แนนซี่ วีลเลอร์ เป็นคนพิเศษเสมอในสายตาผม
พิเศษ แม้ผมจะเฝ้ามองได้จากข้างนอกก็ตาม
(ลองมองผ่านกระจกรถกับประตูโรงยิมโรงเรียนมัธยมต้นดูสิ
…..ก็ถ้าจะพูดถึงระยะทางห่างเหินของคนเพิ่งเลิกกัน--
—ผมเลือกไม่ไปงานสโนว์บอลเอง
พวกครูก็แจกสลิปเรียกร้องเด็กมอปลายไปเป็นคนคุมพวกตัวซนเหมือนกัน แต่ผมรู้ว่าเธอจะต้องไป
ถึงไม่มีหมอนั่นเสนอหน้าเป็นตากล้องให้งานก็เหอะ
เจ้าหญิงของฮอว์คินส์ ไฮ จะพลาดโอกาสนี้ได้ยังไง)
-----------------------------
“นายมันงี่เง่า... สตีฟ แฮร์ริงตัน” รักที่ได้ยินเสียงหวานของเธอเรียกชื่อเต็มผมซ้ำๆ
(กึ่งหนึ่งเพราะผมก็เถียงความจริงที่แฝงอยู่ในนัยประโยคไม่ได้)
คำด่าที่เอ็นดูมากกว่าจริงจัง
ประโยคคั่นความคิดเมื่อเธอสุดจะทนกับผมจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว (ถือเป็นชัยชนะเล็กๆอย่างหนึ่ง …. และคนเรา ก็ควรจะยินดีกับชัยชนะเล็กๆ ไม่ใช่เหรอ ในชีวิตในเมืองเล็กน่าเบื่อที่ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นน่ะ ในชีวิตนักบาสคนนึงที่เดินมึนเข้าโรงเรียนไปวันๆ
ชื่อผมในเสียงเธอ ทำให้วันจันทร์มีความหมาย)
เด็กสาวแสนเพอร์เฟคกับนักบาสโง่ๆ นี่มันพล๊อตละครวัยรุ่นแท้ๆ คุณคงอุทาน
พวกเธอแสดงประกอบเรื่อง Square Pegs กันหรือยังไง แต่ผมก็ทำไปแล้ว จูบเธอไป ซุกไซ้ซอกคอเธอ นั่งมองเธอพยายามแก้ตัวเรื่องจุดเดือดของสารเคมีทั้งที่อยากเข้าไปกอดเธอจะแย่ “นายมันงี่เง่า... สตีฟ แฮร์ริงตัน” คนสวยของผมพูดซ้ำอีกครั้ง ปากเคลือบลิปสติกสีชมพูเด่นชัดในความทรงจำผม
ห้องเธอมีกลิ่นอายน้ำหอมของดอกไม้สักชนิดที่ผมยังเดาไม่ถูก
“เธอสวยมาก รู้มั้ย แนนซี่ วีลเลอร์"
ผมตอบเธอทันที
เป็นประโยคชมที่ผมไม่ได้โกหกสักคำ
-----------------------------
ผมแอบมองเธอห่างๆ ในปาร์ตี้ที่เราคุยกันครั้งแรก อากาศฤดูใบไม้ร่วงเริ่มหนาวเย็น และผมก็เพิ่งถอดแจ็กเก็ตก่อนเดินเข้ามาในบ้านทีน่าและเห็นเธอ “อย่าบ้าไปหน่อยเลย สตีฟ” ทอมมี่ตบบ่าผมแรง เมื่อมองตามสายตาผมไปอีกมุมนึงของห้อง ผ่านกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังเต้นอย่างสนุกสนาน ขณะเพลง Come On Eileen เล่นอยู่บนสเตอริโอเครื่องยักษ์ “อยากลองของสูงรึไง” คนพิเศษอย่างแนนซี่ วีลเลอร์ไม่เล่นกับผมหรอก ทุกสิ่งรอบตัวเหมือนจะบอกผมอย่างนั้น เหมือนหนึ่งกฎในร้อยข้อของคู่มือเดทระดับมอปลายที่ไม่มีใครพูดถึงแต่รู้กันแพร่หลาย ผมมันตัวเลือกปลายแถว
หนุ่มที่จะทำเธอไขว้เขว ฉกเธอมาจุดพักกลางทางจากเป้าหมายหลังเรียนจบ แนนซี่ วีลเลอร์ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ผมรู้ดี เด็กสาวคนงามที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ไม่มีหนุ่มคนไหนกล้ายุ่งด้วยเพราะเรื่องสารพัดที่จะตามมาเป็นลูกโซ่ การจูบคนอย่างเธอไม่ได้จบเพียงข้ามคืน
ถึงจะผ่านเคมีแบบเฉียดฉิวผมก็พอเดาเรื่องนี้ได้
-----------------------------
