พวกเขากำลังยืนล้อมรอบซากกวางตัวหนึ่ง นัยน์ตาว่างเปล่าของเจ้ากวางจ้องมองพริมกลับมา เลือดสีแดงฉานเปรอะเปื้อนไปทั่วตัวของมัน กวางตัวใหญ่กว่าที่เธอคิดมาก เขาของมันเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่แตกกิ่งก้านออกมาและทิ้งใบร่วงจนหมด พริมไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกเศร้ากับซากสัตว์ตัวนี้ไหม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเหมือนฉากในหนังจนหาความเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของพริมไม่เจอ
เจคกำลังยืนคุยอยู่กับลูกค้าของเขา ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่ลูกค้าคนนี้น้ำมันหมดอยู่ พวกเขายืนรออยู่พร้อมซากกวางที่พึ่งล่าได้หมาดๆ เจคแนะนำให้พริมรู้จักกับลูกค้า แซม เขาเป็นชายคนขาวท่าทางทะมัดทะแมง ผมตัดสั้นสะอาดสะอ้าน แต่หนวดทรงวอลรัสหนาเฟิ้มเหนือริมฝีปากชวนให้พริมรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก มันชวนให้พริมนึกถึงอะไรบางแต่ก็นึกไม่ออกว่าความรู้สึกสะอิดสะเอียนผะอืดผะอมนี้มันผูกอยู่กับอะไร เหมือนหนวดดกหนาอันนั้นแอบซ่อนอะไรไว้ พวกเขาไม่ได้จับมือกันเป็นการทักทายเพราะมือของแซมเปื้อนคราบเลือดจากการพยายามย้ายซากกวางไปท้ายรถจี๊ปของตน
ถึงแม้จุดที่พวกเขาอยู่จะห่างไกลจากเมืองและแสงรบกวน แต่ก็ไม่มีดวงดาวให้เห็น เป็นเพราะเมฆครึ้มปกคลุมทั่วท้องฟ้า ถึงแม้ว่าจะมืดเกินกว่าจะบอกได้ว่าเป็นเมฆฝนดำครึ้มหรือไม่ แต่ความรู้สึกของพริมคือเหมือนบนท้องฟ้ามีภูเขาอีกลูกโอบล้อมอยู่อีกที พวกเขายืนอยู่บนเนินเขาที่ไม่สูงมากนักอีกไม่ไกลจะถึงยอดของเขาลูกนี้ รอบๆเป็นเนินเขาจำนวนมากสลับซับซ้อน เธอควรจะรู้สึกสดชื่นและล่องลอย แต่ทิวเขากว้างใหญ่รอบๆ ตัวและเมฆหนาหนักบนฟ้ากลับทำให้พริมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกดให้เล็กลง
พริมพยายามจะไม่นึกถึงเสียงร้องแปลกประหลาดก่อนหน้านี้ ลาคแลนกับเจคทำเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงนั่นเลยสักนิด แถมยังไม่สนใจคำถามของพริมอีก ไม่รู้ว่าเธอได้ยินคนเดียว หรือเสียงนั่นดังจนลาคแลนไม่ได้ยินเธอกันแน่ พริมเก็บงำคำถามไว้ในใจ นึกถึงคำสอนห้ามทักเสียงต่างๆ ที่พ่อเคยสอนมา เจ้าป่าเจ้าเขาที่นี่ควรจะเป็นนกกีวีน่ารักไหมนะ หรือถ้าจะเป็นนางไม้ก็ดูไม่มีต้นไม้เก่าๆ แก่ๆ น่ากลัวเลยสักนิด มีแต่พุ่มไม้แห้งๆ กับหญ้าสีเหลืองอ่อน
ลาคแลนไม่สนใจเธอเลย ตั้งแต่มาถึงหุบเขารังกิตาตาพวกเขาแทบไม่ได้คุยกันเป็นประโยคยาวกว่าตอนที่ให้หยิบเสื้อกันหนาวมาด้วย และมีเพียงเจคที่ออกคำสั่งสั้นๆ เช่นลงจากรถเมื่อตอนที่พวกเขามาถึงที่หมาย ตั้งแต่มาถึงที่บ้านลาคแลนก็ดูเหมือนไม่ได้คุยกับพ่อและแม่ของเขาเลยเช่นกัน พวกเขาประหยัดคำพูดจนเหมือนกับแอบสื่อสารกันเงียบๆ ในหัว ชวนให้พริมคิดว่าหรือภาษามนุษย์จะไม่ใช่สิ่งจำเป็นกับที่ธรรมชาติกว้างใหญ่แห่งนี้
