จองเซอุนเดินวนไปมารอบห้องสมุดภายในบ้าน เขาไล่ปลายนิ้วไปตามสันหนังสือทีละเล่มๆ พอเจอหนังสือที่คิดว่าน่าจะเป็นเล่มที่กำลังตามหา ปลายนิ้วของเขาก็หยุดนิ่ง หยิบหนังสือปกหนาออกจากชั้น เปิดไปยังหน้าสารบัญ และไล่สายตาอ่านหัวข้อเรื่องอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อไม่เจอสิ่งที่ต้องการ เขาก็เก็บหนังสือเข้าชั้น เริ่มต้นหาเล่มใหม่อีกครั้ง
ตั้งแต่ที่ได้เห็นภาพแปลกๆ ขณะชิงช้าแกว่งไกว เขาก็รู้สึกติดใจกับภาพหญิงสาวผมแดงคนนั้นอยู่ตลอด ทั้งสงสัยว่าสิ่งที่เห็นนั้นคืออะไรกันแน่ จะบอกว่าวิญญาณก็ไม่น่าใช่ เพราะเท่าที่เคยอ่านเจอแบบผ่านๆ ตาในหนังสือ สิ่งที่เรียกว่าวิญญาณ ไม่ได้แตกต่างไปจากภูติสักเท่าไร มีตัวตนที่ชัดเจน สามารถสื่อสารกันได้อย่างเข้าใจ เพียงแต่ อาจจะสัมผัสกันไม่ได้ ก็แค่นั้น ไม่เหมือนสิ่งที่เห็น กึ่งๆ เป็นภาพพร่าเลือนที่ไม่มั่นคง และเพื่อให้ได้คำตอบ เขาเลยลองมาเดินวนหาข้อมูลในห้องสมุดเล่นๆ แม้จะไม่ได้หวังว่าจะเจอคำตอบก็ตาม ส่วนที่ไม่คิดขอคำปรึกษาอิมยองมินหรืออันยูจิน เพราะไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องมาเป็นห่วงกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ดีไม่ดีเขาอาจจะตาฟาดหรือหูแว่วไปเองก็เป็นได้
“เซอุน อยู่นี่เอง ไปที่ห้องนอนกัน ตอนนี้ช่างมาถึงบ้านแล้ว” อิมยองมินที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องหนังสือเอ่ยขึ้น
“เอ๊ะ? ครับ? ช่าง? ห้องนอน?” จองเซอุนร้องเสียงสูงติดๆ กัน มีคำถามปรากฏขึ้นเต็มใบหน้า
“ที่บอกว่าจะตกแต่งห้องนอนให้เธอใหม่ไง บอกไปแล้วเมื่อวานตอนกินข้าวเย็น”
“อ๋อ ครับ” เด็กหนุ่มลากเสียงยาว จำไม่ได้ว่าพูดเรื่องตกแต่งห้องนอนกันตอนไหน หรือบางทีเพราะมัวแต่คิดเรื่องภาพแปลกๆ ที่เห็น เขาก็เลยไม่มีสมาธิฟังเรื่องที่ชายหนุ่มพูดสักเท่าไร
จองเซอุนเดินตามอิมยองมินไปยังห้องนอนของตัวเอง เมื่อเปิดประตู เขาก็เห็นชายหนุ่มผมสีชมพูสดใสยืนอยู่
“หมอนี่ชื่อแดเนียล เป็นพ่อมด แล้วก็เป็นนักออกแบบภายใน” อิมยองมินอธิบายแบบสังเขป
“พ่อมด? นักออกแบบ?” จองเซอุนทวนงงๆ รู้สึกทั้งสองสิ่งดูขัดแย้งกันแปลกๆ
“คึๆ ฟังดูแปลกใช่ไหม ถึงฉันจะเป็นพ่อมด แต่ก็ชอบทำงานเหมือนกับมนุษย์ทั่วไปน่ะ การทำอะไรโดยไม่พึ่งเวทมนตร์มันก็สนุกดีไปอีกแบบ” แดเนียลหัวเราะร่วนเสียงใสจนตาหยี ชายหนุ่มยื่นมือออกมาด้านหน้า จากนั้นก็ตามด้วยเสียงปุ้งพร้อมกับควันสีม่วงลอยฟุ้งเหนือฝ่ามือ พอควันนั้นหายไป ก็เผยให้เห็นหนังสือเล่มหนาปกสีน้ำตาลลวดลายเหมือนกับพวกหนังสือเวทมนตร์ ชายหนุ่มผมสีชมพูโบกมือเหนือปกหนังสือแผ่วเบา ส่งผลให้หนังสือพลิกหน้ากระดาษเอง เผยให้เห็นลวดลายวอลเปเปอร์หลากสีสันและหลากหลายรูปแบบ “เลือกลายที่เธอชอบเลย แล้วฉันจะเปลี่ยนห้องๆ นี้ให้เป็นอย่างที่เธอต้องการเอง”
“ความจริง ผมว่าห้องนอนแบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว” จองเซอุนอ้อมแอ้มด้วยความเกรงใจ
“ไม่ต้องห่วง แดเนียลติดหนี้ฉันไว้ เพราะงั้นเลือกแบบที่เธอชอบเถอะ” อิมยองมินบอกเรียบๆ
