เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ครั้งหนึ่ง หญิงสาว ไอน้ำnammatum
นัยน์ตาเศร้าสีเงิน
  • ครั้งหนึ่งความรักเป็นเรื่องที่หอมหวานและสดใหม่
    กับเด็กผู้หญิงในวัยแห่งแสงยามเช้าที่สาดเข้ามาเพื่อให้เธอเบ่งบานและชูช่อ

    ความรักให้ความสุขแก่เธอ 
    และในขณะเดียวกัน 
    ความรักมอบความทุกข์ให้เธออย่างยิ่งยวด

    เธอเป็นเด็กหญิงที่มีอุดมการณ์อันแปลกประหลาด
    ความรักของเธอคือการได้รับปิติอันเหมือนพรแห่งพระเจ้าผู้ไร้ตัวตน
    มันเย็นชุ่มฉ่ำ บีบคั้นแรงแห่งเพศ สัญชาติญาณของเธอพลุ่งพล่าน 

    เธอทุกข์ทมและจมอยู่นานแรมปี
    เธอเดินทาง และมองหาสิ่งที่มองไม่เห็นเพื่อปรับสมดุลแห่งเธอ
    เธอพบเพื่อนผู้หนึ่ง เขาไม่เหมือนใครในบรรดาพวกพ้องของเขา เขาสุขุม นิ่งเงียบ และจ้องมองเธอ เธอนำอาหารมาให้พวกเขา พวกเขาดีใจกระโดดโลดเต้น
    แต่เขาผู้นั้นกลับนิ่งเฉย และเดินถอยห่างไปนั่งเงียบอย่างสงบเงียบ เพื่อมองดู


    เธอสนใจเขา เธออยากรู้จักเขา
    เธอค่อยๆเดินเข้าไปหาเขา กลิ่นของเขาแตะจมูกของเธออย่างรุนแรง

    เธอนั่งยองๆ ตรงหน้าของเขา รอยยิ้มถูกคลี่ออกอย่างเป็นมิตร ทว่าเขาไม่สนใจ แต่ก็ไม่ถอยห่าง และแล้วเขากับเธอก็กลายเป็นสหาย อันปราศจากคำสนทนาใดใด
    มิตรภาพของเขาและเธอดำเนินไป และดำเนินไป
    เธอนำอาหารไปให้พวกพ้องของเขา รวมทั้งเขาด้วย ทุกวันและทุกวัน
     
    เมื่อเธอพูด เขานิ่งฟัง 
    และเมื่อเธอร้องไห้ เขาหมอบอยู่เคียงข้างไม่ลุกหนี

    เขาค่อนข้างหยิ่งทะนง และน่าค้นหา
    อะไรซักอย่างทำให้เธอคิดเช่นนั้น 
    บ่ายวันหนึ่ง 
    ความทุกข์ระทมเริ่มทวีในกายของเธอในท่วงท่าที่ผู้คนต่างกล่าวว่า                ศาสดาของเขาได้ตรัสรู้สิ่งหนึ่งในท่วงท่านี้ 

    เธอกัดฟัน ขาทั้งสองข้างสั่นเทา เหงื่อผุดที่หน้าผากของเธอเม็ดแล้วเม็ดเล่า
    ลามไปในเสื้อในไร้โครงเหล็กของเธอ สองขาของเธอ ลำคอของเธอ เปลือกตาของเธอ นิ้วมือของเธอ แม้กระทั่งไรผมของเธอ

    แสงแดดลามเข้าใกล้ ผู้คนเริ่มลุกถอยหนี เพียงแต่เธอยังนิ่งอยู่ที่เดิม เธอทรมานเหลือเกิน กายหยาบของเธอเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทำไมเหนอเราจึงต้องมาทรมานกายเช่นนี้ แต่ช่างประไร เก็บความสงสัยไว้ก่อน แต่ ณ ช่วงเวลานี้ เราจะต้องไม่ย้อมแพ้ต่อเจ้าความเจ็บปวด  