ดูเหมือนเจคกับแซมจะจัดการกับซากกวางเรียบร้อยแล้ว เจคส่งภาษามือมาให้ทุกคนขึ้นรถ รถที่พวกเขานั่งขับนำออกมาก่อน และมีแซมขับตามหลังมาห่างๆ แสงไฟดูเล็กกระจิ๊ดริดเมื่อเทียบกับความมืด หากเปิดไฟสว่างขนาดนี้ที่ถนนในเมืองคงโดนบีบแตรด่าไปแล้ว
เป็นที่รู้กันว่า เส้นทางขากลับนั้นมักจะสั้นกว่าขาไปเสมอ เหล่าผู้เชี่ยวชาญในด้านจิตวิทยามักบอกว่าเพราะเรารู้ว่าเส้นทางขากลับนั้นไกลแค่ไหนและผ่านอะไรมาบ้าง แต่สำหรับทริปนี้ พริมกลับรู้สึกยาวนานเหลือเกิน ความมืดรอบตัวไม่ได้ช่วยให้พริมรับรู้เลยว่าพวกเขาขับรถออกมาไกลแค่ไหนแล้ว ที่แย่กว่านั้นคือพริมปวดปัสสาวะมาได้สักพักแล้ว อากาศหนาวเย็นยิ่งทำให้ปวดฉี่ง่าย แต่ตลอดทางมาไม่มีห้องน้ำ เธอมากับผู้ชายสามคน หากต้องเข้าห้องน้ำกลางทุ่งเมื่อไปเดินป่าตามปกติเธอคงทำใจได้ แต่ในสถานที่แห่งนี้ การต้องถอดกางเกงเพื่อถ่ายปัสสาวะในความมืดกับคนที่ยืนเฉยๆ ก็ทำให้ไม่สบายใจแล้ว พริมยอมเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
พริมเกือบจะลืมเกี่ยวกับเสียงนั่นไปแล้วจนเมื่อพวกเขากำลังลงเนินเขาสุดท้ายก่อนจะถึงบ้านของพ่อแม่ลาคแลน เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้มันไม่ได้ไกลออกไป แต่อยู่ในหูของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเสียงของสัตว์ชนิดไหนแต่เหมือนกับว่าคราวนี้มีเพียงตัวเดียว มันส่งเสียงแหลมสูง โหยหวนเจ็บปวดยาวนาน พริมเผลอกลั้นหายใจจนกระทั่งเสียงของมันแผ่วลงไปจนเงียบสนิท
พวกเขาลงมาถึงตีนเขาพอดี อีกไม่เกินห้านาทีก็ถึงที่หมาย พริมนึกถึงชาร้อนและเตาผิงอบอุ่นที่รออยู่ และหวังว่าเสียงที่ได้ยินจะถูกลืมไปเองเหมือนความรู้สึกที่แปลกปลอมและไม่เหมือนจริงอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอในวันนี้
“ยินดีต้อนรับกลับมา! พวกเธอคงจะหนาวมากสินะ พริมไปอาบน้ำก่อนเลย มันจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น ดูสิหน้าซีดเผือดเชียว” แมรี่เปล่งเสียงใส่พวกเขาอย่างร่าเริงจนดูฝืน พริมจินตนาการถึงหุ่นยนต์ที่หน้าเหมือนกับแมรี่กำลังกวนบางสิ่งในหม้อขนาดใหญ่ในชุดกันเปื้อน อยู่ดีๆ ภาพนี้ก็โผล่ขึ้นมาในหัวอย่างไม่มีเหตุผล จนพริมไม่แน่ใจว่ามันคือภาพที่เธอสร้างขึ้นเองในหัวหรือเธอกำลังเห็นมันจริงๆ
