แมรี่กำลังยังคงนั่งอยู่ในห้องครัว ลาคแลนตามไปดูพริมว่าสบายดีไหม ไม่นานหลังจากนั้นเขาเดินมาบอกเธอว่าพริมหลับไปแล้ว
แมรี่รู้สึกถูกใจแฟนคนนี้ของลูกชายตัวเองพอควร ตั้งแต่พริมมาถึงบ้านของเธอในหุบเขารังกิตาตา พริมต้องเจอกับเหตุการณ์น่าหวั่นใจมากมาย เด็กชาวเมืองคงไม่คุ้นเคยกับอะไรแบบนี้ ถือว่าประสาทแข็งพอสมควรที่ยังไม่ระเบิดออกมา หรือไม่ก็อาจจะแค่เก็บทุกอย่างไว้กับตัวเอง
เสียงของลาคแลนคุยกับเจคอยู่นอกบ้าน แมรี่ขยับยิ้มมุมปาก เก็บกวาดทำความสะอาดห้องครัวจนเรียบร้อย แล้วเดินไปยังห้องที่พริมนอนอยู่
บ้านเก่าๆ ของนิวซีแลนด์มักไม่มีกลอนล็อคห้องนอน ประตูห้องของพริมไม่ได้ปิดสนิท แง้มไว้พอให้เห็นเงามืดสลัวจากการปิดม่านและไม่ได้เปิดไฟ เริ่มบ่ายคล้อยแดดไม่จัด แสงจากทางเดินลอดผ่านช่องประตูเข้าไปในห้องเป็นสามเหลี่ยมมุมแหลมยาวตัดกับเงามืดในห้อง แม่รี่ผลักประตูออกกว้างขึ้น พริมนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง แมรี่ขยับยิ้มอีกครั้ง แล้วเดินจากไป
พริมรู้ตัวว่ากำลังฝัน แต่มันไม่ใช่ lucid dream เพราะเธอไม่สามารถควบคุมมันได้
ในฝันพริมกำลังเดินอยู่บนเนินเขารังกิตาตาคนเดียว ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สูงถึงอก สันเขาตัดกันไปมา บนนี้ไม่มีไม้ยืนต้นเลยสักต้น พริมอยู่ตัวคนเดียว สับสนปนเบื่อ ไม่รู้จะออกไปจากฉากนี้ของความฝันของเธอได้อย่างไร
ที่ปลายสายตา เจ้ากวางปรากฎตัวขึ้น พริมถอนหายใจ แล้วพูดกับตัวเอง “ในที่สุด”
พริมกระพริบตา เจ้ากวางยืนนิ่งแต่ปรากฏกายเข้ามาใกล้มากขึ้น พริมทำอะไรไม่ได้ นี่เป็นความฝันที่เธอเข้ามาเพื่อรับรู้เท่านั้น เธอจะไม่พูดอะไรกับวิญญาณตัวไหนทั้งสิ้น
ประสาทสัมผัสของพริมชัดเจนราวกับตื่นอยู่ เธอกระพริบตาอีกที เจ้ากวางใกล้เข้ามาอีกจนพริมสามารถบอกได้ว่ามันไม่ได้มีหนอนชอนไชเหมือนก่อนหน้านี้ มันยังคงยืนนิ่ง พริมบอกตัวเองว่าจะไม่ทักก่อนอีกแล้วเด็ดขาด
บรรยากาศชวนอึดอัด คราวนี้เจ้ากวางไม่ได้ร้องครวญคราง เพียงแค่ยืนมองเธอเงียบๆ ฉับพลันเกิดเงามืดล้อมรอบ เจ้ากวางยืดตัวสูงขึ้น แขนขาเหยียดยาวออกมา กวางที่เคยอยู่ตรงหน้าขณะนี้ยืนมองเธอในร่างมนุษย์เพศชาย ผมของเขาเป็นสีเดียวกับขนกวางเมื่อก่อนหน้า ใบหน้าบ่งบอกถึงชาติพันธุ์แบบยุโรป เขาสวมชุดลำลองเหมือนที่แซมใส่ตอนเข้าไปล่าสัตว์ เสื้อฟลีซแขนยาว และกางเกงเดินป่าขาสั้น บนหัวของเขายังมีเขากวางอยู่ ชายหนุ่มมองหน้าพริมด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
