คุณมีความฝัน
.........ฉันมีความฝัน
และพวกเขาเองก็มีความฝัน..........
ถ้าเช้าวันจันทร์เป็นเช้าที่เราทรมานกับการไปทำงาน คงไม่แตกต่างมากนักกับน้องๆที่ต้องมาเรียน เพราะเมื่อถึงเวลาผู้ปกครองมาส่งที่โรงเรียน เด็กๆบางคนก็เริ่มร้องไห้เป่าปี่หาพ่อและแม่กันทันที หลังจากพ่อแม่หันหลังกลับขึ้นรถไป คุณครูส่งน้องๆที่กำลังร้องไห้มาให้เราปลอบ "จะไหวไหมนะ" ประโยคแรกที่แวบเข้ามาในหัว แต่นาทีนั้นต้องไหวแล้วหล่ะ มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแต่ก็ไม่เกินความสามารถของใครหลายคนที่จะทำให้เด็กน้อยๆหยุดร้องไห้ เพียงแค่อธิบายให้เขารู้ถึงเหตุผลของการมาโรงเรียน แล้วบอกกับเขาว่าหลังหนูตื่นนอนตอนบ่าย พ่อกับแม่ก็จะมารับกลับบ้าน จากนั้นค่อยเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการพาเขาไปเล่นกับเพื่อน เขาก็ค่อยๆหยุดร้องไห้ไปเอง มีสะอื้นบ้างให้ใจเสียเล่น แต่ไม่นานคนตัวน้อยๆก็ร่าเริงเป็นปกติ
วันนี้เราต้องเป็นผู้ช่วยที่ห้องอนุบาลหนึ่ง ซึ่งจากการมาทำงานก่อนหน้านี้กับน้อง ทำให้รู้ว่าชั้นเรียนนี้เด็กแสบและป่วนที่สุด "เอาละซิทีนี้" ความกังวลเริ่มเข้าแทรกประหนึ่งธาตุไฟ พาให้ใจเต้นเร็วเหงื่อออก มือเย็นไปหมด แต่พอถึงเวลาน้องกลับให้ความร่วมมือดีเกินกว่าที่เราคาดไว้
จากการที่เราผูกมิตรเหล่าเด็กน้อย ด้วยการใช้ช่วงเวลาว่างสอนน้อง อ่าน และถามเรื่องพยัญชนะไทย โดยการใช้โปสเตอร์ประกอบ ท่องไป ถามมา จนถึงทอ.ทหาร เริ่มมีน้องผู้ชายหลายคน ยกมือขึ้น บอกเราว่าเมื่อโตไปเขาอยากจะเป็นทอ.ทหาร เราเลยตั้งคำถามต่อเพื่อให้เด็กๆคนอื่นมีส่วนร่วม ด้วยคำถามที่พวกเราบางคนเองก็มักถูกถามอยู่บ่อยครั้ง และหลายครั้งเราตอบไปด้วยความรู้สึกที่ขอแค่ให้ความอึดอัดและความกดดันนี้ผ่านพ้นไป แต่เด็กๆหลายคนที่รายล้อมเรากลับตอบคำถามนี้ด้วยเสียงและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสดใส
"โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร"
น้องหลายคนเริ่มยกมือตอบ มีทั้งทหาร คุณหมอ ตำรวจ และด้วยจินตนาการอันพรั่งพรูของเขา เริ่มมีเด็กชายตัวไม่น้อยแก้มกลมคนนึงอยากเป็นสิงโตเพราะจะได้เป็นจ้าวป่า เด็กผู้หญิงถักเปียสองข้างอยากเป็นดอกบัว เพราะดอกบัวนั้นสวยงามสำหรับเธอ สาวน้อยผมสั้นอีกคน มาด้วยคำตอบที่ชวนให้หัวเราะทันทีที่ได้ยิน เพราะโตขึ้น "เธออยากเป็นควายอดทน"
ในห้องเริ่มมีคำตอบที่เด็กน้อยทยอยตอบมาเรื่อยๆ และมาถึงคำตอบสุดท้ายจากปากสาวน้อยผมสั้นคนเดิมกับที่อยากเป็นคุณควายนั่นแหละ อีกอย่างหนึ่งที่เธออยากจะเป็น พอได้ฟัง มันทำให้เราทั้งขำทั้งตกใจแบบสุดๆ.................คือโตไปเธออยากเป็นเมีย......................เราทำได้แค่อุทานในใจว่าคุณพระ และอยากถามเหลือเกินว่าทำไมหนูถึงรู้จักคำนี้ แต่กลับมีแค่เสียงตอบไปเบาๆว่า
"ตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงเวลา หนูอาจจะต้องตั้งใจเรียนก่อนนะคะ ไว้เมื่อโตกว่านี้แล้วหนูจะเข้าใจ"
แล้วเราก็เบี่ยงเบนความสนของเธอกับการเป็นเมีย ด้วยพยัญชนะตัวต่อไปทันที มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีนักในการรับมือ แต่เราในตอนนั้นคิดว่าคงจะดีที่สุดแล้วที่จะตอบออกไปด้วยคำนี้ และนั่นก็ทำให้เวลาว่างในเช้าวันจันทร์ที่ไม่สดใสนี้กลับสดใสขึ้นมาทันตาหลังจากเจอคำตอบของสาวน้อยและหนุ่มน้อยทั้งหลายในห้องเรียน
จากเหตุการณ์ของสาวน้อยหนุ่มน้อยเหล่านี้มันทำให้เราเรียนรู้ได้เรื่องนึงว่า จริงๆแล้วคนเราต่างก็อยากได้อยากทำในสิ่งที่เราคิดว่าดีและมีความสุข ดูจากสาวน้อยคนนั้นซิเธออยากเป็นดอกบัวเพราะสวย หนุ่มน้อยอีกคนอยากเป็นสิงโต เพราะคงเท่ไม่หยอก พอมองกลับมาบางครั้งเราเองก็อยากเป็นคนอื่นที่มีชีวิตที่ดีกว่านี้
แต่มันคงดีกว่าถ้าเราจะเป็นเราให้ดีและมีความสุขที่สุด
และอีกเรื่องราวนึงที่ทำให้เราได้เรียนรู้.....................................................................
คือ เด็กเปรียบเหมือนกระจกที่สะท้อนสภาพแวดล้อมที่เขาเติบโตมา
คนที่เลี้ยงดูจะต้องเอาใจใส่ดูแลเด็กตัวน้อยๆให้ดี เพราะคนตัวน้อยเหล่านี้เริ่มเรียนรู้ที่จะเลียนแบบ เขาอยากเป็นเมียนั่นคือสิ่งที่เราตกใจ สาวน้อยผมสั้นไปจำคำพูดหรือเห็นคำๆนี้มาจากไหน ถ้าไม่ใช่สิ่งแวดล้อมรอบข้าง แล้วถ้าวันนึงเขาไม่ได้เลียนแบบแค่คำพูดแต่เขาเลียนแบบการกระทำในเวลาที่ไม่สมควร ความเสียใจคงเกิดขึ้นกับครอบครัวเป็นแน่ คงได้แต่หวังว่าพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือสภาพแวดล้อมจะเอาใจใส่ ดูแล หล่อหลอมคนตัวน้อยๆให้ดีกว่านี้และกลายเป็นความงดงามของสังคมได้ในท้ายที่สุด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in