B2B กลยุทธ์การตลาดแบบBusiness to Business เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ในประเทศไทยมีผู้ที่ดำเนินธุรกิจประเภทนี้จำนวนไม่น้อย แต่รูปแบบการตลาดนั้นค่อนข้างแตกต่างกับ B2C มากประมาณหนึ่ง และอาศัยปัจจัยอื่น ๆ ที่มากกว่าการตลาดแบบ B2C อีกด้วย วันนี้ นำกลยุทธ์ที่เวิร์กในการทำธุรกิจแบบ B2B Marketing ประจำปี 2024 มาฝากกันครับ

สร้างธุรกิจให้ดีและสนุก แล้วเงินจะไหลเข้ามาเอง คำคม โดย ริชาร์จ แบรนสัน

B2B คือ

“B2B” เป็นสัญลักษณ์ตัวย่อที่มีความหมายว่า “Business-to-Business” ซึ่งในทางทฤษฎีแปลว่า “ธุรกิจต่อธุรกิจ” หรือ “การค้าระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ” นี่คือการทำธุรกิจที่เกิดขึ้นระหว่างองค์กร โดยมีการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการ โดยที่ไม่มีผู้บริโภคทั่วไปเข้าไปเกี่ยวข้อง

ในบริบท B2B การทำธุรกิจมักเน้นการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืน รวมถึงการเจรจาธุรกิจที่ซับซ้อนและมีระดับมาตรฐานที่สูง ซึ่งมักให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพในการทำธุรกิจ

การทำธุรกิจในลักษณะการซื้อขายของสินค้าหรือบริการในปริมาณมาก การขนส่งเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ หรือการทำสัญญาทางธุรกิจที่มีข้อกำหนดทางธุรกิจที่ชัดเจนและมีความถูกต้อง ซึ่งที่ปรึกษากฎหมายธุรกิจจะมีบทบาทอย่างมากในธุรกิจประเภทนี้

ทำ การตลาด B2B

Normthing ได้รวม 10 กลยุทธ์ที่ได้ผลเป็นอันดับต้น ๆ ของการทำ การตลาด B2B มาให้ท่านนักการตลาดและผู้ประกอบการได้เก็บข้อมูลกันโดย 10 กลยุทธ์มีดังนี้ครับ

• Content Marketing
• Inbound Marketing
• Social Media Marketing
• Search Engine Optimization
• Search Engine Marketing/Pay-Per-Click
• Account Based Marketing (ABM) and Retargeting
• Earned Media and PR
• Email Marketing
• Industry Events
• Conversational Marketing

Content Marketing

Content Marketing (การตลาดผ่านเนื้อหา) เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ให้ความสำคัญกับการสร้างและกระจายเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจ เพื่อดึงดูดและรักษากลุ่มเป้าหมาย โดยไม่เน้นการโปรโมทตรงๆของสินค้าหรือบริการ

ใน Content Marketing การสร้างเนื้อหามุ่งเน้นการแบ่งปันข้อมูลที่มีประโยชน์ ความบันเทิง หรือความเรียนรู้ เพื่อสร้างความนิยมและความไว้วางใจจากกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาที่สร้างขึ้นอาจเป็นบทความ วีดีโอ รูปภาพ โพสต์บนสื่อสังคม,หรือแบบสื่อผสมอื่นๆ ที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางออนไลน์

วัตถุประสงค์ของ Content Marketing รวมถึงการสร้างความรู้สึกบวกต่อแบรนด์ สร้างความเชื่อมั่นในผู้บริโภค และสร้างความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการ การให้ข้อมูลและความคิดเห็นที่มีค่ามีส่วนสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับกลุ่มเป้าหมาย และเป็นที่ตั้งของการสร้างพลังการตลาดออนไลน์ในยุคปัจจุบัน

ปัจจุบันเป็นที่นิยมแค่ไหน

คอนเท้นท์มาร์เก็ตติ้ง อาจอยู่ในรูปแบบของอินโฟกราฟิก หน้าหลัก พ็อดคาสท์ บล็อก เอกสารไวท์เปเปอร์ การสัมมนาผ่านเว็บ หรือ eBook ปัจจุบันวิดีโอเป็นรูปแบบการตลาดเนื้อหาB2B ที่ได้รับความนิยมสูงสุด 78% ของนักการตลาดเนื้อหากล่าวว่าองค์กรของตนจะลงทุนวิดีโอต่อไปเพิ่มขึ้นจาก 69% ในปีก่อนหน้า

