เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Fictober 2019] Miracle in Octobernixsummer0531
Day 18 Misfit
  • “ผมต้องกินให้หมดนี่จริงๆ เหรอ” 

    จองเซอุนกลืนน้ำลายเอื๊อกถามเสียงอ่อน ขัดกับดวงตากลมโตที่เป็นประกายวิววับ มองชุดขนมอาฟเตอร์นูนทีหลากหลายชนิดที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นวางขนมสูงสามชั้น ส่วนพื้นที่ส่วนอื่นๆ บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยชุดน้ำชาที่เหมาะสำหรับทานกับขนม และเพื่อความสวยงาม อันยูจินได้นำดอกไม้แห้งสีสันสดใสอย่างลาเวนเดอร์มาประดับบนโต๊ะด้วย

    “ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้เธอกินได้เท่าที่กินไหว น้ำหนักเธอลงไปเยอะ ควรเพิ่มน้ำหนักให้กลับมาเท่าเดิมไวๆ” อิมยองมินอธิบาย จิบชาดาร์จิลิงไปพลางๆ ระหว่างอ่านหนังสือในมือไปด้วย

    จองเซอุนพยักหน้าน้อยๆ เริ่มต้นหยิบสโคนชิ้นเล็กบนชั้นมาถือ และตักแยมสตรอว์เบอร์รี่ที่เป็นแยมรสโปรดขึ้นป้ายบนตัวขนม แม้จะไม่อธิบายชัดเจน แต่เขาพอจะเดาได้ว่า สาเหตุที่ทำให้อิมยองมินสั่งเพิ่มน้ำหนักเร่งด่วนแบบนี้ คงเพราะเมื่อเย็นวาน อาจารย์หนุ่มสังเกตว่าชุดจอมเวทที่วิศวกรหนุ่มเป็นคนตัดให้เขาใส่นั้นใส่ได้ไม่พอดี จำนวนเอวลดลงไปประมาณนิ้วครึ่ง พอเป็นแบบนั้น อิมยองมินเลยสั่งให้อันยูจินเตรียมอาหารมื้อเย็นให้ เป็นสเต็กเนื้อชิ้นโต มันฝรั่งอบลูกใหญ่ ราดด้วยซอสเกรวี่ฉ่ๆๆ ปิดท้ายด้วยไอศกรีมโฮมเมดรสวานิลลา ช็อกโกแลต และสตรอว์เบอร์รี่ชามใหญ่ๆ ถือเป็นมื้อที่อิ่มแบบสุดๆ ตั้งแต่ที่ได้มาอยู่ที่นี่ แต่แทนที่จะจบเพียงแค่นั้น มื้อเช้ากับมื้อเที่ยงของวันนี้ก็หนักไม่ต่างจากเมื่อวาน อีกทั้งยังมีการเพิ่มอาฟเตอร์นูนทีทั้งที่ปกติไม่เคยมีเข้ามาอีก เรียกได้ว่าตั้งใจเพิ่มน้ำหนักกันแบบสุดๆ

    “คุณยองมินไม่ทานเหรอครับ” 

    จองเซอุนทักขึ้น เมื่อเห็นว่าอาจารย์หนุ่มไม่ยอมแตะขนมเลย ต่างจากตัวเขาที่เริ่มต้นทานชิ้นที่สาม

    “ไม่เป็นไร แค่ดูเธอทานฉันก็รู้สึกอิ่มแล้ว” อิมยองมินบอกยิ้มๆ

    เด็กหนุ่มผมแดงหรุบสายตาลงเล็กน้อย รู้สึกแก้มของตัวเองร้อนวูบวาบแบบแปลกๆ เวลาที่จอมเวทหนุ่มส่งยิ้มอบอุ่นแบบนี้มาให้ เขาเคี้ยวขนมไปเรื่อยๆ โดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย กวาดสายตามองไปรอบสวนเรือนกระจกหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยสมุนไพรและดอกไม้นานาพันธ์แบบไร้จุดวางสายตา ผ่านไปพักใหญ่ๆ อิมยองมินก็เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา

    “เมื่อเช้าเดวิดส่งจดหมายเวทมนตร์มาหา ถามว่าเธอดีขึ้นหรือยัง แล้วก็บอกด้วยว่าถ้าเธออยากไปที่แผ่นดินสุดท้ายของมังกรอีก เขายินดีต้อนรับ ทั้งรับปากด้วยว่าจะไม่ให้ทำอะไรเสี่ยงๆ อีก เวอร์นอนกับเฮเลนเองก็อยากขอบคุณเธอจากปากด้วย”

    “ครับ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากไป ยังไม่ค่อยได้คุยอะไรกันเท่าไรเลย” จองเซอุนเอ่ย มองเงาสะท้อนของตัวเองบนผิวน้ำชาด้วยแววตาเสียดาย เพราะทั้งที่อุตส่าห์ช่วยให้เฮเลนกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้ แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยกันเท่าไร เขาก็ทรุดเสียก่อน “จะว่าไป ทั้งที่มังกรมีอยู่จริง ทำไมมนุษย์ถึงไม่เจอละครับ ผมว่ามันน่าจะมีบ้างนะ ที่นักท่องเที่ยวหลงเข้าไปเดินในดินแดนอะไรแบบนั้น”

    “เป็นไปไม่ได้หรอก ที่นั่นมีการร่ายเวทมนตร์แล้วก็คาถาเอาไว้เพื่อไม่ให้มนุษย์ธรรมดามองเห็น อีกอย่าง ที่นั่นตั้งอยู่บนเกาะภูเขาไฟ ปกติก็ไม่ค่อยจะมีคนไปอยู่แล้ว ถือเป็นที่เร้นกายที่เหมาะสุดกับเจ้าพวกนั้น ไหนยังพื้นที่กว้าง วิ่งเล่นได้สะดวกอีก”

    “คุณยองมินพูดเหมือนว่าชินกับที่นั่น แล้วเดวิดเองก็เหมือนรู้จักกับคุณมานาน”

    “โลกของพวกเรา จะว่ากว้างก็กว้าง จะว่าแคบก็แคบ เพราะ จอมเวท พ่อมด แม่มด คือสิ่งที่ใกล้จะสูญพันธ์ เลยไม่แปลกเท่าไรที่จะรู้จักกันแบบทั่วถึง โดยปกติทักษะเหล่านี้จะสืบทอดผ่านทางสายเลือด ถ้าแต่งงานกันเอง ลูกที่ออกมาก็จะมีคุณลักษณะที่สามารถใช้พลังเวทหรือคาถาได้ แต่ถ้าแต่งงานกับคนธรรมดาทั่วไป ก็มีสิทธิ์ห้าสิบห้าสิบที่จะไม่มีคุณลักษณะ แต่อีกนัยน์หนึ่ง คนธรรมดาทั่วไปก็มีสิทธิใช้พลังเวทหรือคาถาได้เหมือนกัน เพียงแต่ค่อนข้างน้อย และถึงมีคุณสมบัติ แต่ถ้าไม่มีผู้สอน สุดท้ายมันก็เท่านั้น เขาหรือเธอคนนั้นก็จะไม่ต่างไปจากคนธรรมดาทั่วไปที่ไร้เวทมนตร์ หรือบางทีก็มีแบบที่ มีคุณสมบัติมองเห็นสิ่งมีชีวิตอย่างพกวภูติ แฟรี่ แต่ว่าไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ก็มี เรียกว่าหลากหลายปัจจัย แต่รวมๆ แล้ว พวกเราเหลือกันน้อยมาก หากเทียบกับเมื่อในอดีต นี่ยังไม่รวมเกี่ยวกับพวกที่ล่าสิ่งมีชีวิตหายาก”

    “ล่า?”