เหตุการณ์ตรงหน้าทำเอาพริมลืมกฎข้อใหม่ที่เธอตั้งไว้ให้ตัวเองว่าจะไม่คุยกับวิญญาณหรือคนแปลกหน้าทั้งนั้น เผื่อว่าคนที่เธอเห็นอาจจะไม่ใช่คนขึ้นมา กวางที่กลายร่างเป็นคนทำเอาพริมตกใจแล้วเผลอพูดออกไป
“แกเป็นใคร?!” พริมแผดเสียง
“ในที่สุด! ฉันก็ทำให้เธอพูดได้! ฉันแวะมาป้วนเปี้ยนตั้งแต่วันแรก ทำไมไม่ยอมคุยด้วย แต่ไปคุยกับแอนนาซะได้ เป็นไงล่ะ เทคนิกแปลงร่างของฉัน ชอบไหมหน้าตาแบบนี้” เจ้ากวางในร่างคนถามขึ้นอย่างร่าเริง ใบหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อครู่หายไปแล้ว
“อ๋อ นี่คือเรียกร้องความสนใจหรอ เสียใจด้วยนะคนขาวก็หน้าเหมือนกันทุกคนแหละ เธอจะให้ฉันตอบว่าไง” พริมควรจะกลัว แต่ในความฝัน เขาจะทำอะไรเธอได้
“เห้อ อย่างน้อยเธอก็ยอมคุยกับฉันแล้ว ว่าแต่เป็นคนหัวร้อนจริงๆ ด้วย เหมือนที่แอนนาบอกไว้ไม่มีผิด” ชายหนุ่มส่ายหัวยิ้มเอ็นดู เขากวางบนหัวของเขาส่ายไปมาน่าหวาดเสียว พริมขบกรามด้วยความหงุดหงิด เจ้าผีสางในป่าพวกนี้ต้องการอะไรจากเธอ
“แกต้องการอะไร” ไหนๆ ก็เผลอคุยกันไปแล้ว อย่างน้อยก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ถึงเรื่องแปลกประหลาดเหล่านี้จะชวนให้ขนลุก แต่ความอยากรู้ของพริมมีมากกว่าความกลัว และกวางเป็นสัตว์กินพืช อย่างน้อยมันก็คงไม่กินพริม
“บอกไปตอนนี้เธอก็ไม่เข้าใจและช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก ฉันแค่อยากทำความรู้จักกับเธอก่อนเท่านั้น เรียกฉันว่าชาลีก็ได้ เมื่อตอนยังมีชีวิตฉันเป็นกวางแดงมาก่อน พี่น้องของฉันอาศัยอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ ถึงพวกเราจะได้ใช้ชีวิตอิสระ แต่ก็เหมือนอยู่เพื่อรอถูกล่าเมื่ออาศัยอยู่ในเขตล่าสัตว์ของมนุษย์ คุณภาพชีวิตดีกว่าไก่ free range นิดหน่อย”
พริมไม่แน่ใจว่าควรพูดอะไรออกไป เธอไม่มีจุดยืนในเรื่องนี้ ทุกวันนี้เธอก็ยังกินเนื้อเป็นอาหาร ถึงจะไม่ได้กินกวางเป็นประจำก็เถอะ
“แต่ถึงจะเป็นป่าธรรมชาติ นายก็จะถูกล่าอยู่ดีไม่ใช่หรอ”
“ไม่ เพราะพวกมนุษย์ทำให้ผู้ล่าของเราสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว ยิ่งในนิวซีแลนด์ไม่มีใครทำอะไรเราได้ เจ้าพวกนกกีวี่มันจะทำอะไรฉันได้ แค่จะบินยังไม่มีปัญญา”
“งั้นนายก็แค่ผลาญทรัพยากรในเกาะนี้ไปเรื่อยๆ งั้นสิ”
“ฉันไม่คิดว่าจะต้องมาถกเถียงเรื่องแบบนี้กับมนุษย์หรอกนะ ยังไงก็คงไม่มีอะไรเลวร้ายเท่าพวกเธออยู่แล้ว”