การตลาดเนื้อหามีประสิทธิภาพเพราะ:

• ดึงดูดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าผ่านช่องทางการขาย
• เพิ่มการมองเห็นแบรนด์ ความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ และความพึงพอใจ
• จัดเรียงเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ตลาดเป้าหมาย และผู้มีอำนาจตัดสินใจซื้อ

Inbound Marketing

Inbound Marketing (การตลาดที่เน้นการดึงดูด) เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ให้ความสำคัญกับการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจ เพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายและสร้างความนิยมต่อแบรนด์ โดยใช้วิธีการที่เข้มงวดและใกล้ชิดกับลูกค้าทั้งในขั้นตอนการสร้างความตั้งใจ (Awareness) การพิจารณา (Consideration) และการตัดสินใจ (Decision)

Inbound Marketing มุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาที่เหมาะสมและมีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ลูกค้ามีความคิดเห็นดีต่อแบรนด์ และให้ความคุ้มค่าในข้อมูลที่ได้รับ กลยุทธ์นี้มักใช้เนื้อหาแบบแรกเข้าใจ (educational content) เช่นบทความ, วีดีโอ, และเนื้อหาที่สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า.

ส่วนประกอบหลักของ Inbound Marketing ประกอบด้วย:

1. Content Creation (สร้างเนื้อหา): การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจสำหรับกลุ่มเป้าหมาย

1. Search Engine Optimization (SEO): การปรับแต่งเนื้อหาเพื่อให้ติดอันดับสูงในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา

1. Social Media Marketing (การตลาดผ่านสื่อสังคม): การใช้แพลตฟอร์มสื่อสังคมในการแบ่งปันและสร้างความติดตาม

1. Email Marketing (การตลาดทางอีเมล): การส่งข้อความทางอีเมลที่เชื่อมโยงกับเนื้อหาที่มีคุณค่า

1. Lead Generation (การสร้างลีด): การดึงดูดและเก็บข้อมูลลูกค้าที่มีความสนใจ

ผลลัพธ์ที่คาดหวังจาก Inbound Marketing คือการสร้างความสนใจและความไว้วางใจจากลูกค้าที่มีศักยภาพสูงทำให้เกิดการแปรผันของลูกค้าที่มีคุณค่าและที่มีศักยภาพในการกลับมาใช้บริการหรือซื้อสินค้าอีกครั้ง

การตลาดขาเข้ามีประสิทธิภาพเพราะ:

• เหมาะสำหรับธุรกิจทุกขนาดหรือทุกประเภท
• สร้างความเข้าใจในตัวธุรกิจเรามากขึ้นแก่คู่ค้า
• สามารถร่วมมือและจัดการได้อย่างง่ายดายโดยใช้การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) และระบบการจัดการเนื้อหา (CMS) ซึ่งสามารถทำให้วัดผลได้และปรับใช้ในเชิงกลยุทธ์ได้อีกด้วย

Social Media Marketing

การตลาดผ่านโซเชียลมีเดียมุ่งเน้นไปที่การให้เนื้อหาแก่ผู้ใช้ที่พวกเขาพบว่ามีประโยชน์และต้องการแชร์ผ่านเครือข่ายโซเชียลของตน เนื้อหาที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย (Facebook, X Twitter, LinkedIn, YouTube และ Instagram) ช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมและโปรโมตแบรนด์ของคุณ ซึ่งในทางกลับกัน จะช่วยเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ การมองเห็น และศักยภาพในการเติบโต

กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นการสร้างและแบ่งปันเนื้อหาที่สร้างความประทับใจ และทำให้ผู้ที่มีส่วนสนใจกลายเป็นผู้ติดตาม นอกจากนี้ยังมีการใช้โฆษณาทางสื่อสังคม (Social Media Advertising) เพื่อเพิ่มการวางโฆษณาในแพลตฟอร์มนั้นๆ เพื่อเพิ่มการเผยแพร่และความมีผลสำหรับกิจการ