Once upon a time I was falling in love
Now I’m only falling apart ผมขับรถมาจอดหน้าไดเนอร์
นั่งฟังเพลงรอเวลารับดัสตินกลับบ้าน
สุดท้ายเธอก็ไม่เล่นกับผมจริงๆ น่าตลกใช่มั้ย เธอเองซะอีกที่สงสัยในตัวผม (ผมก็ไม่ได้เป็นคนดีเด่นอะไรนัก อย่างที่รู้ๆกันอยู่)
ที่ผมกลับเป็นคนตกหลุมรักเธอ รู้สึกคิดถึง เป็นห่วง รู้สึกความรู้สึกเยอะแยะบ้าบอกับผู้หญิงคนนึงที่ผมแค่คิดจะเริ่มจริงจังด้วยเป็นคนแรก
เป็นอะไรที่ไอ้โง่อย่างผมก็คิดไม่ถึง หัวใจไม่รักดีกลับถูกเล่นตลกร้ายใส่ “นายมัน---ตอแหล” เสียงบางหวานของเธอบาดหูผม
หัวใจที่ซวนเซกลับขยายตัวอัดแน่นในอก “เธอไม่รักฉันหรอ” เสียงผมแตกพร่าในหู
พยายามบังคับตัวเองให้ถามคำถามที่ต้องถามออกมาทำเหมือนเรารักกัน รู้สึกคล้ายใครปล่อยมัดฮุกโดนผมตรงๆที่อก
จุก คล้ายก้อนหินหนักอึ้งถูกวางทับปอดของผมเหมือน อยากจะตะโกน อยากจะทุบทำลายสิ่งของ
พร้อมๆกับหนีหายเข้าไปในมุมมืดเงียบๆ คนอย่างผมไม่ควรคู่แก่สิ่งดีๆในชีวิตหรือไงตอ....แหล รอยยิ้มของเธอเป็นเรื่องโกหก
ถ้อยคำของเธอเป็นเรื่องโกหก
ทุกจูบของเราเป็นเรื่องโกหก เขาว่าคนเมามักโพล่งความลับที่เก็บไว้ในใจออกมา และคนสร่างเมาตาแป๋วอย่างเธอก็แสดงละครเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “บอกมาสิว่าเธอรักฉัน” ปากบางคู่นั้นเป็นเส้นตรงเรียบ เธอกอดแฟ้มไว้กับอก แนนซี่ วีลเลอร์เปลี่ยนพระเอกในพล๊อตละครของเธอแล้ว
ทั้งโรงเรียนก็รู้ข่าว
ผมไม่ได้งี่เง่าพอที่จะกลับไปหาเธอครั้งที่สอง -----------------------------
ผมบอกดัสตินว่าแนนซี่เป็นคนพิเศษ
ลองทำตัวเป็นนินจากับเธอเมื่อเริ่มคบ แล้วพบว่าแค่นั้นไม่เพียงพอ
สาวคนนี้มีอะไรๆในชีวิตที่ผมเข้าไม่ถึง
แต่หมอนั่น--
โจนาธาน ไบเยอร์ส ทำตัวไม่มีอะไรในเมืองที่ปั่นป่วน
เด็กเนิร์ดหลังห้องที่คลืบคลานเข้ามาในหัวใจเธอ
กระทั่งคืนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่ามันมีอะไรดี
เปล่า
ผมไม่ได้นึกเปรียบเทียบ
ไม่ได้คิดสงสารตัวเอง
ไม่ได้ผิดหวัง
การที่เธอเลือกมันแทนผมเป็นอะไรที่ผมน่าจะมองออกแต่ปีก่อน
เมื่อเธอเริ่มทำตัวแปลกไป
....แต่ผมไม่ได้รู้สึก ไม่ควรรู้สึก ถึงเรื่องนี้
เส้นพล๊อตรักของเธอเคยเชื่อมโยงกับผม เกี่ยวพันกันเมื่อครั้งหนึ่ง
ตอนนี้เราเดินเส้นคู่ขนาน
เรื่องของเธอกับเขาไม่ได้อยู่ในรัศมีของผมแล้ว
-----------------------------
“เธอน่าจะไปกับเขา" ผมบอกเธอ หน้าบ้านไบเยอร์ส
ใจที่เคยแน่นคับอกรู้สึกลอยตัว เบาหวิวจนน่าตกใจ
ไม่ได้ใจกว้างขึ้น
(ผมก็เป็นวัยรุ่นคนนึง)
แต่โลกกว้างขึ้น
“ฉันเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ดีใช้ได้เลยนะ"
เธอยิ้ม
หลายสิ่งเกิดขึ้นระหว่างเธอหนีข้ามเมืองไปกับหมอนั่น--
--โทษที. โจนาธาน --
--หลายสิ่งอาจเกิดขึ้น ในสองสามวันที่ผ่านมา
สิ่งแปลกประหลาดนอกมิติความจริง
การควงกระบองปกป้องเด็กๆของผม
("คิงสตีฟ! ดูซินายทำอะไรอยู่!"