เด็กหนุ่มผมแดงได้แต่ยกยิ้มให้ อยากบอกด้วยว่า ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น
“อ๊ะ? เหมือนมีใครมานะครับ ยูจินไม่อยู่ เดี๋ยวผมไปเปิดให้ คงเป็นลูกค้าที่มารับยาของวันนี้ เห็นมีอยู่คนหนึ่งบอกว่าจะมาก่อนร้านเปิดเพราะต้องไปทำธุระต่อ” จองเซอุนเอ่ยรัวเร็วเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านล่าง เขารีบเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปเปิดประตูให้แขกอย่างรวดเร็ว และในระหว่างที่ต้อนรับลูกค้า ก็ตั้งใจว่าจะหาเหตุผลดีๆ เพื่อปฏิเสธไม่ต้องตกแต่งห้องใหม่ เพราะอย่างที่บอกไป ห้องนอนที่เป็นอยู่ตอนนี้เป็นแบบที่เขาชอบอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนลวดลายของฝาผนังหรือลายของพื้นให้เป็นแบบอื่นก็ได้
อิมยองมินดูเหมือนจะชอบตามใจเขามากเกินไป อย่างเมื่อวานก็สั่งให้อันยูจินทำแต่ขนมที่เขาชอบให้อีก พอบอกว่าไม่ต้องทำของชอบให้บ่อยขนาดนี้ก็ได้ ชายหนุ่มก็ตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไร ฉันอยากให้เธอมีความสุขนี่นา แถมตอนเธอกินขนมก็ดูน่าอร่อยดี”
ตามใจมากเกินไปจริงๆ นั่นแหละ ถ้าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นสักห้ากิโลในสามวัน ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไร
“สวัสดีครับ มารับของที่...” เสียงของจองเซอุนขาดห้วง หัวใจของเขากระตุกวูบอย่างรุนแรง ดวงตาเบิกกว้าง เมื่อพบว่าคนที่มาเคาะประตู คือพ่อมดผมสีน้ำเงินที่เขาเคยเจอเมื่ออาทิตย์ก่อน เป็นคนที่โผล่ไปตอนที่เขาเกือบจะโดนคนที่เคยคิดว่าเป็นคนในครอบครัวขายทิ้ง และก็เป็นคนคนเดียวกับที่ทำให้เขาสลบ แล้วพามายังอังกฤษ พามาหาอิมยองมิน
“คุณดงฮยอน” เด็กหนุ่มเรียกชื่ออีกฝ่ายไม่เต็มเสียง แม้จะไม่เคยแนะนำตัวกัน แต่อิมยองมินเล่าให้ฟังว่า คนที่พาเขามาที่นี่ชื่อว่าคิมดงฮยอน เป็นพ่อมดที่มีอาชีพเป็นนักขนส่งของ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ขอเพียงจ่ายราคางาม ก็จะสรรหามาให้
“ว่าไงสเลย์เบก้าน้อย ไม่เจอกันนานเลย” คิมดงฮยอนทักยิ้มๆ
“มาหาคุณยองมินเหรอครับ” จองเซอุนถามหวั่นๆ แม้คนๆ นี้จะดูเป็นมิตร แต่ก็ดูอันตรายอย่างบอกไม่ถูก
“อืมมม ความจริง ตอนแรกก็ตั้งใจจะมาขอให้หมอนั่นช่วย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว” คิมดงฮยอนบอก ยื่นมือมาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กของจองเซอุน “ช่วยไปด้วยกันหน่อยนะ คุณสเลย์เบก้าน้อย”
สิ้นคำ เปลวไฟสีน้ำเงินก็ลุกท่วมสูงรอบตัว เด็กหนุ่มร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ รีบหลับตาปี๋พยายามสะบัดมืออีกฝ่ายออกด้วยความกลัว
ในจังหวะที่คิมดงฮยอนยอมปล่อยมือ จองเซอุนก็ค่อยๆ ปรือตาขึ้นช้าๆ เปลวไฟสีฟ้าน่ากลัวนั้นได้มอดดับไป พร้อมๆ กับสายลมลูกใหญ่พัดเข้ามาปะทะ เด็กหนุ่มรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาโดยพลัน แต่วินาทีต่อมาก็กลับมาอุ่นวาบเหมือนได้นั่งอยู่ข้างเตาพิงอีกครั้งเนื่องจากผลของเสื้อคลุม
เมื่อลืมตาขึ้นจนสุด เด็กหนุ่มก็ถึงกับแข้งขาไร้เรี่ยวแรง ทรุดฮวบกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in