Social Media Marketing สามารถทำหลายอย่าง เช่น:

1. การโพสต์เนื้อหา: การแบ่งปันข้อมูล รูปภาพ และวีดีโอที่น่าสนใจและมีคุณค่าสำหรับกลุ่มเป้าหมาย
2. โปรโมทโพสต์: การใช้เครื่องมือโปรโมทเพื่อให้โพสต์ถูกเห็นมากขึ้น
3. โฆษณาทางสื่อสังคม: การใช้โฆษณาเพื่อเพิ่มการเผยแพร่ในแพลตฟอร์มสื่อสังคม
4. การตอบรับกับผู้ติดตาม: การสร้างความสัมพันธ์ผ่านการตอบกลับข้อความ ความเห็น และรีแอคชัน
5. การใช้แพลตฟอร์มทั้งหมด: การสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละแพลตฟอร์มที่ใช้

Social Media Marketing เป็นทางเลือกที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสำหรับกิจการทุกขนาดที่ต้องการเข้าถึงตลาดออนไลน์และสร้างความสนใจต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการของพวกเขา

การตลาดบนโซเชียลมีเดียมีประสิทธิภาพเพราะ:

• ประหยัดต้นทุนด้านการตลาดในขณะที่เพิ่มผู้ที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้า
• ขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของแบรนด์ “ทำให้แบรนด์มีความเป็นมนุษย์” และความไว้วางใจ
• รองรับและปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO

SEO Search Engine Optimization

Search Engine Optimization หรือ SEO คือกลยุทธ์หรือกระบวนการที่ใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์หรือหน้าเว็บในการติดอันดับสูงในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google, Bing, หรือ Yahoo

เป้าหมายหลักของ SEO คือเพื่อทำให้เว็บไซต์ปรากฏในผลลัพธ์การค้นหาของผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือธุรกิจของเว็บไซต์นั้น ๆ โดยเป็นการเพิ่มความน่าสนใจและความสัมพันธ์กับเครื่องมือค้นหา

กลยุทธ์ SEO สามารถทำได้โดยการปรับแต่งเนื้อหา (On-Page SEO) และการสร้างลิงก์ (Off-Page SEO) รวมถึงการใช้คำค้น (keywords) ที่เหมาะสม, การปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์, การให้ค่า meta tags, และการพัฒนาคุณภาพและปริมาณของลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ๆ

SEO ช่วยให้เว็บไซต์ได้รับการวางอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหา และมีโอกาสเพิ่มผู้เยี่ยมชมและเปลี่ยนเป็นการขาย (conversion) ในที่สุด และการจะทำได้นั้นต้องมีการวางแผนการทำ SEO ด้วย

Search Engine Optimization (SEO) เพิ่มการรับรู้และการเข้าชมเว็บไซต์โดยการกำหนดเป้าหมาย คำหลักและวลี (Keywords) ที่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามักใช้ในการค้นหาออนไลน์ เนื้อหาที่สร้างขึ้นโดยใช้กลยุทธ์คำหลักจะปรากฏในผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสที่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าจะมีส่วนร่วมกับเนื้อหามากขึ้น เมื่อเทียบกับโอกาสที่พวกเขาจะค้นพบเนื้อหาอย่างอิสระ SEO เพิ่มการเข้าถึงและผู้ชมของคุณอย่างมีนัยยะสำคัญ

การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหามีประสิทธิภาพเนื่องจาก:

• พัฒนาอย่างต่อเนื่องตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเครื่องมือค้นหาและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้
• ลดความซับซ้อนในการค้นหาลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
• เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาแบรนด์ของคุณให้สามารถแข่งขันกับบริษัทที่ตั้งอยู่ในทำนองเดียวกัน

Search Engine Marketing

Search Engine Marketing (SEM) เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้การโฆษณาบนเครื่องมือค้นหาเพื่อเพิ่มปริมาณการเยี่ยมชมเว็บไซต์ และส่งผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์หรือหน้าที่ต้องการโปรโมท SEM ได้รับการให้ความสำคัญมากในบริบทของการโฆษณาออนไลน์และการตลาดผ่านทางเครื่องมือค้นหา