“อืม ข้อนี้ไม่เถียง” พริมยอมรับอย่างง่ายดาย จนปัญญาจะเถียงกับชาลีผีกวางในร่างคน
“แล้วนายจะแปลงร่างเป็นคนเพื่ออะไร กลัวฝ่ายซีจีไม่มีงานทำหรอ” พริมถามต่อ ไม่เข้าใจอะไรเลยในความฝันที่ควบคุมไม่ได้นี้
“เพราะฉันสื่อสารกับเธอไม่ได้ในร่างของกวาง โดยเฉพาะในโลกของความจริงฉันไม่มีอำนาจมากพอที่จะพูดคุยกับเธอ ขอโทษที่มาขัดขวางการงีบยามบ่ายละกัน หมดเวลาแล้วสำหรับวันนี้ ไว้พบกันใหม่”
ภาพของชาลีหายไปจากตรงหน้า ทุ่งหญ้าว่างเปล่าอีกครั้ง มาเร็วไปเร็วจนพริมงงว่าต้องทำตัวอย่างไร ฉับพลันภาพตรงหน้ามืดสนิท พริมรู้สึกถึงพื้นผิวของผ้าปลอกหมอนแนบที่แก้ม อากาศเย็นๆ ไหลเข้ามาในห้องเป็นสายทางหน้าต่าง เธอหลับไปโดยไม่ได้เปิดฮีตเตอร์ เท้าเย็นเยียบ พริมลืมตาและกระชับผ้าห่มรอบตัว
ห้องมืดสนิท เหมือนกับว่าพริมจะหลับไปจนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ความเหนื่อยล้าไม่ได้หายไปเลยสักนิด ชวนให้พริมอยากคลุมโปงแล้วนอนต่อยิ่งนัก
เมื่อทำใจได้ พริมเหยียดตัวเองลุกขึ้นจากที่นอน แล้วเดินออกไปตรงทางเดินระหว่างห้องนอนแขกของเธอกับห้องนอนของพ่อแม่ลาคแลน ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตในบ้าน รวมไปถึงสิ่งไม่มีชีวิตก็เช่นกัน เธอเดินไปยังห้องนั่งเล่น มือควานหาสวิตช์ไฟ
ห้องนั่งเล่นสว่างไสวอีกครั้ง แต่พริมไม่เห็นใครในห้องนั่งเล่น ในครัวเองก็เงียบเชียบ นอกบ้านก็ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิต พริมหยิบมือถือขึ้นมาดู ชีวิตท่ามกลางหุบเขานี้ทำให้เธอลืมการมีอยู่ของโทรศัพท์มือถือไปเสียสนิท ไม่ใช่เพราะเธอละทิ้งการสื่อสาร แต่สัญญาณมือถือที่นี่ย่ำแย่ อินเตอร์เน็ตไวไฟที่บ้านก็ไม่ได้ดีกว่าเท่าไหร่ แต่จังหวะนี้ โชคดีเป็นของเธอ มีข้อความเข้ามาทางเมสเซนเจอร์ ท่ามกลางข้อความจากเพื่อนสองสามคน มีข้อความจากลาคแลน
พวกเราออกไปซื้อของใช้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมือง เห็นเธอหลับอยู่เลยไม่ได้ปลุก เดี๋ยวค่ำๆ จะกลับไปพร้อมกับพิซซ่า – ล.
พริมถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบของวันนี้ เธอทิ้งตัวลงบนโซฟา หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง มีคนยืนอยู่ พริมขยี้ตามองอีกที รู้สึกเหมือนยังตื่นไม่เต็มตา แซมยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ใบหน้าแนบกับกระจกเหมือนเด็กประถม สายตามองมาที่เธอ
พริมกรี๊ด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in