ต่อมา ผมค้นพบว่าแคชเชียร์ชื่อมยุรีเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ เครื่องแบบก่อนเวลาทำงานคือกางเกงเลเอวต่ำสีแสบกับเสื้อยืดเอวลอยโชว์สะดือ มีกระเป๋าคาดเอวยี่ห้อไนกีสี้แดงคาดไขว้ลำตัว แคชเชียร์ชื่อมยุรีคือผู้หญิงที่พูดเหี้ย ห่า และคำหยาบทุกคำในโลกนี้ได้อย่างไม่เคอะเขิน หัวเราะเสียงดัง และกินทุกอย่างได้โดยไม่เคยโอดครวญว่าจะลดความอ้วน และที่สำคัญที่สุด แคชเชียร์ชื่อมยุรีเป็นคนกวนตีน จบ
ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นเราจะบังเอิญเจอหน้ากันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จากที่เจอหน้ากันเฉพาะตอนถ่ายเอกสารก็เจอกันแถวล็อคเกอร์ เจอกันแถวห้องยูนิฟอร์มตอนเบิกชุดพนักงาน เจอกันในแคนทีน
และตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เวลาพักกินข้าวกลายเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับผม เพราะผมจะลุ้นให้ได้กินข้าวพร้อมกับเธอเสมอ
จากคนละโต๊ะ คนละมุมห้อง กลายเป็นคนละมุมโต๊ะ และกลายเป็นกินข้าวพร้อมกัน
ผมไม่ได้รู้สึกซับซ้อนอะไรกับผู้หญิงคนนี้ ผมแค่อยากเจอเธอบ่อยๆ จนถึงเจอกันให้บ่อยที่สุด
จากที่เจอกันเฉพาะที่ทำงาน เราเริ่มนัดเจอกันข้างนอกบ่อยขึ้น
ผมชอบตัวเองเวลาหาข้ออ้างในการนัดเจอมยุรี ไม่ให้ดูเป็นการขอเดตอย่างเป็นทางการได้
เวลากลับบ้านเราใช้บริการบีทีเอสทั้งคู่ มยุรีจะลงสถานีพร้อมพงษ์ ผมลงสถานีพระโขนง แต่พอกลับบ้านพร้อมกันทีไร ผมชอบชวนมยุรีนั่งบีทีเอสย้อนไปที่ปลายสาย (หมอชิต) เพื่อที่จะได้นั่งบีทีเอสด้วยกันนานๆ
ผมเกลียดสถานีพร้อมพงษ์ เพราะมันเป็นสถานีที่เธอลง
และจากสถานีพร้อมพงษ์ไปสถานีพระโขนงก็เป็นระยะทางที่ไกลที่สุด
ส่วนช่วงเวลาที่กว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง ก็เป็นช่วงเวลาที่นานที่สุดเสมอ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in