SEM มีสองส่วนหลัก:

1. Search Engine Optimization (SEO): อย่างที่เรากล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้านนี้ SEO เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ให้ความสำคัญกับการปรับแต่งและปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์เพื่อได้รับการจัดอันดับที่ดีในผลการค้นหาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายตลอดเวลา SEO เป็นส่วนหนึ่งของ SEM แต่มักถูกแยกออกมาในบริบทของ “organic” หรือ “free” ในการเปรียบเทียบกับ “paid” ของการโฆษณา SEM
2. Pay-Per-Click (PPC) Advertising: คือการโฆษณาที่ต้องจ่ายค่าโฆษณาในทุกครั้งที่มีการคลิก ประการที่จะเป็นมีผลในการใช้โฆษณา PPC คือการเลือกคำค้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ของคุณ และตั้งค่าโฆษณาในรูปแบบที่จะปรากฏในผลการค้นหา เวลาที่มีการคลิก ผู้โฆษณาจะต้องจ่ายค่าโฆษณาตามจำนวนคลิก

Pay-Per-Click (PPC) คือรูปแบบการโฆษณาออนไลน์ที่ผู้โฆษณาต้องจ่ายค่าโฆษณาในทุกครั้งที่มีการคลิกบนโฆษณาของพวกเขา โดยไม่ว่าโฆษณาจะนำผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์หรือไม่ก็ตาม

หลักการทำงานของ PPC คือผู้โฆษณาจะเลือกคำค้นหรือคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ของพวกเขา, และตั้งค่าโฆษณาให้ปรากฏในผลการค้นหาหรือบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่รองรับ PPC เมื่อมีการคลิกที่โฆษณา ผู้โฆษณาจะต้องจ่ายค่าโฆษณาตามจำนวนครั้งที่มีการคลิก

ข้อดีของ PPC รวมถึง:

1. ความเร็วและผลลัพธ์ทันที: โฆษณา PPC สามารถแสดงผลและเพิ่มการเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ทันทีหลังจากที่เริ่มใช้
2. การวัดและวิเคราะห์ได้ดี: มีเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์และติดตามประสิทธิภาพของโฆษณาได้ง่าย เพื่อปรับปรุงแคมเปญต่อไป
3. การเน้นที่มีประสิทธิภาพ: สามารถเลือกและเน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีความเกี่ยวข้องมากขึ้น
4. ควบคุมงบประมาณ: สามารถตั้งค่างบประมาณได้ตามต้องการและปรับแก้ตามผลลัพธ์

PPC มีการใช้งานและมีประสิทธิภาพในการเพิ่มการแสดงผลของธุรกิจหรือเว็บไซต์ในผลการค้นหาและแพลตฟอร์มอื่น ๆ บนอินเทอร์เน็ต

SEM ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตลาดออนไลน์ ดึงดูดผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ และเพิ่มโอกาสในการแปลงขาย โดยให้การตอบรับทันทีจากผู้ใช้ที่กำลังค้นหาข้อมูลหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

การตลาดผ่านเครื่องมือค้นหามีประสิทธิภาพเนื่องจาก:

• เข้าถึงช่องทางต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง
• มีอัตราการมองเห็นสูง และวัดผลได้
• การปรับตัวให้เข้ากับตลาดและผู้ชมที่หลากหลาย เลือกกลุ่มเป้าหมายได้

Account-Based Marketing

Account-Based Marketing (ABM) – การตลาดที่โฟกัสที่บัญชี

Account-Based Marketing (ABM) เป็นกลยุทธ์การตลาดที่เน้นการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับบริษัทหรือลูกค้าที่สำคัญโดยตรง ซึ่งมักจะเป็นบริษัทหรือองค์กรที่มีขนาดใหญ่และมีการตัดสินใจทางธุรกิจที่สำคัญ ABM ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่โปรโมทสินค้าหรือบริการในลักษณะที่เหมาะสมสำหรับบริษัทหรือกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้

วิธีการทำ ABM รวมถึงการทำการวิเคราะห์และการประยุกต์ใช้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือลูกค้าที่เป้าหมาย การสร้างเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจง การส่งต่อข้อความที่ได้รับการปรับแต่ง และการทำการตลาดที่เป็นมืออาชีพทางสัมพันธ์