    “โลกฝั่งนี้น่ากลัวกว่าที่คิดนะเซอุน อย่างที่ฉันบอกไปเมื่อกี้ มีมนุษย์บางจำพวกอยู่เหมือนกันที่สามารถมองเห็นแต่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ และเพราะแบบนั้นเลยเกิดความต้องการที่จะครอบครอง มันก็เลยเกิดตลาดมืดที่เอาไว้ใช้ประมูลพวกภูติ แฟรี่ จอมเวท พ่อมด แม่มด หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่มนุษย์อยู่ค่อนข้างเยอะ และสเลย์เบก้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนพวกที่จับมาก็คือพวกจอมเวท ไม่ก็พ่อมดแบบเราๆ นี่แหละ เพราะฉะนั้นอย่าไว้ใจใครต่อใครง่ายๆ ละ ไม่ใช่แค่พวกภูติเท่านั้นที่เธอต้องระวัง มนุษย์ทั่วไป หรือพวกจอมเวท พ่อมดเอง เธอก็ต้องระวังไม่ต่าง”

    จองเซอุนพยักหน้าหงึกๆ ยืนยัน ทั้งแอบตกใจเล็กน้อยที่มีระบบแบบนี้อยู่บนโลก เขาเคยได้ยิน ว่ามีพวกตลาดมืดที่ค้าขายสัตว์หายาก ของผิดกฎหมาย แต่คิดไม่ถึง ว่าจะมีการค้าขายสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์อยู่ด้วย

    “จะว่าไป คุณยองมินเป็นคนเกาหลีเหมือนกับผมเหรอครับ ยูจินก็ด้วย” เด็กหนุ่มถาม

    “ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่รู้ถิ่นกำเนิดของตัวเอง อีกอย่างมันก็นานมาก จำไม่ค่อยได้แล้วด้วย”

    คำตอบที่ได้รับ ทำให้จองเซอุนนั่งนิ่งไปครู่ ใจหนึ่งเขาก็แอบสงสัย ว่าอิมยองมินโกหกหรือเปล่า แต่จากแววตาและสีหน้า เขาค่อนข้างมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก ทั้งยังนึกถึงคำพูดของพ่อมดผมน้ำเงินที่เคยบอกว่า “จอมเวทน้อยน่ะถูกแล้ว เห็นหน้าตาเด็กๆ ดูซื่อๆ แบบนี้ก็เถอะ แต่เดวิดอายุเกือบจะสองร้อยปีแล้ว แก่กว่าพวกเราเป็นไหนๆ ถึงจะน้อยกว่าอาจารย์ของเธอก็เถอะ” 

    “จริงๆ แล้ว คุณอายุเท่าไรเหรอครับ” จองเซอุนถามต่อ แม้ใจหนึงอยากจะถามว่าอีกฝ่ายนั้นกำพร้าพ่อแม่เหมือนกับเขาหรือเปล่า และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นลูกครึ่ง หรือว่ามีเชื้อสายจากทางตะวันตกไหม เพราะชายหนุ่มนั้นมีผมสีแดงส้ม ใกล้เคียงกับผมสีแดงของเขา ลักษณะเด่นที่ไม่ได้มีในชาวตะวันออก

    “นานเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้เลยละ” อิมยองมินตอบยิ้มๆ ก่อนจะเมินหน้าออกไปมองภาพใบไม้เปลี่ยนสีนอกเรือนกระจก “นานแบบที่ขนาดฉันเอง ก็จำไม่ได้แล้วว่าตัวเองอายุเท่าไร”

    จองเซอุนตั้งใจจะถามต่อ ว่านานแบบที่จำไม่ได้นั้น นานประมาณไหน แต่พอเห็นแววตาที่ดูเหมือนเจ็บปวดของอิมยองมิน เขาเลยตัดสินใจจบบทสนทนา โดยการนั่งจิบชาและทานขนมเงียบๆ ปล่อยให้อาจารย์หนุ่มจมดิ่งไปกับห้วงความคิดของตัวเองเพียงลำพัง

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
mkamaboko (@mkamaboko)
แงงงงง อาจารย์คนนี้อยู่มานานแค่ไหนกันนะคะ ที่จริงก็ยังมีเรื่องชื่อที่ยองมินเผลอเรียกออกมาอีกด้วย แอบคิดว่าเป็นชาติก่อน (?) อยู่นิดนึงค่ะ ถ้าอยู่มานานมากๆ ก็อาจจะเป็นไปได้ก็ได้

ขอบคุณที่เขียนนะคะ สนุกดี