุ้นกันก็เถอะ
“แล้วเจอกันนะครับ” ผมบอกลา คลุมร่มของเขากลับบ้าน
เราแยกกันไปคนละทาง เขาเลี้ยวซ้าย ผมเลี้ยวขวา
ยี่สิบนาทีต่อมา ฝนก็หยุดตก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in