Ad Retargeting หรือ Re-Marketing

Ad Retargeting – การติดตามโฆษณา

Ad Retargeting (หรือ Remarketing) เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้โฆษณาเพื่อเรียกคืนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ออกไปแล้ว โดยใช้บริการโฆษณาที่เป็นการติดตามเพื่อนำผู้เยี่ยมชมกลับมาที่เว็บไซต์หรือสู่การทำธุรกิจ

วิธีการทำ Ad Retargeting คือการติดตามผู้เยี่ยมชมที่เคยเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ และจากนั้นแสดงโฆษณาของคุณในเว็บไซต์อื่น ๆ ที่พวกเขาเข้าชม นั่นคือ, เมื่อผู้เยี่ยมชมเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณและไม่ทำการซื้อหรือทำการแปลง การ Ad Retargeting จะช่วยทำให้โฆษณาของคุณปรากฏอีกครั้งเมื่อพวกเขาไปเยี่ยมชมเว็บไซต์อื่น ๆ นี้มักเป็นกลยุทธ์ที่มีผลดีในการยืนยันผู้เยี่ยมชมที่อาจจะมีความสนใจแต่ยังไม่ได้ทำการแปลงข้อมูล

ABM มีประสิทธิภาพเพราะ:

• ธุรกิจได้โฟกัสไปยังลูกค้าที่สร้างรายได้ให้ธุรกิจจริง ๆ
• ให้ความสำคัญกับการแบ่งส่วนผู้เยี่ยมชมและการส่งข้อความที่ปรับแต่งให้เหมาะสม
• ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อทำให้แคมเปญเป็นอัตโนมัติและจัดการ

EARNED MEDIA & PR

Earned Media – สื่อที่ได้มา (หรือการตลาดโดยอ้อม)

Earned media เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ได้รับความสนใจและการรับรู้ผ่านทางสื่อมวลชนหรือช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ โดยไม่ได้จ่ายค่าโฆษณา นั่นคือการสร้างความสนใจและการรับรู้ในสาธารณะผ่านการปรากฏตัวในสื่อหรือกลายเป็นเรื่องที่ได้รับการรีวิว หรือการพูดคุยของบุคคลทั่วไป ประโยชน์ของ earned media คือการสร้างความน่าเชื่อถือในทางทั่วไป เนื่องจากมันมีการรับรู้จากกลุ่มเป้าหมายผ่านทางช่องทางที่ไม่ใช่การโฆษณา เช่น การบอกกันปากต่อปาก (Word of Mouth)

Earned Media เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ สร้างฐานลูกค้าทางสังคม ข่าวลือที่ไม่ใช่การตลาด บริหารข่าวสารเกี่ยวกับแบรนด์ และได้รับการยอมรับและชื่นชมจากผู้มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าเมื่อประเมินบริษัท การมีตัวตนทางออนไลน์ที่แบรนด์ไม่ได้จ้างนั้นจะเป็นจุดสำคัญในการตัดสินใจซื้อและการคงอยู่ของแบรนด์

Public Relations (PR) – การสื่อสารสาธารณะ

PR เป็นกระบวนการทางการตลาดที่เน้นการสร้างและรักษาความสัมพันธ์บวกกับสาธารณะ ผ่านทางการสื่อสารและกิจกรรมต่าง ๆ ภายนอกขององค์กร ปฏิบัติการ PR นั้นมีวัตถุประสงค์ในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี การบันทึกความคิดเห็นของสาธารณะ และการจัดการปัญหาทางความสัมพันธ์

PR มีบทบาทสำคัญในการสร้าง earned media เนื่องจากสิ่งที่องค์กรทำในชุดของกิจกรรม PR อาจนำไปสู่การปรากฏตัวในสื่อและการได้รับความสนใจจากสื่อ โดยเฉพาะแบบได้รับมาตรฐานสูง ซึ่งมักถือเป็น earned media

การทำ earned media และ PR ทำให้องค์กรมีโอกาสในการได้รับความรู้และความสนใจจากสาธารณชน ผู้บริโภค และสื่อมวลชนโดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาโดยตรง ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือและผลกระทบที่มีน้ำหนัก