เสียงเยาะของบิลลี่ดังแว่วมา
.... อย่างกับว่าคนเราไม่มีความคิดที่จะปกป้องเด็กมอต้นที่ยังอ่อนต่อสัตว์ประหลาดแปลกสายพันธุ์งั้นแหละ
ผมสัญญากับเธอว่าเด็กๆจะปลอดภัย)
หลายสิ่งที่ผมไม่เคยทำ ไม่คิดจะทำ
อย่างนำทีมเด็กๆเดินฝ่าละอองฝุ่นต่างมิติในโพรงมืด
แต่ผมมันก็สตีฟคนเดิม
-----------------------------
ผมมองเธอผ่านกระจก
พยายามได้ยินเสียงหัวเราะที่คู่กับรอยยิ้มนั่น
พยายามนึกถึงคำที่เธอกำลังพูดกับเด็กที่มารอน้ำพันช์ตรงหน้า
พยายามลืมรอยจูบที่โจนาธานคงได้รับก่อนคืนนี้จะหมดลง
ความรู้สึกอ้อยอิ่งอยู่ในหัวใจผมเหมือนคนรู้จักที่กลายเป็นอื่น
เหมือนแขกที่ค้างอยู่นานจนผมไม่กล้าออกปากไล่
ย่อมมีฝ่ายสูญเสียในความสัมพันธ์ที่แตกหัก
หากเธอดีพอที่จะใส่ใจความรู้สึกผม
ที่จะมองตาผม แสดงความเห็นใจโดยไร้คำพูด ก่อนจะไปกับโจนาธาน
ผมไม่ได้ใจเย็น ไม่ได้โอเคกับมัน
แต่ผมโอเคกับความสุขของเธอ
ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ความรู้สึก ความรัก และหัวใจที่เราเต็มใจให้คนอีกคนจะถูกหมางเมิน ถูกตอบรับแบบครึ่งๆกลางๆ
หรือแค่เป็น 'ตัวกลาง' คั่นเวลารอความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนของอีกฝ่าย
สตีฟ แฮร์ริงตันไม่ได้เป็นคนพิเศษอะไรนักหรอก
แนนซี่ วีลเลอร์เองที่จะรู้ดีที่สุดว่าใครเป็นคนพิเศษในหัวใจเธอ.
//
ไปค่ะ มานั่งฟังเพลงกับสตีฟกัน
VIDEO
รู้ทั้งรู้ว่าเป็นเพลงเกี่ยวกับความรักของแวมไพร์ แต่เราฟังเพลงนี้ทีไรก็เหงาจับใจ ;___;
ถึงสองหนุ่มจะไม่ได้ 'แย่ง' แนนซี่กันออกนอกหน้า แต่เราไปเจอเพลงนี้แล้วอมยิ้มน้อยๆตอนฟัง
VIDEO
อยากให้เขียนคู่ไหน ยังไง รีเควสได้เสมอค่ะ :)
ชอบไม่ชอบยังไงกดด้านล่างบอกได้เลยนะคะ เม้นบอกคนเขียน คุยกับเรา
อยากรู้ว่าคุณคิดยังไง
มาคุย / ทักทายกันได้ที่ทวิต
@_XDolan
นะคะ <3
ติชม #kpfic เลยค่ะ
ขอบคุณค่า
x
ข้าวเอง.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in