นักเดาสายที่สามเป็นนักสืบ สายนี้บอกว่า สงสัยตอนเคลื่อนย้ายร่าง คงจะมีการตัดจู๋ของเอิตซีไปขายแล้วละมั้ง เรื่องนี้ทำให้ด็อกเตอร์คอนราด สปินด์เลอร์ (Konrad Spindler) หัวหน้าคณะขุดค้นเอิตซีซวยไป ต้องออกมาปัดป้องข้อกล่าวหาว่าผมไม่ได้ทำ (นะเฟ้ย!)
คุณคงพอจะเดาได้มั้งครับ ว่านักเดาสายไหนจะกระพือข่าวได้มากที่สุด
ถูกเผงครับ—สายที่หนึ่ง
โธ่! เวลาเมาท์น่ะ เมาท์เรื่องคาวๆ ของชาวบ้านเขานับว่ามันที่สุด ถึงแม้ ‘ชาวบ้าน’ ที่ว่าจะตายไปแล้วห้าพันปี (แล้วก็ไม่ได้ถ่ายวิดีโอฉาวเอาไว้!) ก็ตาม
เมื่อปากคนพาไป และทฤษฎีที่หนึ่งได้รับความเชื่อถือจากสาธารณชนคนช่างเมาท์ เรื่องราวของเอิตซีจึงเกิดความซับซ้อนขึ้นมากมาย บ้างก็ว่าเอิตซีเป็นพระที่เดินทางมาจากตะวันออกใกล้ซึ่งคงต้องควักไอ้จู๋มาบูชายัญเจ้าแม่อะไรสักอย่างหนึ่ง
แต่แล้วทุกอย่างก็ผิดหมด!
องคชาตของเอิตซีไม่ได้หายไปไหน มันยังติดอยู่กับที่นั่นแหละครับ เพียงแต่ในตอนแรกไม่มีใครมองเห็นเพราะว่ามันเล็กมากเท่านั้น แถมศพก็บอบบางมาก จะไปขุดคุ้ยค้นอะไรมากเดี๋ยวก็พินาศภินท์พังหมด ต้องรอจนถึงปี 1993 ถึงได้ค้นพบว่า เอิตซียังมีองคชาตอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ และทั้งองคชาตกับลูกอัณฑะต่างก็ถูกความหนาวเย็นทำให้ ‘หด’ เข้าไปซุกซ่อนอยู่ในตัว
แต่เอิตซียังนอนตายแบบสบายๆ ไม่ได้ครับ เพราะพอคราวนี้มนุษย์ตดเหม็นรู้เสียแล้วว่าเอิตซียังมีทั้งลูกอัณฑะและถุงอัณฑะ ก็เกิดข่าวลือใหม่ขึ้นมาอีกว่าในถุงอัณฑะของเอิตซีน่ะยังมีเชื้ออสุจิที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ ถ้าได้เอามาผ่านกระบวนการอะไรสักอย่าง ก็จะสามารถนำมาผสมเทียมกับผู้หญิงในยุคปัจจุบันนี้ได้
มันก็ต้องมีคนอยากลองสิครับ!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in