Earned Media และการประชาสัมพันธ์มีประสิทธิภาพเพราะ:

• โดยทั่วไปเป็นช่องทางโฆษณา “ฟรี”
• รับรู้ความน่าเชื่อถือได้ในทันที
• เพิ่มการรับรู้ถึงเนื้อหาที่มีคุณค่า ความเข้าใจต่อแบรนด์ของผู้บริโภค และน่าเชื่อถือ

Email marketing

Email Marketing (การตลาดทางอีเมล) คือกลยุทธ์การตลาดที่ใช้อีเมลเป็นช่องทางในการสื่อสารข้อมูล โปรโมทผลิตภัณฑ์หรือบริการ ส่งข้อความการขาย หรือส่งข้อมูลที่มีความคุ้มค่าไปยังกลุ่มเป้าหมาย

Email marketing สามารถนำมาใช้ในหลายเชิง, เช่น:

1. การส่งข้อมูล: ส่งข้อมูลทางธุรกิจ, ข่าวสาร, หรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
2. การโปรโมท: ส่งโปรโมชั่น, ข้อเสนอพิเศษ, หรือส่วนลดให้กับลูกค้า
3. การสร้างความสัมพันธ์: ส่งข้อความที่มีเจตนาสร้างความสัมพันธ์และความสนใจ
4. การแจ้งเตือน: ส่งข้อความเตือนหรือการแจ้งเตือนเกี่ยวกับบัญชีผู้ใช้, การสั่งซื้อ, หรือกิจกรรมอื่น ๆ
5. การตลาดทางการขาย: ส่งข้อความการขายผ่านทางอีเมล

Email marketing มีประโยชน์มากมาย, เช่น:

• ติดตามผลลัพธ์: สามารถวัดและติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญได้ง่าย.
• ความยืดหยุ่น: สามารถปรับแต่งข้อความและเนื้อหาตามกลุ่มเป้าหมาย.
• ต้นทุนต่ำ: เป็นวิธีการตลาดที่มีต้นทุนน้อย.
• ความปรับได้: สามารถปรับแต่งและทดสอบแคมเปญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ.

การสร้างและดำเนินการแคมเปญ email marketing ที่มีความสร้างสรรค์และตอบสนองสามารถช่วยเสริมสร้างความนิยมของแบรนด์และเพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขาย

การตลาดผ่านอีเมลมีประสิทธิภาพเนื่องจากแคมเปญ:

• เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
• กระตุ้นการเข้าชมเว็บไซต์
• คุ้มค่าคุ้มราคาสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างมาก

INDUSTRY EVENTS Marketing

Industry Events Marketing (การตลาดผ่านงานอุตสาหกรรม) เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้งานในการโปรโมทและสร้างความรู้เกี่ยวกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมของบริษัทผ่านทางการเข้าร่วมหรือจัดอีเว้นท์ เช่น นิทรรศการ สัมมนา หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง

กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในตลาดอุตสาหกรรมโดยตรง สร้างความสนใจและส่งเสริมสินค้าหรือบริการของบริษัท

นอกจากนี้การเข้าร่วมในงานอีเว้นท์อุตสาหกรรม ยังเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า คู่ค้าธุรกิจและผู้ที่สนใจในอุตสาหกรรม

Industry Events Marketing มีประเภทไหนบ้าง:

1. การจัดแสดงสินค้า (Trade Shows): เป็นโอกาสที่บริษัทสามารถแสดงผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ทดสอบตลาด และสร้างความประทับใจ
2. สัมมนา (Conferences): การเข้าร่วมและจัดสัมมนาเพื่อแบ่งปันความรู้ เสนอความเห็นและสร้างความติดต่อธุรกิจ
3. กิจกรรมเพื่อสังคม (Networking Events): โอกาสในการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลในอุตสาหกรรมลูกค้าและคู่ค้าธุรกิจ
4. การสปอนเซอร์(Sponsorship): การเข้าร่วมในฐานะผู้สนับสนุนหรือสปอนเซอร์ชั่นสามารถช่วยในการโปรโมทแบรนด์และสร้างความรู้ สปอนเซอร์งาน TEDx