น้ำอุ่นไหลไม่แรงนักไหลผ่านหน้าของพริมอย่างน่าผิดหวัง แต่ความเป็นส่วนตัวเดียวที่พริมหาได้ในสถานที่แห่งนี้คือห้องน้ำ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลจากผู้คน แต่ในทุกๆ ที่ที่ไปจะมีลาคแลน เจค หรือแมรี่อยู่เสมอ พริมภาวนาให้แซมไม่อยู่กินข้าวด้วย เธอไม่รู้ว่าจะทำใจทานอาหารลงได้อย่างไรถ้าต้องร่วมโต๊ะกับเขา แค่นึกถึงแซมและหนวดของเขาก็ชวนให้พริมอยากอาเจียน แต่กลับไม่มีอะไรออกมานอกจากน้ำย่อยเพราะเธอไม่ได้กินอาหารมาเกือบแปดชั่วโมงแล้ว ช่วงเวลาแสนสงบสุขในห้องน้ำควรจะหมดลงได้แล้ว ทุกคนกำลังรอเธออยู่เพื่อกินมื้อค่ำ
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาพริมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นวีแกน แต่เมื่อแมรี่บอกเธอว่าอาหารเย็นของวันนี้เป็นสปาเก็ตตีโบโลญเนสเนื้อกวาง พริมก็รู้สึกขึ้นมาว่าจริงๆ แล้วเป็นวีแกนก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่นัก แน่นอนว่าแมรี่เป็นแม่ครัวที่เก่งกาจ สปาเก็ตตีที่เธอกำลังกินอยู่อร่อยมากรสชาติเข้มข้นถูกต้องแบบที่ลาคแลนไม่เคยทำได้ แต่ใบเบซิลที่พริมขอเพิ่มเป็นพิเศษก็ไม่อาจกลบกลิ่นสาปนิดๆ ของสัตว์ป่า แม้แต่ความรู้สึกตอนเคี้ยวเนื้อยังเหมือนเนื้อกวางที่กินอยู่ในปากนั้นไม่เชื่องกับฟันของพริม
“สปาเก็ตตีเป็นอย่างไรบ้างพริม” แมรี่ถาม สีหน้าคาดหวังแต่แววตาดูว่างเปล่า พริมไม่กล้ามองตาของแมรี่จึงพยายามหาจุดรวมสายตาที่จมูกแทน
“อะ อร่อยค่ะ” พริมตอบเงียบๆ ทำทีเหมือนกำลังง่วนอยู่กับการกิน
“นี่เป็นสูตรเด็ดประจำครอบครัวเราเลยนะ แต่ฉันน่ะทำไม่เป็นหรอก” ลาคแลนเสริมแบบที่ไม่ต้องบอกก็รู้ พริมคิดในใจ
“วันนี้แซมได้กวางมาอีกตัว เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันคงต้องไปจัดการแล่มันอีก” เจคเปลี่ยนเรื่อง
“คุณจัดการซากพอสซัมเสร็จหรือยัง” แมรี่ถามเจค
“ยังเลย กองอยู่ในห้องแล่เนื้อนั่นแหละ” เจคตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“รีบทำมันให้เสร็จ ยิ่งเร็วเท่าไหร่เราก็จะได้เงินเร็วเท่านั้น” แมรี่ยืนยัน
บทสนทนาห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ความคิดของพริมล่องลอยออกไป พริมรู้สึกเหมือนร่างกายไม่ใช่ของตัวเอง เหมือนกับว่าเธอกำลังอาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์ที่บังคับได้ แต่ตัดขาดจากจิตสำนึกและจิตใจ สิ่งที่อยู่รอบตัวเหมือนมองผ่านจอและเป็นแค่เพียงภาพยนตร์ แม้จะรู้ว่าเสียมารยาท แต่เมื่อทานอาหารเสร็จ พริมขอตัวไปเข้านอนก่อนทันที วันนี้แสนยาวนาน เธอรู้สึกเหมือนการขึ้นเครื่องบินเมื่อเช้าเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว และชีวิตพนักงานคอลเซ็นเตอร์ของเธอที่โอ๊คแลนด์ยิ่งเหมือนศตวรรษที่แล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in