จองเซอุนนั่งขดอยู่ในผ้าห่มผืนหนา ชะเง้อคอมองประตูที่เชื่อมกับห้องที่เอาไว้ใช้ต้อนรับลูกค้าผ่านบานหน้าต่าง อิมยองมินละสายตาจากหนังสือปกหนา มองคนอ่อนกว่าด้วยสีหน้าดุๆ พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมสนใจ เขาเลยตวัดสายตาไปที่ประตูบานนั้น ส่งผลให้ประตูปิดลงด้วยพลังเวทอย่างแรง
“ไม่ต้องมามองจองเซอุน ยังไม่หาย จะไปต้อนรับลูกค้าได้ยังไง” อิมยองมินเอ่ยทันทีเมื่อคนตัวเล็กหันมามอง
“แต่ผมดีขึ้นแล้ว” จองเซอุนบ่นอ้อมแอ้ม
“ไม่ได้ จนกว่าร่างกายจะดีขึ้นจริงๆ ฉันถึงจะอนุญาตให้เธอไปช่วย แต่ถ้าเบื่อก็นั่งคุยกับตุ๊กตาไปพลางๆ แล้วกัน” อิมยองมินบอก หยิบตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่เตรียมมาตั้งแต่เช้าส่งให้คนตัวเล็ก แม้จะยื่นมือมารับไปแต่โดยดี แต่ปากที่คว่ำลง บ่งบอกชัดว่าเจ้าตัวไม่พอใจแบบสุดๆ ความจริงอิมยองมินเองก็ไม่อยากจะดุอีกฝ่ายแบบนี้ แม้เด็กหนุ่มจะดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่โดยรวมร่างกายของจองเซอุนยังไม่แข็งแรง การไปแตะต้องสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์อาจจะทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้ช้า ดีไม่ดีอาจทรุดหนักมากกว่าเดิม
“ดุจังเลยน้า หัดใจดีกับเจ้าหนูนี่บ้างสิ กับคนป่วยน่ะ ต้องเอาใจให้มากๆ รู้ไหม” เสียงแหลมสูงเจือเสียงหัวเราะฮี่ๆ ดังขึ้น อิมยองมินจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ มองเปลวไฟสีฟ้าที่ลุกวาบกลางอากาศ ปรากฏเป็นร่างของภูติผีลูกไฟสีฟ้า หรือที่รู้จักในชื่อ วิล โอ วิปส์
“หมดธุระแล้วไม่ใช่เหรอ จะออกมาทำไม” อิมยองมินถามเสียงเข้ม
“ก็แค่มาดูอากาศของเจ้าหนูนี่เท่านั้นแหละ ไม่กี่วันก่อนยังหน้าซีดอยู่แท้ๆ แต่วันนี้เหมือนจะดีขึ้นแล้ว เด็กดีๆ” วิล โอ วิปส์ ตอบกวนๆ ลอยตัวไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเด็กหนุ่มผมแดง ใช้มือเล็กๆ ที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มลูบหัวของเด็กหนุ่มเบาๆ
“คือว่า ใครเหรอครับ เพื่อนคุณยองมินเหรอ”
จองเซอุนถาม นั่งตัวเกร็งเงอะๆ งะๆ เมื่ออยู่ๆ ภูตผีลูกไฟทิ้งตัวนั่งลงบนหัว
“วิล โอ วิปส์ แล้วก็ไม่ใช่เพื่อนด้วย” อิมยองมินตอบ
“เสียมารยาท อย่าเรียกชื่อเต็มสิ” วิล โอ วิปส์ บ่นเสียงดัง ใช้ไม้เท้าที่มีตะเกียงห้อยอยู่ตรงตรงปลายชี้ใส่หน้าจอมเวทหนุ่ม “แต่ก็อย่างที่พ่อหนุ่มนี่ว่า ไม่ใช่เพื่อนหรอก แค่แดนไหว้วานขอให้มาช่วย แลกกับที่สองคนนี่ติดค้างหนี้กันเอาไว้ ทำไงได้ละนะ เหตุการณ์ตอนนั้นมันฉุกละหุกเกิน จะให้ไปหาภูติหรือแฟรี่มาขอยืมพลังเพื่อเดินทางไกลๆ มันคงไม่ทัน เธอน่าจะได้เห็นหน้าพ่อหนุ่มนี่ตอนเธอโดนลักพาตัว ทำหน้าเหมือนโลกจะแตกซะให้ได้ ยิ่งตอนไปเจอเธอล้มกองอยู่กับพื้น แทบจะฆ่าพ่อมดผมน้ำเงินนั่นด้วยซ้ำ ถ้าไม่ได้ผู้ดูแลรังมังกรห้าม ป่านนี้พ่อมดนั่นคงตายไปแล้ว”
“เรื่องจริงเหรอครับ” จองเซอุนถามเสียงแผ่ว มองมาด้วยแววตาไหวระริกอย่างประหลาด
อิมยองมินตั้งใจจะใช้ความเงียบแทนคำตอบ แต่พอเห็นแววตาร้องขอคล้ายอยากฟังเรื่องราวของเด็กหนุ่มผมแดง เขาเลยจำใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง เริ่มจากที่คิมดงฮยอนลักพาตัวจองเซอุนไปจากบ้าน เขาออกตามหาโดยยืมพลังเวทจากวิป โอ วิสป์ ซึ่งแดเนียลเป็นคนแนะนำให้ เพราะสามารถอัญเชิญให้มาหาได้ทันที ความจริงอิมยองมินสามารถร้องขอให้ภูติหรือแฟรี่ที่รู้จักมาช่วยได้ แต่ภูตผีลูกไฟจัดเป็นภูติเก่าแก่ หากจะใช้สำหรับค้นหาหรือเดินทางไกลๆ อย่างการข้ามทะเลจะถือว่าทำได้ดีกว่า และหลังจากตระเวนตามหาติดต่อกันสี่วัน พวกเขาก็ได้ข่าวสารว่าจองเซอุนถูกพาไปยังไอซ์แลนด์ เกาะภูเขาไฟที่ลอยอยู่เหนือมหาสมุทรอาร์กติก ดินแดนสุดท้ายของมังกร