Industry Events Marketing เป็นทรงพลังในการสร้างการติดตามและความสนใจในช่วงเวลาที่มีการสนับสนุนและการเชื่อมโยงในอุตสาหกรรม

งานแสดงสินค้าแบบต่อหน้าและแบบออนไลน์มีประสิทธิภาพเนื่องจาก:

• มุ่งเน้นไปที่ปฏิสัมพันธ์ที่มีความหมายและการสร้างความสัมพันธ์
• โดยทั่วไปแล้วจะมีการเข้าร่วมเป็นอย่างดี โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่มีเป้าหมายมากมายสำหรับการสร้างลูกค้าเป้าหมาย
• เปิดโอกาสให้ธุรกิจทุกขนาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและข้อมูลเดียวกัน

Conversational Marketing

Conversational Marketing (การตลาดแบบสนทนา) เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ให้โอกาสในการสร้างการสื่อสารแบบสนทนาหรือการสนทนากับลูกค้าหรือผู้สนใจผ่านช่องทางที่มีการตอบสนองแบบเรียลไทม์, เช่น แชทบอท (Chatbots) การสนทนาผ่านแชทออนไลน์หรือช่องทางการสื่อสารที่มีการตอบสนองสดๆ ในขณะที่ลูกค้าเข้าใช้บริการหรือสำรวจข้อมูล

ความเป็นมาของ Conversational Marketing มีที่มาจากความต้องการให้ประสบการณ์การตลาดเป็นมิตรและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในเวลาที่เร็วขึ้น. ด้วยการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่มีการตอบสนองสดๆ Conversational Marketing ช่วยให้การตลาดมีลักษณะที่ใกล้ชิดกับการสนทนาของบุคคลจริงทำให้ลูกค้ารู้สึกถูกพูดถึงและเข้าใจ

สิ่งที่ Conversational Marketing สามารถนำมาใช้ได้:

1. Chatbots และ Virtual Assistants: ให้บริการคำปรึกษา, ตอบคำถาม, หรือช่วยในกระบวนการการซื้อขาย
2. แชทแบบสด: การสนทนาแบบสดๆ กับลูกค้าผ่านช่องทางการแชทออนไลน์
3. การตอบสนองทันที: การตอบสนองทันทีต่อคำถามหรือข้อสงสัยของลูกค้า
4. การสนทนาทางสังคม: การสนทนาผ่านช่องทางสังคมออนไลน์ เช่น Facebook Messenger, WhatsApp, หรือ Twitter X

Conversational Marketing ช่วยให้บริษัทสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในขณะที่พวกเขากำลังใช้บริการหรือสั่งซื้อสินค้า, ทำให้กระบวนการการตลาดเป็นมิตร รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การตลาดแบบสนทนามีประสิทธิภาพเพราะ:

• ลดระยะห่างของแบรนด์และลูกค้า และสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่แท้จริงและเป็นส่วนตัว
• มีการสื่อสารที่ชัดเจน ผู้ซื้อสามารถระบุความต้องการของตนได้อย่างชัดเจน และธุรกิจสามารถเข้าใจและช่วยเหลือได้ง่ายขึ้นเนื่องจากมีบริบทที่เหมาะสมเกี่ยวกับคำขอ
• กระชับความสัมพันธ์เนื่องจากบอทยังสามารถแนะนำเนื้อหาเพิ่มเติมเพื่อเสริมการศึกษาของผู้ซื้อได้

สรุปภาพรวม

สิ่งที่ Normthing สรุปมาให้นั้นเป็นกลยุทธ์ แต่ไม่เชิงเป็นกลยุทธ์เสียทีเดียวเหตุผลเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการสาย B2B ไม่ทำไม่ได้ทั้ง 10 วิธีในการทำการตลาดสำหรับ B2B ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน ควรทำให้รอบด้านเพราะไม่ว่าลูกค้าจะนึกถึงคุณในทางไหน เขาก็จะเจอคุณ ทั้งนี้สามารถปรึกษาและให้ Normthing ทำงานแทนคุณได้ในการทำการตลาดแบบ B2B ได้ด้วยครับ!