    เธอคิดขึ้นได้  ภายในของเธอเริ่มสงบเย็น แม้ภายนอกจะร้อนเร่าก็ตาม
    นานพอดู เธอลืมตาขึ้น สองนัยน์ตาเอ่อไปด้วยน้ำ แห่งความเจ็บปวดอันปิติ
    ทว่าไร้ผู้คนรอบกายดั่งเช่นก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่เคว้งไปเสียซะทีเดียว


    เขานั่งหมอบอยู่ที่นั่นจ้องมองเธอ และเดินเข้ามาหาเธอนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกายของเขา แม้นไม่นิ่มละมุน และอุ่นไปด้วยสายสัมพันธ์แห่งมิตร 
    ถัดมา
    ความระทมภายในลุกล้ำเธอเข้ามาอีกครั้ง เธอยืนมองสายน้ำเจ้าพระยาอย่างเหม่อลอย สายลมพัดโชย ผมของเธอปลิวปลกใบหน้า แต่สายลมไม่แรงพอที่จะพัดหยาดน้ำในตาของเธอให้แห้งเหือด

    เขาอยู่ข้างกาย
    ไม่พูดไม่จา 
    จริงๆแล้วเธอยังไม่เคยได้สดับฟังเสียงของเขาเลยด้วยซ้ำ 

    หมดเวลาของเธอแล้ว และเธอต้องจากไปในบ่ายวันนี้ใบหน้าของเธอสดใสมาก สดใสกว่าครั้งแรกที่ได้เจอเธอเดินเข้ามาแล้วเธอเดินเข้ามาหาเราแล้ว เธอนั่งลงข้างๆเราแล้ว เธอ เด็กสาวที่อีกไม่นานก็จะผลิบานอย่างเต็มตัว เธอในชุดสีขาวพาดสไบบริสุทธิ์ เธอช่างน่ามอง
    เสียงในหัวของเขาคิด
    "ตาหวาน เราต้องไปแล้วนะ" เสียงของเธอกังวาลขึ้นในโสตของเขา 

    เธอเรียกเขา และเขายอมเดินมาหาเธอโดยสดุดี เธอผายมือรับเขามาสู่อุ้งมืออุ่นอย่างอ่อนโยน  เขาคงต้องรู้แน่ๆ ว่านี่คือช่วงเวลาสุดท้าย ที่เธอจะได้มาเยือนหาเขา ที่ริมน้ำ ที่ที่เขายังคงอยู่ มุมปากของเธอเรียบตรง เธอลูบศีรษะเขาแผ่วเบา เขาที่บรรจงละเลียดไปยังตักของเธอ ซุกไซร้ไปที่อุ้งมือของเธอ ตาสีเงินเทาของเขาจ้องมองเธอ เขาเดินตามเธอไป


    และนี่คงเป็นไม่กี่ครั้งที่เขาออกนอกอาณาเขตบริเวณของตัวเองมาไกลขนาดนี้ 
    เขาเดินไปเรื่อยๆ ราวกับว่า เขาและเธอจะขนาบเคียงข้างกันไปบนถนนที่ไร้จุดหมาย และไร้จุดสุดสิ้น เธอหยุดเดิน เธอเปลี่ยนจากชุดสีขาวบริสุทธ์ เป็นกระโปรงยาวลายลูกไม้และเสื้อยืดเก่าๆ เธอยิ้มมองมาที่ฉัน นัยน์ตาเธอเศร้าอีกแล้ว 


    "อย่ามองแบบนั้นสิสาวน้อย"
    "กลับไปเถอะตาหวาน ส่งเราแค่นี้ก็พอ" เธอเดินจากไปพลางหันมามองเป็นระยะ ประโยคสุดท้ายที่เธอเปล่งออกมา เขาจำได้ดีแล้ว

    "เราจะกลับมาหาอีกครั้ง อย่าเพิ่งตายนะ 
    ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ ตาหวาน" 
    หลังจากนั้น 
    เขาไม่ได้เจอเธออีกแล้ว และเธอก็ไม่ได้ไปหาเขาอีก เธอได้แต่คิดว่า
    เขาจะยังมีชีวิตอยู่ และรอคอยเธอกลับไป วันที่เธอจะกลับไป

    คงอีกไม่นานแล้ว






เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in