“เดี๋ยวนะครับ สี่วันเหรอ” เด็กหนุ่มขัดขึ้นเสียงสูง ขมวดคิ้วมุ่นสับสน
“การไหลของเวลาในโลกมนุษย์กับดินแดนภูตินั้นไม่เหมือนกัน พริบตาในโลกภูติ อาจเท่ากับหนึ่งวันของโลกมนุษย์” อิมยองมินอธิบายเรียบๆ ไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่ลูกศิษย์หนุ่มมีท่าทางแบบนี้ จองเซอุนพยักหน้าเข้าใจ เขาเลยเล่าเรื่องต่อ “ส่วนที่เหลือก็คล้ายกับที่ภูตผีลูกไฟสีน้ำเงินบอก พอจับร่องรอยของเธอได้ก็ไปที่ดินแดนสุดท้ายของมังกรทันที ตอนที่ไปถึงเธอก็ล้มไปแล้ว เฮเลนส่งเธอไปยังดินแดนภูติเพื่อพักฟื้น ถ้านับช่วงเวลาทางโลกฝั่งนั้น เธอหลับไปประมาณครึ่งวัน นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไร พอเธอตื่นขึ้นมา เราก็กลับมาบ้าน แล้วเธอก็นอนพักทั้งคืน”
“ตกเรื่องเกือบจะฆ่าพ่อมดผมน้ำเงินนั่น ผู้ดูแลรังมังกรนั่นก็ด้วย” วิล โอ วิส์ปเสริม
“นั่นก็ด้วย” อิมยองมินกลอกตาอย่างขัดใจ
“ร่างกายของเธอไม่เหมือนกับคนอื่นนะเซอุน จริงอยู่ว่าเธอสามารถซึบซับพลังเวทได้ในระดับมหาศาล แต่ร่างกายของเธอก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดา หากรับพลังเวทปริมาณมากๆ ติดต่อกัน ท้ายที่สุดร่างกายเธอก็จะพังลง” อิมยองมินตัดสินใจบอกความจริงส่วนหนึ่งด้วยความเป็นห่วง เพราะขืนปิดบังต่อไป เด็กหนุ่มคงรั้นและฝืนตัวเองซ้ำๆ
จอมเวทหนุ่มผมสีแดงส้มพยักหน้ายืนยันว่าใช่อย่างที่เคยบอกไว้ โดยไม่อธิบายรายละเอียดว่าได้มาอย่างไร
หลังจากที่เด็กหนุ่มพล็อยหลับไปได้ไม่นานหลังจากกลับมาที่บ้านหลังนี้ คิมดงฮยอนก็มาปรากฏตัวที่บ้านอีกครั้ง อิมยองมินยังจำได้ดี ว่าตอนนั้นเขาเกือบจะพลั้งเล่นงานพ่อมดหนุ่มผมน้ำเงินคนนั้นอีกรอบ หากไม่ได้อันยูจินกับวิล โอ วิส์ปเรียกสติ เขาคงเผลอลงมือทำร้าย ส่วนสาเหตุที่คิมดงฮยอนมาบ้านหลังนี้ เพราะผู้ดูแลรังมังกรไหว้วานให้มาส่งของแทนคำขอโทษ (ส่วนหนึ่งเพราะคิมดงฮยอนรู้สึกผิดเหมือนกัน เลยยอมมาส่งให้ รวมถึงตกลงว่าจะทำงานให้อิมยองมินฟรีสามครั้ง หากงานนั้นๆ ไม่เหลือบ่ากว่าแรง)
สิ่งที่คิมดงฮยอนนำมามอบให้ คือ ต่างหูเงินประดับด้วยอัญมณีสีแดงโลหิต เครื่องประดับหรูหรามูลค่าสูง ที่เป็นหนึ่งในสมบัติที่เหล่ามังกรปกปักษ์รักษามานับพันปี มีคุณสมบัติกักเก็บพลังเวท แบบเดียวกับสร้อยหนังที่จองเซอุนเพิ่งทำแตก แตกต่างตรงที่กักเก็บพลังเวทได้มากกว่า รวมถึงช่วยกดพลังเวทของผู้ที่สวมใส่ หรืออีกนัยน์หนึ่ง มันคือเครื่องป้องกันภัยชั้นดี ที่จะไม่ทำให้จองเซอุนทำอะไรพลีพล่ามเกินตัวอีก แน่นอนว่าตอนแรกเด็กหนุ่มดื้อดึงไม่ยอมเจาะ แต่พอกล่อมว่าจะให้อันยูจินทำขนมที่ชอบให้ ก็พยายามฮึ้บกลั้นน้ำตาไม่ร้องและยอมให้เจาะหูแต่โดยดี
อิมยองมินมองดูลูกศิษย์ผมแดงเบิกตากว้างกับเวทไฟที่วิล โอ วิส์ปสร้างด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจ รอยยิ้มกว้างและแววตาสดใสของเด็กหนุ่ม ทำให้อิมยองมินได้แต่สาบานกับตัวเองเงียบๆ ว่า จะปกป้องสิ่งนี้ตลอดไป ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in